ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 375 เจียงอันหลานที่ตะลึงพรึงเพริด
ยอดเขาเมฆา หลินจวิ้นจวิ้นกำลังวาดมังกรร้ายที่สมจริงราวมีชีวิตบนม้วนภาพ
มังกรร้ายหมอบตัวกลางเทือกเขา ภายใต้กรงเล็บสีดำกำยำและน่าสะพรึงกลัว เป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว
หญิงสาวแย้มสรวล มืองามถือพู่กัน ระบายพู่กันวาดท่าทางของชายหนุ่มที่ถูกซัดจนร้องไห้
นางเบิกบานใจมาก ราวกับกำลังทำเรื่องที่สนุกเป็นอย่างยิ่ง
“ใครใช้ให้เจ้ารังแกข้า ตอนนี้รู้ผลแล้วสินะ!”
หลินจวิ้นจวิ้นถลึงตาใส่ชายในภาพวาด พร้อมกับพูดอย่างดุดัน
ไม่นานนางก็นึกถึงเรื่องของโบราณสถานจื่อซิง
“เขาน่าจะเข้าไปในนั้นกว่าเจ็ดวันแล้วกระมัง จนตอนนี้ยังไม่ออกมา ทำไมนานปานนี้ล่ะ หรือจะเจอเหตุไม่คาดฝันอะไรเข้า” หญิงสาวครุ่นคิดอย่างกังวล
ครู่หนึ่งนางก็ทำเสียงฮึดฮัด พูดเย้ยหยันว่า
“ตายอยู่ในนั้นแหละดี จะได้ไม่ต้องมายั่วโมโหเรา!”
…
ทะเลสาบเมฆขาว เจียงอันหลานกำลังนอนแผ่บนพื้นหญ้าเขียวขจี จ้องมองเมฆขาวฟ้าครามอย่างสบายอารมณ์
“สหายอันหลินไปตั้งเจ็ดวันแล้ว สร้างสถิติบุกโบราณสถานยาวนานที่สุด แน่นอนว่า ไม่นับรวมผู้ทดสอบที่ไปแล้วจนป่านนี้ยังไม่หวนกลับ”
“อืม ไม่รู้ว่าครั้งนี้อันหลินจะได้ข้อมูลมามายมายแค่ไหน”
“หึหึ ใต้เท้าเทียนอวี่ยังกล้ารับข้อมูลที่เขานำมาอีกไหมนะ…”
เมื่อคิดถึงท่าทางที่ร้องไห้เพราะโมโหของใต้เท้าเทียนอวี่ เจียงอันหลินก็รู้สึกสะใจเล็กๆ เริ่มคาดหวังกับเรื่องที่จะเกิดหลังจากนี้มากขึ้น
ทะเลสาบเมฆขาวที่มีไอหมอกปกคลุม เริ่มเกิดคลื่นใหญ่เป็นระลอกๆ
ฟองอากาศผุดขึ้นจากก้นทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง ผิวดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น”
เจียงอันหลานสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วมองผิวทะเลสาบที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง
จากนั้นผิวน้ำก็มีละอองใหญ่เม็ดมหึมาปะทุขึ้น มีสองร่างกระโดดออกมาจากผิวทะเลสาบ
คลื่นยักษ์เกลือกกลิ้ง พสุธาสั่นไหว
วัตถุเหมือนกระแสสีขาวหลั่งไหลขึ้นจากก้นทะเลสาบไปรวมตัวกันที่ร่างสีขาวกลางนภา จากนั้นหดเล็กลง เหมือนเขาพระสุเมรุกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ผัก
ตูม
ราวกับอะไรบางอย่างต้านทานไม่ไหว และเหมือนกับของบางสิ่งถูกสูบพลังไปจนหมดเกลี้ยงก็ไม่ปาน
แผ่นดินทรุดตัวทันใด สิ่งที่ยุบลงไปด้วยคือทะเลสาบเมฆขาวที่มีม่านหมอกปกคลุมนั่นด้วย
ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น คลื่นคลั่งคำรามในพริบตา!
