ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 378 เริ่มแปลงจิต
เขาชมจันทร์ นักเรียนสิบกว่าชีวิตมาถึงยอดของเขาชมจันทร์แล้ว
สวีเสี่ยวหลาน เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋น หลิวเชียนฮ่วน ลั่วจื่อผิง เหมียวเถียน จงหย่งเหยียน ซุนเซิ่งเหลียน เหยาหมิงซี เหยาซิ่ว หูก้วน ถังซีเหมิน หลิวต้าเป๋าและจ้าวหวายหยิน…
หลังผองเพื่อนของอันหลินทราบข่าวนี้ ก็พากันมารอที่ยอดเขาชมจันทร์ทันที
มีบุรุษชุดขาวที่องอาจเหนือสามัญอีกคน เหน็บกระบี่คู่กายข้างเอวยืนตระหง่านบนยอดเขา เขาคือเซียนกระบี่หลิงเซียว อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องอันหลิน
อันหลินข้ามอสนีบาตจำต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ไม่มีใครช่วยเขาได้
มิตรสหายอาจารย์มาที่นี่เพียงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุยามข้ามอสนีบาต และให้กำลังใจอันหลินเท่านั้น
เรื่องที่อันหลินแปลงจิตยังถือเป็นความลับ หากว่าแพร่สะพัดออกไป เกรงว่าจะสะเทือนไปทั้งสำนัก เมื่อถึงตอนนั้น เขาชมจันทร์คงแออัดไปด้วยนักเรียนหลายหมื่นคน เขาจึงจำต้องจัดการเงียบๆ ให้คนสนิทสิบกว่าชีวิตรู้เป็นพอ
“ย้อนคิดถึงตอนนั้น ข้ากับอันหลินยังสูสีคู่คี่กันอยู่เลย ไม่คิดว่าวันนี้ เขาจะแปลงจิตแล้ว…” ใบหน้าดำเมี่ยมของหลิวต้าเป๋ามีความเศร้าซึม
“คนเราย่อมเปลี่ยนแปลง ต่อให้เป็นหมาก็เปลี่ยนเหมือนกัน” จ้าวหวายหยินแหงนหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจ
หลิวเชียนฮ่วนยิ้มร่า “ไม่คิดเลยว่าคนที่เข้าสู่ระดับแปลงจิตคนแรกของสำนักจะเป็นอันหลิน ศิษย์พี่อย่างข้าละอายใจนัก!”
ถังซีเหมินกลอกตาใส่หลิวเชียนฮ่วน “ไยข้ามองไม่ออกเลยว่าเจ้าละอายใจน่ะ แต่ศิษย์พี่อย่างข้าคนนี้ละอายใจจริงๆ”
“นึกถึงตอนนั้น ตอนที่เขาเข้าเรียนเป็นเพียงกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ ข้ายังบอกเขาอยู่เลยว่าให้ตั้งใจพยายาม ไม่คิดเลยว่าสามปีให้หลัง เขาจะกลายเป็นนักเรียนที่แปลงจิตก่อนใครเพื่อน” ใบหน้าของเซวียนหยวนเฉิงเจือความคะนึงคิด
“แต่อันหลินยังไม่กึ่งแปลงจิตเลยไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้จะเลื่อนระดับสู่แปลงจิตแล้วล่ะ” ดวงหน้าน่ารักเกลี้ยงเกลาของซูเฉี่ยนอวิ๋นฉายความงุนงงและสนเท่ห์
จงหย่งเหยียนขยับพัด กล่าวด้วยสีหน้าที่มองทุกอย่างปรุโปร่ง “พี่อันเป็นใคร วัดด้วยกฎมาตรฐานได้หรือ สู้กับบุคคลระดับหวนสู่ความว่างเปล่าได้ตั้งแต่กายแห่งมรรคขั้นสิบ ต่อให้ข้ามอสนีบาตเลื่อนระดับเป็นหวนสู่ความว่างเปล่าข้าก็ไม่แปลกใจ”
“นั่นสิ นั่นมันเทพอันเชียวนะ!” ใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยของเหมียวเถียนมีแต่ความชื่นชม
“พี่อันที่หนึ่งในหล้า!” แฟนคลับตัวยงอย่างเหยาหมิงซีและหูก้วนตะโกนก้อง
ดวงตาคู่งามของสวีเสี่ยวหลานมองทางเดินหินเขียวที่ลดเลี้ยวลงไป เห็นร่างที่สวมชุดสีแดง ใบหน้าก็พลันแย้มยิ้มดงดงาม “อันหลินมาแล้ว”
ทุกคนได้ยินก็เบนสายตามองทางเดิน เห็นอันหลินที่สวมชุดแดงอย่างที่คาด ด้านหลังมีหนึ่งวานร หนึ่งสุนัข กับหญิงสาวที่มีโฉมสะคราญล่มเมือง
อันหลินเดินมาถึงยอดเขา มองทุกคนที่รวมตัวกันนานแล้ว ก็อดเหม่อลอยไม่ได้ จากนั้นก็โค้งตัวกระดากใจ “ขอโทษที่ปล่อยให้ทุกคนต้องรอนาน”
