ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 381 คลอดอะไรออกมา
“แรงเกินไป ช้าๆ หน่อย ให้ข้าได้หายใจหายคอหน่อย…”
“อืม แรงประมาณนี้กำลังดี สบายมาก!”
อันหลินยื่นมือดูดซึมพลังอสนีบาตไม่หยุด ร่างของกิเลนอสนีทองอนัตตาถูกเขาขูดรีดจนซูบผอม
ขุมพลังสัตว์ภายในร่างกายค่อยๆ ละลายเป็นของเหลว ไหลซึมสู่เส้นชีพจร ทำให้เส้นชีพจรแข็งแกร่งขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นชีพจรทองที่ทนทานช้าๆ
ทุกอย่างพิสูจน์แล้วว่า อันหลินกำลังข้ามอสนีบาตอย่างเชื่องช้า ดวงจิตก่อตัวและขยายตัว เชื่อมประสานจิตวิญญาณแห่งฟ้าดิน...
ใช่แล้ว ช้ามาก! เพราะเร็วเกินไปจะเจ็บ!
ทุกคนที่มุงดูมองภาพมหัศจรรย์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จนตอนนี้สมองยังงุนงงอยู่เลย
ชายหนุ่มที่สวมชุดแดงยืนตระหง่านบนยอดเขา มือขวาสอดเข้าไปในปากกิเลนอสนีทองอนัตตาที่สูงนับสิบกว่าจั้ง ประดุจทูตที่สนิทสนมกับสายฟ้าสวรรค์ ยิ่งใหญ่และลุ่มลึก
พวกเขาไม่มีวันลืมภาพที่มหัศจรรย์นี้ไปตลอดกาล เมฆดำสิบลี้กระเพื่อม แสงของสายฟ้าสีทองทรงอานุภาพ ส่วนชายหนุ่มที่มีนามว่าอันหลินกำลังสั่งสอนอสนีทองอนัตตา!
“น้องสาม เจ้าคิดว่าอย่างไร โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดขึ้นขณะที่เหม่อมอง
“ข้าคิดว่าพี่อันอหังการยิ่งนัก ลูกพี่หง เจ้าคิดอย่างไร” ดวงตากลมโตดุจโคมไฟของเจ้าอัปลักษณ์สะท้อนสายฟ้าเจิดจ้า ใบหน้าเลื่อมใสและอิจฉา
“นายท่านแม้แต่กิเลนอสนีก็ไม่เว้น รสนิยมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน อ๊าก...” เสี่ยวหงพูดเสียงหวาน
เจ้าอัปลักษณ์ “…”
ต้าไป๋ “…”
อาจารย์ที่ปรึกษาอย่างเซียนกระบี่หลิงเซียวโล่งอกไปที ใบหน้าค่อยๆ ฉายความประหลาดใจ รำพันว่า “นับว่าข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจนักเรียนคนนี้ ข้ามอสนีบาตยังทำให้เป็นสภาพนี้ได้…”
ตีนเขาชมจันทร์ ที่นี่มีนักเรียนออกันอยู่ร่วมพันชีวิตแล้ว
พวกเขาทราบผ่านพลังเซียนส่องทางไกลแล้วว่า คนที่กำลังข้ามอสนีบาตก็คืออันหลิน ฉะนั้นอารมณ์ที่ตื่นเต้นของพวกเขาเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ ขาดแค่พุ่งตรงขึ้นยอดเขาชมจันทร์เท่านั้น
ร่างของกิเลนอสนีทองอนัตตาหดเล็กไปกว่าครึ่งแล้ว และพลังของอันหลินก็ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางบางอย่างแล้วเช่นกัน
อสนีทองอนัตตาไหลเข้าสู่ฝ่ามือ ขัดเกลาสฤษฏ์กายของเขาไม่หยุดหย่อน
ทะเลปราณถูกแสงทองปกคลุมถ้วนทั่วแล้ว ไม่รู้เลยว่าภายในเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้เพียงว่าขุมพลังสัตว์น่าจะยังไม่ละลายทั้งหมด
คราแรกร่างกายของอันหลินยังรู้สึกปวดร้าว เหมือนถูกฉีกทึ้งจากการโจมตีของพลังงานสายฟ้าสีทอง
แต่เมื่อเวลาผันผ่าน เขาแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ หลังภูมิต้านทานแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเจ็บปวดก็อ่อนกำลังลง
“มา แรงกว่านี้หน่อย ไม่ได้กินข้าวหรือไง!”
