ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 376 ท่องโลก
แสงอาทิตย์ส่องกระทบพนาที่เขียวขจีจนเกิดดวงแสงสว่างไสวเป็นจุดๆ
ลมอ่อนโชยมา ใบไม้ดังซู่ๆ เคล้าเสียงวิหคเพรียกพร้อง
ร่างสีขาวย่ำโคลนที่อ่อนนุ่ม ฮัมบทเพลงโบราณ เยื้องย่างกลางพงไพรที่เงียบสงบแห่งนี้
“พี่ไป๋ ผิดทางแล้ว ทางนี้เป็นทางไปพุทธภูมิ ไม่ใช่ทางไปแดนจิ่วโจว!” อันหลินที่ขี่ต้าไป๋อดพูดไม่ได้
หญิงสาวเหลียวมองอันหลิน นัยน์ตาเปื้อนยิ้ม เสียงนุ่มนวลดั่งปุยนุ่นดังขึ้น “ข้าอยากไปไหนก็ไปนั่น เจ้าจะตามมาทำไม”
“เพราะกลัวว่าเจ้าเก็บตัวนานไปหน่อย ไม่เคยชินกับสถานที่ หรือเกิดภัยอันตรายอะไรขึ้นมานี่นา” อันหลินตบก้นต้าไป๋ปุๆ ให้เร่งความเร็ว ขึ้นไปเดินเคียงคู่ไป๋หลิง
ไป๋หลิงเชิดหน้าเล็กน้อย สูดอากาศที่สดชื่นเข้าเต็มปอด ซึมซับแสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องลอดแมกไม้ ใบหน้าค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มสดใสเจิดจ้าปานหิมะละลาย ลมวสันต์โชยสิบลี้ ชวนให้ลุ่มหลง
ต้าไป๋ส่งกระแสจิตอย่างอดไม่ได้ว่า “พี่อัน ประโยคที่ว่าไป๋หลิงเป็นองค์หญิงผู้เลอโฉม จุดนี้ข้าเชื่อแล้ว”
อันหลินตอบกลับ “ข้าเคยหลอกเจ้าที่ไหน”
“ไม่ออกมานานนม แผ่นดินนี้ยังคงงดงามเช่นเดิม ข้าชอบ!” ไป๋หลิงมองต้นไม้ใบหญ้า สูดดมกลิ่นหอมของดินโคลน ฟังเสียงนกขับขาน สัมผัสอุณหภูมิของแสงแดด ทุกสิ่งล้วนทำให้นางเคลิบเคลิ้ม ทำให้นางอดชื่นชมไม่ได้
อันหลินมองออกว่า ไป๋หลิงไม่มีอาการไม่คุ้นชินแต่อย่างใด
“โฮก!” จู่ๆ สัตว์ประหลาดหัวเสือหางงูตัวหนึ่งก็กระโจนออกมาจากดงไม้ พุ่งใส่ไป๋หลิงปานสายฟ้าฟาด
อันหลินเห็นดังนั้น สายฟ้าก็กะพริบแปลบปลาบตรงปลายนิ้วแล้ว
ปึก! สิ้นเสียงดังสนั่น สัตว์ประหลาดหัวเสือหางงูชนเข้ากับม่านกำบังไร้รูปร่าง
อันหลินมองไป๋หลิงด้วยความตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังปราณที่เบาบางอย่างยิ่ง จากนั้นก็มีม่านกำบังไร้รูปร่างปรากฏขึ้น
เขารู้ว่าม่านกำบังไม่ใช่คาถาชั้นต่ำอย่างพวกกำแพงอากาศอะไรเทือกนั้น แต่เป็นพลังมิติที่สูงส่งอย่างยิ่ง!
