ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 367 ชี้นำเสี่ยวหงสร้างมุมมองชีวิตที่ถูกต้อง
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 367 ชี้นำเสี่ยวหงสร้างมุมมองชีวิตที่ถูกต้อง
เสี่ยวหงร้อง ‘เพลงไปเรียน’ ได้ อันหลินไม่แปลกใจ เพราะเสี่ยวหงมักจะชอบร้องเพลงยามสังเคราะห์แสง ‘เพลงกล่อมเด็กสามร้อยเพลง’ ก็เป็นของขวัญที่เขามอบให้เสี่ยวหงด้วย
แต่ใครบอกอันหลินได้บ้างว่า ‘พระอาทิตย์’ ที่ลอยเหนือหัวเสี่ยวหง และคทาในมือนั่นคืออะไรกัน
ไหนจะ ‘ทูตแห่งทินกร’ ที่เสี่ยวหงเรียกนั่นอีก นักบวชมีกล้ามเปลือยกายนั่นมันตัวอะไรอีกล่ะเนี่ย!
“เอ๊ะ จิงโจ้หนีไปแล้ว เราจะทำอย่างไรกันดี” เสี่ยวหงลอยลงมาหาอันหลินพร้อมกับดวงอาทิตย์เหนือศีรษะ ใบหน้างดงามระคนไร้เดียงสามีความกลัดกลุ้มเจือปน
“ปีศาจเงามีความสามารถเปิดมิติได้ สามารถอธิบายได้ว่าทำไมมันถึงรอดจากสี่ทะเลเพลิงของข้าได้ ทำไมถึงทะลวงการป้องกันของเพลิงอนัตตามาโจมตีข้าได้…” อันหลินหน้านิ่วคิ้วขมวด “แต่มันไม่ใช่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่า ระยะเวลาของการใช้มิติแบบนี้ไม่คงอยู่ตลอดไปแน่ เรารอกันอีกสักหน่อย ดูสิว่ามันจะทนไม่ไหวโผล่หัวออกมาไหม”
“อ่อ...” เสี่ยวหงพยักหน้าอย่างว่าง่าย นัยน์ตางามมองซ้ายแลขวาอย่างจดจ่อ
ต้าไป๋วิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหงอย่างตื่นเต้น “ลูกพี่หง เจ้านี่มันดาวนำโชคของพวกเราจริงๆ แค่ออกโรงก็พิทักษ์โลกแล้ว ไม่ทำให้กลุ่มสัตว์เลี้ยงของเราขายหน้า โฮ่ง!”
“ฮิฮิ…” เสี่ยวหงถูกชมจนหน้าแดงก่ำ ฮึกเหิมทันใด เรียกทูตแห่งทินกรออกมาอีกหลายตน กระจายอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ของห้อง เพื่อรอให้ปีศาจเงาออกมาแล้วซัดให้ตาย
อันหลินมองเหล่านักบวชกำยำเปลือยกายในห้อง มุมปากกระตุกยิกๆ อย่างอดไม่ได้
“คือว่า…เสี่ยวหง…แบกพระอาทิตย์เหนื่อยหรือไม่” เขาคิดว่าลองหยั่งเชิงอาการของเสี่ยวหงก่อนดีกว่า
“ไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยเลย จานสีทองนี่เป็นของขวัญจากพระอาทิตย์ พวกเราควรจะชื่นชมพระอาทิตย์!”
ดวงตาของเสี่ยวหงเป็นประกาย พูดด้วยความภาคภูมิใจ
อันหลิน “…”
“แล้ว…นักบวชพวกนี้มันอย่างไรกัน พวกเขาเกี่ยวข้องกับทูตของพระอาทิตย์อย่างไร” อันหลินครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้วิธีไถ่ถามเรียนรู้จิตใจของเสี่ยวหง
เนื่องด้วยเจ้านายถาม เสี่ยวหงจึงตอบอย่างฉับไว เอ่ยเสียงหวานทันทีว่า “นายท่าน ท่านดูศีรษะของนักบวชสิ นึกถึงอะไรได้บ้าง”
“นึกถึงอะไร…ผมของพวกเขาไม่มีแล้ว” อันหลินพูดพลางกะพริบตาปริบๆ
“ผิด! นึกถึงพระอาทิตย์!” เสี่ยวหงพูดอย่างเสนาะหูว่า “หัวของนักบวชกลมกลึงเหมือนพระอาทิตย์กลมๆ บนท้องฟ้า แถมยังสะท้อนแสงของพระอาทิตย์ได้ด้วย พวกเขาถึงเหมาะจะเป็นทูตแห่งทินกร!”