“ฮ่าๆ พวกเราต่างหากที่มาก่อนเวลา อันหลินพูดประโยคนี้ถือเป็นคนอื่นแล้ว” เซียนกระบี่หลิงเซียวมองอันหลินด้วยความปลาบปลื้มและคาดหวัง
“จะว่าไปอันหลิน ทำไมเจ้าถึงใส่ชุดแดงเล่า เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเจ้าใส่เลย” ซูเฉี่ยนอวิ๋นกะพริบดวงตาสีน้ำเงินปริบๆ เอ่ยด้วยความฉงน
“ไม่ใช่แต่งงานเสียหน่อย เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไปทำไม จะแขวนลูกแพรปักตรงหน้าอกเจ้าไหม” สวีเสี่ยวหลานกลอกตาแล้วพูดค่อนขอด
อันหลินยืดอกอย่างลำพองใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าจะเข้าใจอะไร เรื่องข้ามอสนีบาตแปลงจิต ย่อมต้องแต่งตัวเป็นมงคลสักหน่อย!”
“อ้อ…” ดวงตาของซูเฉี่ยนอวิ๋นมีแสงแวววับฉายวาบ ทำหน้าเหมือน ‘ถึงบางอ้อแล้ว’
“พี่อันสุดยอด!” พวกเหมียวเถียนตะโกนอย่างตื่นเต้น
“เสี่ยวหง” อันหลินขานเรียกหญิงสาวด้านหลัง
เสี่ยวหงพยักหน้า กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งใส่หัวของอันหลิน สุดท้ายก็กลายเป็นดอกไม้สีแดงที่โยกไปโยกมาตามสายลมอยู่เหนือศีรษะของอันหลิน
เซียนกระบี่หลิงเซียวพูดอย่างประหลาดใจว่า “อันหลิน นี่หมายความว่าอย่างไร”
อันหลินยิ้มบางๆ “อาจารย์ นี่เรียกว่าแดงรับโชคลาภ!”
เซียนกระบี่หลิงเซียว “…”
พวกหูก้วนและเหยาหมิงซีต่างก็กู่ร้องอย่างลิงโลดว่า “แบบนี้ก็ได้ด้วย พี่อันสุดยอด!”
สวีเสี่ยวหลานกุมขมับ “นี่มันการข้ามอสนีบาตแปลงจิตนะ เจ้าช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม”
หลิวเชียนฮ่วนหลุดขำพรืดออกมาอย่างอดไม่ได้ตั้งแต่เห็นภาพนี้ แอบล้วงมือถือออกมาเงียบๆ ถ่ายรูปไว้เพื่อเป็นที่ระลึกให้อันหลิน
เซียนกระบี่หลิงเซียวก็สมกับเป็นผู้มีประสบการณ์ เมื่อได้เห็นการกระทำพิลึกของอันหลิน ไม่นานอารมณ์ก็สงบลงอีกครั้ง ถามด้วยสีหน้าขึงขังว่า “อันหลิน เลื่อนระดับสู่แปลงจิตจำต้องข้ามอสนีสี่สิบเก้าสาย ระหว่างข้ามอสนีบาตไม่มีใครช่วยเจ้าได้ ทุกอย่างต้องพึ่งพาตัวเอง หากสำเร็จก็คือระดับแปลงจิต หากล้มเหลวจะสิ้นชีพวายชนม์ เจ้าเตรียมใจพร้อมแล้วหรือ”
เมื่อสิ้นคำพูด ทุกคนต่างก็เก็บงำความเหลาะแหละ จ้องอันหลินด้วยความหวั่นวิตก
ข้ามอสนีบาตไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้อสนีแปลงจิตจะเป็นเพียงการข้ามอสนีบาตระดับที่ต่ำที่สุด แต่อัตราการรอดมีไม่ถึงครึ่ง เหล่าอัจฉริยะของสำนักทั้งหลายจะมีโอกาสสำเร็จสูงกว่ามาก แต่ก็มีตัวอย่างที่ไม่อาจทำสำเร็จอยู่บ้างเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้สำหรับอันหลินแล้ว การข้ามอสนีบาตครั้งนี้ก็อันตรายอย่างยิ่งเช่นกัน
“ข้าเตรียมพร้อมแล้ว เริ่มได้ทุกเมื่อเลย” อันหลินได้ฟังก็ยิ้ม เอ่ยตอบอย่างไม่สะท้าน
ต้องการเดินหน้าต่อ ต้องการหนทางอมตะ ก็ห้ามยอมแพ้ในตอนนี้เด็ดขาด
เซียนกระบี่หลิงเซียวพยักหน้า กวาดตามองนักเรียนรอบกายแล้วพูดว่า “ตอนนี้พวกเราถอยห่างออกไปร้อยจั้ง จะได้ไม่รบกวนการข้ามอสนีบาตของอันหลิน”
ทุกคนพากันถอยหลังเมื่อได้ฟัง
“อันหลินสู้ๆ!” สวีเสี่ยวหลานจ้องอันหลินครู่หนึ่งแล้วโพล่งออกมา
ประโยคนี้ของนางกระตุ้นอารมณ์ของผองเพื่อนที่อยู่ที่นี่ในพริบตา
“อันหลิน เจ้าทำได้แน่นอน!”