แค่พลังนี้ อันหลินก็รู้แล้วว่าขอแค่ไป๋หลิงไม่รนหาที่ ในแผ่นดินนี้ไม่มีใครรังแกนางได้
อืม…ไร้ซึ่งความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ประสบภัยอันตรายไม่ต้องให้เขาออกโรงปกป้อง เขาปล่อยให้ไป๋หลิงออกไปผจญภัยได้อย่างวางใจแล้ว
“ข้าไม่มีนิสัยเข่นฆ่าสัตว์น้อยตามใจชอบ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก” ไป๋หลิงมองอสูรหัวเสือหางงูที่กระโจนออกมาไวเกินไป ชนกับม่านกำบังมิติจนเวียนหัวตาลาย พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ
อสูรหัวเสือหางงูได้ฟังก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก รีบวิ่งหนีเป็นพัลวัน
“ได้ยินว่าเนื้อส่วนเอวของอสูรหัวเสือหางงูอร่อยอย่างยิ่ง!” อันหลินโพล่งขึ้นมา
มิติเริ่มบิดเบี้ยวอย่างไม่มีสุ้มเสียง
อสูรหัวเสือหางงูวายชนม์
เปลวไฟเริ่มลุกโชน ตะแกรงย่างกว้างหนึ่งเมตร เหล็กแท่งเสียบเนื้อที่ขาวนุ่มมันวาว
อันหลินโรยเครื่องปรุงด้านบนไม่หยุด กองไฟดังเปรี๊ยะๆ เนื้อที่มันขลับค่อยๆ ร้อนขึ้น กลิ่นหอมกรุ่นเริ่มโชยมา
ไป๋หลิงนั่งอยู่ข้างม้านั่งที่อันหลินเอาออกมาจากแหวนมิติ เท้าคางจ้องเนื้อย่างที่หอมกรุ่นยั่วยวนใจ นัยน์ตาสุกใสค่อนข้างเลื่อนลอย
“ข้าเคยเห็นอาหารจานนี้ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในแคว้นสือหลง ชื่อว่าเอวเทวะผัดพริกเกลือ ทำจากส่วนเอวของอสูรหัวเสือหางงูนี่แหละ พอเห็นอสูรหัวเสือหางงูตัวนี้โผล่มา ก็รู้ได้ทันทีว่าพลาดไม่ได้!” อันหลินมองเนื้อย่าง แม้แต่ตัวเองก็อดเดาะลิ้นไม่ได้
เมื่อเขาเห็นท่าทางจดจ่อของไป๋หลิง ก็รู้สึกว่าน่าขำอย่างอดไม่ได้ “เจ้าไม่ได้กินอะไรมานานแค่ไหนแล้ว”
“อืม…หนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยยี่สิบหกปีแล้ว” ไป๋หลิงตอบตามจริง
อันหลิน “…”
“เจ้าไม่ได้กินอะไรมานานปานนี้ ไม่หิวหรือ” อันหลินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
“เมื่อถึงระดับหวนสู่ความว่างเปล่า ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นพลังงานแก่ร่างกายได้ จะหิวได้อย่างไร” ไป๋หลิงยิ้ม
อันหลินก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกันว่า “แต่การกินเป็นความสุขอันดับหนึ่งของชีวิต ไม่กินมาหมื่นปีมันน่าเสียดายเกินไปแล้ว”
เขาใช้ปราณกระบี่เฉือนเนื้อย่างที่ส่งกลิ่นหอมหวนเป็นรูปตาข่าย แล้วโรยเครื่องปรุงอีกบางส่วน ยื่นให้หญิงสาวข้างกาย “ลองชิมดู!”
ไป๋หลิงรับเนื้อย่างที่อันหลินส่งมาให้ ดมกลิ่นหอมที่โชยมา ความเหม่อลอยฉายวาบในดวงตาแวบหนึ่ง
นางยกเนื้อขึ้นจรดริมฝีปากแล้วเผยอออกเล็กน้อย กัดชิ้นเนื้อที่ส่งกลิ่นหอมหวน เคี้ยวอย่างเนิบช้า
รสชาติของเนื้อย่างเลิศรส วนเวียนในต่อมรับรส ทำให้นางหลับตาพริ้ม มุมปากยกยิ้มบางๆ
“ท่าทางเนื้อย่างของข้าจะรสใช้ได้นะ”
อันหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จิ้มเนื้อย่างชิ้นที่สองให้ต้าไป๋ที่น้ำลายสอแล้ว
ไป๋หลิงเหลือบมองอันหลิน พยักหน้าแล้วพูดว่า “นี่เป็นเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ที่เคยกินมาตลอดหนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยยี่สิบหกปี”
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ “เจ้าชมให้มันจริงใจกว่านี้หน่อยได้ไหม”
ไป๋หลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เหอะ ข้าไม่กินอะไรเลยมาหนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยยี่สิบหกปี ตอนนี้กลับทำลายกฎด้วยเนื้อย่างของเจ้า เช่นนี้ยังทำให้เจ้าดีใจไม่ได้งั้นหรือ”
อันหลินคิดใคร่ครวญ หากลองเปลี่ยนมุมมอง ดูเหมือนจะทำให้รู้สึกภูมิใจมากเหมือนกัน!