อันหลินอึดอัดใจทันทีที่ได้ฟัง
เสี่ยวหงตากแดดจนเสียสติไปแล้วเหรอ
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหงก็เริ่มฉุนเฉียวขึ้นมา “ชีวิตมอบเส้นผมสีดำให้ทุกคน แต่ทุกคนกลับใช้มาบดบังดวงอาทิตย์”
มันทำหน้าเศร้าสลด ชูสองมือขึ้นสูง “มีแค่นักบวชที่โกนผมทิ้ง ส่องสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์! เยินยอพระอาทิตย์!”
เอาละ ไม่ต้องสงสัยแล้ว เสี่ยวหงตากแดดจนเสียสติไปแล้วจริงๆ!
อันหลินมองเสี่ยวหงอย่างปวดใจ เป็นเพราะปกติใส่ใจมันน้อยเกินไปใช่ไหม เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวปานนี้กับมันก็ไม่เคยรับรู้เลยด้วยซ้ำ…
“เสี่ยวหง นักบวชโกนหัวไม่ใช่เพราะเยินยอพระอาทิตย์ แต่เป็นการตัดความทุกข์ กำจัดกิเลส…” อันหลินอธิบายด้วยความหวังดีไม่หยุด
เสี่ยวหงได้ฟังก็โต้แย้งว่า “ใช้วัตถุประเมินวัตถุนั้นย่อมได้ ใช้วัตถุประเมินอวัตถุไม่ได้ วัตถุที่เที่ยงแท้ไม่ต้องการชื่อ ชื่อไม่เที่ยงแท้เช่นวัตถุ วัตถุเลื่องชื่ออาจไม่ได้เป็นดั่งคำเล่าลือ นายท่าน วัตถุบางอย่างอาจไม่ได้เป็นเช่นเล่าลือกัน วัตถุกับชื่อใช่ว่าจะสอดคล้องกัน รูปลักษณ์อาจไม่ใช่รูปลักษณ์ อาจเป็นภาพลวง ในสายตาของข้า แก่นแท้ของหัวโล้น ก็คือการเยินยอพระอาทิตย์!”
อันหลินนิ่งอึ้ง ถูกตอกจนตะลึงพรึงเพริด ในใจสับสนวุ่นวาย
เป็นแบบนี้เองเหรอ หรือจะเป็นอย่างที่เสี่ยวหงพูดจริง
เสี่ยวหงตากแดดจนเสียสติ หรือตากแดดจนมีปัญญากันแน่
สิ่งที่มันพูดช่างมีเหตุผล ลึกล้ำมาก...
ทำอย่างไรดี คนที่หยาบกระด้างอย่างเราจะโน้มน้าวมันอย่างไร
ไม่สิ ทำไมเราต้องโน้มน้าวมันด้วยล่ะ หัวล้านอาจจะเป็นการเยินยอพระอาทิตย์จริงๆ ก็ได้
ขณะนั้นเอง นักบวชเปลือยกายทั้งหลายก็หันมาส่งยิ้มให้อันหลิน ศีรษะส่องแสงแวววับภายใต้พระอาทิตย์ของเสี่ยวหง เจิดจ้าแยงตา…
อันหลินตกใจกับภาพนี้จนสะดุ้งโหยง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาด
นักบวชที่มีกล้ามเนื้อที่กำยำ ร่างกายที่เปลือยเปล่า ศีรษะสะท้อนแสง…
พับผ่าสิ! สไตล์พิลึกแบบนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ!
ไม่ได้การ จำต้องหยุดยั้งไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นสไตล์ของเสี่ยวหงต้องบิดเบี้ยวไปไกลแสนไกลแน่นอน!
อันหลินสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหง ในเมื่อเจ้าบอกว่าหัวล้านเป็นการเยินยอพระอาทิตย์ แล้วทำไมเจ้าถึงไว้ผมยาวเล่า นั่นหมายความการเยินยอพระอาทิตย์ มีแค่ใจที่เลื่อมใสก็พอแล้ว!”
เสี่ยวหงได้ฟังก็ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้างามสะคราญฉายแววครุ่นคิด
เพี๊ยะ จู่ๆ มันก็ปรบมือ คล้ายว่าได้สติ “โธ่ ข้าก็ว่าเหมือนขาดอะไรไปตอนที่สังเคราะห์แสง ที่แท้ตัวข้าไม่ได้ดำเนินขั้นตอนนี้นี่เอง!”