เขาเพิ่มความแรงอย่างต่อเนื่อง ตะโกนบอกกิเลนอสนีทองอนัตตา
สิบห้านาทีต่อมา สุดท้ายกิเลนสีทองก็มลายหายไปในอากาศ
อันหลินเงยหน้ามอง จ้องเมฆดำบนผืนฟ้าที่ค่อยๆ สลายตัว ยังไม่หนำใจเลย
ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนปานภาพฝัน พิลึกเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นยันตอนนี้ เขายังไม่เชื่อว่าข้ามอสนีบาตสำเร็จแล้ว อสนีระดับแปลงจิตสิ้นสุดแล้วเหรอ ตอนนี้เราอยู่ในระดับแปลงจิตแล้วเหรอ
เขามองสองมือของตัวเอง ใช้จิตสัมผัสร่างกายของตัวเอง พลังพุ่งทะยานอย่างใหญ่หลวงจริงๆ
“ฮ่าๆ พี่อันทะลวงสู่ระดับแปลงจิตสำเร็จแล้ว! โฮ่ง!”
เมื่อเห็นเมฆดำเริ่มกระจายตัว ต้าไป๋ก็ร้องลั่นอย่างลิงโลดใจ
พวกเซวียนหยวนเฉิงเริ่มเหาะไปหาอันหลินด้วยความปลาบปลื้ม ตั้งใจว่าจะแสดงความยินดี
อันหลินยิ้มน้อยๆ เริ่มสำรวจทะเลปราณ
คาดไม่ถึงว่าชั่ววินาทีที่เขาสำรวจภายใน จะได้เห็นแสงทองสว่างโชติช่วง จากนั้นก็เหมือนดวงจิตจะถูกฉุดกระชาก เลือดลมทั่วร่างเกลือกกลิ้ง!
จู่ๆ เขาก็ทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นอย่างหมดแรง เหมือนมีอะไรบางอย่างเพิ่มมาในช่องท้อง
ทุกคนสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นภาพนี้
“อันหลิน เจ้าเป็นอะไร!” สวีเสี่ยวหลานร้องเสียงหลง วิ่งปรี่เข้าไปพยุงแขนอันหลิน ใช้พลังเซียนตรวจสอบสภาพภายในร่างกายของเขา
สัญญาณชีพปกติ การทำงานของปราณวุ่นวาย สาเหตุไม่แน่ชัด…
เซียนกระบี่หลิงเซียวก็ใช้นิ้วแตะที่หว่างคิ้วของอันหลินเพื่อวินิจฉัย แต่ผ่านไปหลายอึดใจ ใบหน้าของเขาก็ฉายความฉงน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
ในตอนนั้นเอง อันหลินก็กุมท้องด้วยความทรมาน ร้องลั่นขึ้นมาว่า “เจ็บ เจ็บจังเลย…มีอะไรอยู่ในท้องข้ากันแน่!”
“ในท้องหรือ ในท้องไม่มีอะไรนี่นา” เซียนกระบี่หลิงเซียวขมวดคิ้ว พูดอย่างงงงวย
ทุกคนต่างก็กังวลใจอย่างยิ่ง เห็นท่าทางเจ็บปวดเจียนตายของอันหลิน ดูเหมือนจะทุกข์ทรมานกว่ายามข้ามอสนีบาตนับสิบเท่า!
สวีเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ทำได้เพียงใช้มือขาวเนียนลูบแผ่นหลังอันหลินเบาๆ
ไม่คิดว่าเมื่อลูบไปไม่กี่ที มันจะได้ผลดีชะงัด
จู่ๆ อันหลินก็โค้งตัว ศีรษะติดพื้น “อ้วก!”