ไป๋หลิงกัดเนื้ออีกคำแล้วพยักหน้า “เจ้าพูดถูก การกินเป็นความสุขอันดับหนึ่งของชีวิตจริงๆ!”
จู่ๆ ตัวนางเองก็หัวเราะ นัยน์ตากระจ่างใส เส้นผมดำขลับไล้ใบหน้าขาวผ่องแดงเรื่อ ไม่มีแก่ใจจะปัดออก เพียงละเลียดกินเนื้อย่างคำเล็กคำน้อย
อันหลินเห็นไป๋หลิงที่มีนิสัยประหลาดเผยรอยยิ้มไร้เดียงสาประดุจเด็กน้อย จึงอดรำพันในใจไม่ได้ว่า ‘เก็บตัวนานเกินไปต้องออกมาท่องโลกจริงๆ!’
“ต่อไปเจ้าจะไปไหน ข้าเตรียมจะกลับสรวงสวรรค์แล้ว” จู่ๆ อันหลินก็ถามขึ้นมา
“ไม่บอกเจ้าหรอก” ไป๋หลิงตอบอย่างฉับไว
อันหลิน “…”
“งั้นขอยันต์ส่งสารหน่อย มีเรื่องอะไรมาหาข้าได้” อันหลินกล่าว
“ไม่ละ มีวาสนาย่อมได้พบกันอีก” ไป๋หลิงเอ่ยเสียงเรียบ
อันหลิน “…”
หญิงสาวที่ยังอ่อนโยนน่ารักเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้ทำไมถึงได้เย็นชาอีกแล้วล่ะ
หรือเรื่องที่นางจะทำ เป็นสิ่งที่เรายุ่งเกี่ยวไม่ได้ ถึงไม่ปริปากบอก
อันหลินไม่เข้าใจ และไม่อยากคิดอีก
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายสองคนหนึ่งสุนัขก็กินเนื้อส่วนเอวของอสูรหัวเสือหางงูหมด
“ต่อไปไม่ต้องส่งข้าแล้ว เราแยกกันตรงนี้เถอะ” ไป๋หลิงมองอันหลิง ในดวงตาเจืออารมณ์ที่เดาไม่ออก ราวกับเก็บงำอารมณ์ทั้งหมดไปแล้ว
อันหลินหยุดคิดเล็กน้อย กลับสรวงสวรรค์ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว ได้เวลาแยกทางกันแล้วจริงๆ
“งั้นสหายไป๋หลิงรักษาตัวด้วยนะ ต่อไปหากมีอะไรมาหาข้าที่สรวงสวรรค์ได้” เขาโบกมือ
ไป๋หลิงผงกศีรษะ กลายเป็นลำแสงสีขาว หายลับไปในชั้นเมฆในพริบตา
จ้องมองแผ่นหลังที่จากไปของไป๋หลิง หนึ่งคนหนึ่งสุนัขเงียบงัน
“พี่อัน องค์หญิงของเจ้าหนีไปแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋โพล่งขึ้นมา
อันหลินคร้านจะต่อปากต่อคำกับต้าไป๋ แต่มองที่ระบบของตนแทน
แถบภารกิจพิเศษแสดงผลว่าภารกิจสำเร็จ สามารถสุ่มจับรางวัลได้แล้ว
นี่เป็นการสุ่มจับรางวัล แถมยังเป็นการสุ่มจับวรยุทธ์พิเศษอีกด้วย
หวนคิดถึงครั้งก่อนเป็นการสุ่มจับศาสตราวุธ ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้สุ่มจับวรยุทธ์แล้ว!
อันหลินใช้คาถาเรียกน้ำล้างมือก่อน และลอบท่องในใจว่าขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ถึงได้ยอมเข้าประเด็น
เขามองวงล้อสุ่มรางวัลของระบบ ตรงนั้นมีวรยุทธ์ร่วมร้อยชนิด กระจายอยู่ในช่องของวงล้อสุ่มอย่างเนืองแน่น และถูกหมอกบางปกคลุมหนึ่งชั้น ทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นวรยุทธ์อะไร
ช่างเถอะ มีวรยุทธ์พิเศษให้สุ่มจับก็ไม่เลวแล้ว ในใจเขาไม่ถือสาเรื่องแบบนี้หรอก
‘เริ่มการสุ่มจับรางวัล!’
อันหลินตะโกนในใจ
จากนั้นวงล้อในสมองก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
‘หยุด!’
ความเร็วของวงล้อช้าลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็หยุดลงที่ช่องช่องหนึ่งที่ส่องแสงเจิดจ้า!