จากนั้นแหวนมิติก็สว่างวาบ กระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏในมือของมัน เงื้อขึ้นจะตวัดไปทางศีรษะของมัน
บัดซบ! อันหลินฉี่จะเล็ดแล้ว รีบพุ่งเข้าไปกอดเสี่ยวหงไว้
“ใจเย็นๆ ก่อน! เมื่อครู่คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูด!” เขากอดร่างอ้อนแอ้นหอมกรุ่มพลางตะโกนลั่น
เสี่ยวหงทำหน้างุนงง “ทำไมถึงต้องคิดว่าท่านไม่ได้พูด ข้าคิดว่านายท่านถามได้มีเหตุผลมากนี่นา!”
อันหลินจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว มีเหตุผลกับผีน่ะสิ ประโยคคำถาม ‘ทำไมเจ้าถึงไว้ผมยาว’ ข้างหน้านั้นเป็นแค่การเกริ่นนำไหมล่ะ ประเด็นสำคัญคือ ‘การเยินยอพระอาทิตย์ มีแค่ใจที่เลื่อมใสก็พอแล้ว’ ประโยคนี้ต่างหาก!
หากเสี่ยวหงโกนผมจริงๆ ภาพเหตุการณ์คงแตกแตนแน่
ยามรบ หญิงหัวล้านงามล่มเมืองคนหนึ่งปรากฏกายในสมรภูมิรบ ตะโกนดังลั่นว่า ‘เยินยอพระอาทิตย์!’ จากนั้นนักบวชหัวล้านกำยำเปลือยกายกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมารบราฆ่าฟัน…
ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่เสี่ยวหงที่จบเห่ เจ้านายอย่างอันหลินก็ต้องพลอยตกต่ำไปด้วยแน่นอน
ยามนั้นต้องมีคนมากมายกังขาว่า เจ้านายวิปริตแบบไหนกันที่สั่งสอนเสี่ยวหงให้เป็นแบบนี้
อันหลินแย่งกระบี่ยาวของเสี่ยวหงมา นวดหว่างคิ้ว ในใจกำลังเรียงร้อยถ้อยคำ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ มิติแห่งหนึ่งในห้องก็เคลื่อนไหว จากนั้นรอยแยกก็เริ่มปรากฏให้เห็น
ภายในห้องที่สว่างเจิดจ้า รอยแยกมันช่างสะดุดตายิ่งนัก ชัดเจนมากว่าปีศาจเงาทนไม่ไหว จะกลับมาที่ห้องนี้อีกครั้ง
จิงโจ้สีดำตกลงบนพื้นดังตุบ
เหมือนว่าแสงสว่างของเสี่ยวหงจะส่งผลกำราบต่อจิงโจ้อย่างรุนแรงมาก เมื่อจิงโจ้โผล่มาในห้องนี้ ร่างก็พลันสะดุ้งโหยง แทบจะลืมตาไม่ขึ้น
จากนั้น มันก็เห็นนักบวชร่างกำยำเปลือยกายหลายคนพุ่งเข้ามา
แล้วตามมาด้วยเหตุการณ์ความรุนแรงที่โหดเหี้ยมทารุณ เหตุการณ์คาวเลือดอย่างยิ่ง ไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์
ปึกๆ ๆ…ปักๆ ๆ…ตึกๆ ๆ…ผลัวะๆ ๆ…
จิงโจ้ที่ถูกเหล่านักบวชรุมสกรัมนอนแผ่หลากับพื้น หายใจรวยริน น้ำตาอาบหน้า
แสงสีดำทองก่อตัวตรงปลายนิ้วขาวผ่องของเสี่ยวหง พลังสีทองเส้นหนึ่งทะลวงหัวของจิงโจ้ เติมเครื่องหมายหยุดให้กับสงครามนี้
“ยินดีด้วย ผ่านการทดสอบอนธการแล้ว!”
เสียงของไป๋หลิงดังขึ้นมา ภายในห้องก็มีแสงไฟสีขาวส่องสว่าง
“ลูกพี่หงน่าเกรงขาม ลูกพี่หงอหังการไร้เทียมทาน! โฮ่ง!” ต้าไป๋ตะโกนอย่างลิงโลด
ศึกนี้เรียกได้ว่ากลับตาลปัตรด้วยมือของเสี่ยวหงเพียงลำพัง บารมีในกลุ่มสัตว์เลี้ยงของมันสูงขึ้นอีกขั้น อย่างน้อยในใจต้าไป๋มันเป็นเช่นนั้น
อันหลินเองก็ลูบหัวเสี่ยวหงด้วยความปลาบปลื้ม
ทันใดนั้น นักบวชร่างกำยำเหล่านั้นก็หันมา ร่างกายเปลือยเป่า ส่งยิ้มใจดีให้เขา…