เจียงอันหลานอ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้ง
มันเงยหน้าขึ้น มองเห็นร่างซึ่งขี่สุนัขที่คุ้นเคย และร่างที่แปลกหน้า
มันเป็นหญิงชุดขาวที่รูปโฉมงดงามเพริศพริ้ง มือถือประคำสีดำ วัตถุที่หลั่งไหลขึ้นมาก่อนหน้านี้ เข้าไปในประคำสีดำพิลึกเม็ดนั้นนั่นเอง
“สถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งจื่อซิงถูกเก็บเข้าศูนย์กลางสำเร็จแล้ว”
ไป๋หลิงกำประคำสีนิลด้วยสีหน้าที่เจือความเศร้าใจ
ใบหน้าของอันหลินก็เปื้อนรอยยิ้มเช่นกัน แสดงความยินดีจากใจจริงว่า “ยินดีด้วยนะพี่ไป๋ แบบนี้เจ้าก็สามารถเลือกเป้าหมายสืบทอดได้ด้วยตัวเอง มีอิสระมากขึ้นแล้ว”
ไป๋หลิงยิ้มบางๆ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่มีเขามังกรก็รีบรุดเหาะมา
เจ้าอัปลักษณ์กลายร่างเป็นวานรจิ๋ว หมอบอยู่บนหัวไหล่ของอันหลิน
“สหายอันหลิน นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
เจียงอันหลานไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามจากตรงไหน มองสองคนตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
“ฮ่าๆ ๆ สหายเจียง อย่าตื่นตระหนกไป” อันหลินเห็นผู้มาเยือนก็เอ่ยต่ออย่างเริงร่าว่า “มา ข้าจะแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันหน่อย เซียนหญิงท่านนี้เป็นร่างจำแลงศูนย์กลางของสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งจื่อซิง นามว่าไป๋หลิง! ท่านนี้คือเจียงอันหลาน ผู้พิทักษ์ทะเลสาบเมฆขาว”
ไป๋หลิงยิ้มอ่อนโยน พยักหน้าเบาๆ พลางกล่าวว่า “สวัสดี”
เจียงอันหลานได้ยินคำแนะนำของอันหลิน ก็เบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมา “เจ้า…เจ้าเป็นร่างจำแลงศูนย์กลางของสถาบันวิจัยจื่อซิงงั้นหรือ!”
“ใช่แล้ว” ไป๋หลิงตอบอย่างเถรตรงประหนึ่งพี่สาวผู้อบอุ่น
เจียงอันหลานกุมหน้าอก ไม่รู้ควรจะทำหน้าอย่างไร
คุณพระคุณเจ้า!
โลกใบนี้ช่างบ้าบิ่นเหลือเกิน!
ตอนแรกเจียงอันหลานคิดว่าการผจญภัยในโบราณสถานครั้งนี้ของอันหลิน ได้ข้อมูลจื่อซิงออกมาบ้างบางส่วน ก็นับว่าเยี่ยมมากแล้ว
คราวนี้ยอดเลย คนเขาลากร่างจำแลงศูนย์ของสถาบันวิจัยออกมาด้วย!
“งั้น…สหายอันหลิน…” เจียงอันหลานชี้ทะเลสาบเมฆขาวที่ทรุดตัวลง รวมถึงพื้นดินรอบข้างที่แตกระแหงยุบตัวด้วย พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “นี่ก็เป็นเพราะสถาบันวิจัยจื่อซิงหรือ”
“ใช่แล้ว สถาบันวิจัยถูกไป๋หลิงเก็บใส่ประคำไปแล้ว จากนี้นางจะไปจากที่นี่” อันหลินพยักหน้า “อีกนัยหนึ่งก็คือ…สหายเจียงเกษียณได้แล้ว นับจากนี้จะโบยบินในฟ้ากว้างพสุธาใหญ่ตามใจชอบ!”
เจียงอันหลานกะพริบดวงตาที่กระจ่างใสปริบๆ ถ้อยคำของอันหลินดังก้องในโสตประสาทของเขา
สถาบันวิจัยจื่อซิงสิ้นแล้ว ตนเกษียณได้แล้วงั้นหรือ
“คุณพระ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่!”