“พี่อันสู้ๆ!”
“พี่อัน พวกเราจะดูเจ้ารังแกอสนีบาต...”
อันหลินฟังคำพูดที่ให้กำลังใจและคาดหวังยามห่างไปของทุกคน ก็อดอุ่นใจไม่ได้
ต้าไป๋ เจ้าอัปลักษณ์และเสี่ยวหงก็ไปจากเขา หากถูกพลังภายนอกรบกวนระหว่างข้ามอสนีบาต อสนีจะทวีความน่ากลัวขึ้น แม้แต่สิ่งของอย่างค่ายกลหรือยันต์ก็ใช้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อันหลิน พวกเราจะรอเจ้ากลับมาพร้อมความสำเร็จนะ!”
ไกลออกไปร้อยจั้ง เสียงกังวานไพเราะของสวีเสี่ยวหลานดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินมองร่างสีเขียวที่กำมือแน่นตั้งนานแล้ว สูดหายใจเข้าลึกแล้วชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะให้
ทุกคนที่ถอยห่างร้อยจั้งต่างก็จ้องอันหลินด้วยความตึงเครียด ไม่อยากละสายตาเลยสักนิด
ภาพหนึ่งจึงเริ่มปรากฏให้เห็น
อันหลินนั่งขัดสมาธิเตรียมจะชักนำสายฟ้าสวรรค์แล้ว
เอ๊ะ เขาหยิบโสมสีทองออกจากแหวนมิติ!
จะทำอะไรน่ะ
คุณพระ โสมนั่นขยับได้ด้วย!
เซียนกระบี่หลิงเซียวเพ่งสายตาโดยพลัน “คลื่น…คลื่นพลังไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เหมือนจะมีผลเทวะสูงสุด”
ผลเทวะสูงสุด พี่อันมีผลเทวะสูงสุดหรือ!
เขาเอาผลเทวะสูงสุดออกมาทำไม
ขณะที่ทุกคนกำลังทำหน้าฉงนสนเท่ห์อยู่นั้น
“ฮะ! ผลเทวะสูงสุดถูกเขากินแล้ว!”
ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างก็ตกใจจนอุทานออกมา
พลังงานของผลเทวะสูงสุดอหังการอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างอันหลินเลย ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่ากินเข้าไป อาจจะตายเพราะกายระเบิดทันทีก็ได้!
“อันหลินจะไม่เป็นไรใช่ไหม” ซูเฉี่ยนอวิ๋นเห็นภาพนี้ก็ยกมือปิดปาก หน้างามถอดสี
“คงจะไม่เป็นอะไร พี่อันไร้พ่าย” แม้แฟนคลับตัวยงอย่างพวกหูก้วนจะพูดแบบนี้ แต่สายตาก็มีความกังวลฉายวาบเช่นกัน
แต่ในเวลานี้ สวีเสี่ยวหลานกลับโล่งใจ
นางมักจะคิดว่าอันหลินต้องกินอะไรสักอย่างแล้วค่อยทะลวงขั้นเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นจะไม่สมบูรณ์ คราวนี้เยี่ยมเลย กินเข้าไปแล้ว น่าจะทะลวงขั้นได้อย่างราบรื่น…
ขณะที่ทุกคนกำลังวิตกจริตอยู่นั้น จู่ๆ ดวงตาของอันหลินก็สาดแสงสีทอง
พลังปราณม้วนตัวไปสิบลี้ในพริบตา
ไม่กี่อึดใจต่อมา เมฆดำก็ปกคลุมทั่วท้องนภา เสียงฟ้าร้องดุจสวรรค์คำรามกร้าว สะเทือนไปทั่วแผ่นดินลอยฟ้า!