เจียงอันหลานร้องเสียงหลง กัดนิ้วตัวเองอย่างแรงไปทีหนึ่ง
ฉัวะ เลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้ามัน มันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด จึงยืนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
อันหลินสังเกตเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าไป๋หลิง ชี้แจงอย่างระอาใจว่า
“เอ่อ…สหายคนนี้ของข้าอาจจะได้รับการกระทบกระเทือน เจ้าอย่าได้ถือสา…”
“ฮ่าๆ เขาก็คือผู้ที่สรวงสวรรค์ส่งมาพิทักษ์อยู่นอกสถาบันวิจัยสินะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับชีวิตของเขา ได้รับการกระทบกระเทือนนั้นข้าเข้าใจได้” ไป๋หลิงพยักหน้า
นางรู้ว่าสรวงสวรรค์ต้องสนใจผลการวิจัยของจื่อซิงอย่างยิ่ง ต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับจื่อซิงเป็นแน่ เรียกได้ว่าเป็นวิธีการยอมรับในมรดกของจื่อซิง ฉะนั้นขอเพียงไม่แทรกแซงผู้ทดสอบที่ได้รับพลังการสืบทอดของจื่อซิง นางจะไม่ถือสามากนัก
อารมณ์ของเจียงอันหลานค่อยๆ สงบลง จดจ้องไป๋หลิงตาเป็นมัน เริ่มเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประจบเอาใจ “เซียนหญิงไป๋หลิง ไม่ทราบว่าท่านจะยอมลดตัวไปพบกับใต้เท้าเทียนอวี่บนยอดเขาเมฆาสักคราได้หรือไม่ ขอเพียงร่วมมือกับสรวงสวรรค์ของเรา จะทำให้ท่านได้รับประโยชน์ที่พึงพอใจแน่นอน”
ไป๋หลิงส่ายหน้าปฏิเสธว่า “ไม่ดีกว่า ข้ารู้ว่าสรวงสวรรค์ต้องการอะไร ข้อมูลของสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดอยู่ที่อันหลินหมดแล้ว พวกเจ้าแลกเปลี่ยนกับเขาก็พอ”
เจียงอันหลานตะลึงพรึงเพริดเมื่อได้ยินดังนั้น มองอันหลินด้วยความตกใจ ในใจปั่นป่วนระส่ำระสาย
อันหลินมีข้อมูลทั้งหมดของสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดงั้นหรือ
เจ้านี่คงไม่ได้เป็นคนรักกับไป๋หลิงไปแล้วหรอกนะ จะพลิกสวรรค์หรือ!
สุดยอด สุดยอดจริงๆ…
เขามังกรของเจียงอันหลานสั่นน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้น มองอันหลินอย่างนับถือ
อันหลินกลับไม่ล่วงรู้ความปั่นป่วนที่มากมายในใจเจียงอันหลิน ประสานมือคำนับเอ่ยวาจาแทนว่า “สหายไป๋หลิงจะออกทัศนาจรแล้ว ข้าจะไปส่งนางสักหน่อย อีกสักระยะค่อยติดต่อเจ้า”
“ได้เลยๆ เที่ยวให้สนุกนะ…” เจียงอันหลานตอบเอื่อยๆ
“ใครขอให้เจ้าส่งกัน”
ไป๋หลิงเบะปากที่งามได้รูป ใบหน้าไม่ยี่หระ กลายเป็นแสงสีขาวหนีหายไป
“โธ่ พี่ไป๋ ให้ข้าได้แสดงความสามารถหน่อย รอข้าด้วย!”
อันหลินกลับกระตือรือร้นอย่างยิ่ง ไม่ได้เศร้าสลดเพราะคำพูดของไป๋หลิง ขี่ต้าไป๋แล้วไล่ตามแสงสีขาวไป
…
บนยอดเขาเมฆา ในที่สุดหลินจวิ้นจวิ้นก็สร้างผลงานมังกรร้ายข่มชายชั่วเสร็จสิ้นแล้ว
ครู่หนึ่งนางก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังปราณฟ้าดิน แม้แต่ขุนเขาก็สั่นสะเทือนเบาๆ
“เอ๊ะ หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
นางนึกขึ้นได้ว่าคนบางคนยังอยู่ในสถาบันวิจัยจื่อซิง จึงอดเป็นห่วงไม่ได้
ช่างเถอะ ใช้ยันต์ส่งสารสอบถามเรื่องราวกับเจียงอันหลานหน่อยดีกว่า
เมื่อเชื่อมต่อยันต์ส่งสาร นางก็เอ่ยถามทันทีว่า “เจียงอันหลาน มีการเคลื่อนไหวในทะเลสาบเมฆขาวหรือไม่”
“ยิ่งใหญ่เชียวละขอรับ” เสียงเนิบนาบของเจียงอันหลานดังขึ้น
“มีการเคลื่อนไหวอะไร” หลินจวิ้นจวิ้นใจจดใจจ่อ
“อันหลินออกจากโบราณสถานพร้อมกับข้อมูลทั้งหมดของสถาบันวิจัย พาไป๋หลิงร่างจำแลงศูนย์กลางหนีไปแล้ว!”
หลินจวิ้นจวิ้น “…”
แกรก
พู่กันที่งดงามหักเป็นสองท่อนอีกครั้ง