ตุบ
วัตถุสีทองอร่ามถูกเขาอาเจียนออกมา
“อุแว้ๆ…อุแว้…” เสียงร้องไห้กังวานดังขึ้น
ทุกคนมองวัตถุที่อยู่บนพื้น ต่างก็สูดหายใจเข้าดังเฮือก
ดวงตาคู่งามของสวีเสี่ยวหลานเบิกกว้าง ในสมองเกิดเสียงดังอื้ออึง
“ฮ่าๆ ๆ…ยินดีกับอันหลินที่ผ่านการข้ามอสนีบาตได้สำเร็จ” ประตูมิติบานหนึ่งเปิดออก รองผู้อำนวยการอวี้หัวที่ตาโตคิ้วเข้มก้าวออกมา จากนั้นก็เห็นภาพที่อันหลินอาเจียนเข้าพอดี
หลังจากนั้นรอยยิ้มของเขาก็นิ่งค้าง มุมปากกระตุกยิกๆ อารมณ์ที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบลง พลันพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที คุณพระ เขาอาเจียนอะไรออกมา!
“อุแว้…อุแว้…” เสียงร้องไห้กังวานยังดังไม่หยุด
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของทุกคนเป็นเด็กทารกสีทองระยิบระยับ เนื้อตัวโอบล้อมด้วยสายฟ้าสีทอง
ทารกมีขนาดใหญ่เท่าถ้วยใบหนึ่ง หน้าตาจิ้มลิ้ม นัยน์ตาสีทองคลอด้วยน้ำตา แขนขาป้อมขยับไปมาไม่หยุด
ทั้งเหตุการณ์ตกอยู่ในความเงียบพิกล มีเพียงเสียงร้องไห้ของทารกที่ดังก้องพื้นที่ไม่ขาดสาย
แม้แต่เจ้าทุกข์อย่างอันหลินก็จ้องทารกบนพื้นเงียบๆ ใบหน้าเหม่อลอย เกิดความกังขาในโลกใบนี้
เราเป็นใคร
เราอยู่ที่ไหน
ทำไมเราถึงอาเจียนเด็กออกมา
ไม่มีใครคิดเลยว่า คนที่โพล่งขึ้นมาก่อนใครจะเป็นเสี่ยวหง
เสี่ยวหงพูดเสียงหวานว่า “เดินย่ำริมน้ำเป็นนิจ รองเท้าจะไม่ชุ่มได้อย่างไร นายท่าน นี่เป็นลูกของท่านกับกิเลนสายฟ้าใช่ไหม!”
หนึ่งประโยคปลุกสติผู้คน ถ้อยคำของเสี่ยวหงเป็นดังฟ้าคำราม ดังสะเทือนหัวใจทุกคน
ทุกคนกระจ่างแจ้ง
ใช่แล้ว เรื่องนี้มีคำอธิบายแล้ว!
“มีคำอธิบายกับผีอะไร!”
อันหลินตะโกนลั่น เบื้องหน้ามืดมน เกือบจะวูบหมดสติไปแล้ว
อาจารย์ที่ชมเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ก็พากันเหาะขึ้นยอดเขา ตั้งใจว่าจะแสดงความยินดีกับนักเรียนแปลงจิตคนแรกของรั้วสำนัก จากนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นเหตุการณ์บนยอดเขา
พวกเราเห็นอะไร ไม่ควรจะมาไวเช่นนี้ใช่ไหม
สวีเสี่ยวหลานสมกับเป็นคนสนิทของอันหลิน ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ได้ อุ้มประคองทารกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ดวงตาสุกใสของนางมีประกายฉายวาบ ยื่นทารกให้อันหลินแล้วเอ่ยเสียงนุ่มว่า
“อันหลิน ในเมื่อทารกคนนี้เกิดขึ้นจากเจ้ากับกิเลนอสนีทองอนัตตา ตั้งชื่อว่าอันฉีหลิน[1]ดีไหม”
“อันฉีหลิน ชื่อดีนี่นา!”
“เขาต้องกลายเป็นบุคคลยิ่งใหญ่มีชื่อสะเทือนแผ่นดินเหมือนพี่อันแน่นอน”
“อันฉีหลิน แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าหนทางข้างหน้าก้าวไกล ต้องเป็นลูกกิเลนแน่ๆ”
ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกัน แสดงความเห็นของตนกันระนาว
แม้แต่เซียนกระบี่หลิงเซียวก็พยักหน้าเห็นด้วย ชื่นชมสวีเสี่ยวหลานว่าตั้งชื่อได้ดี
สวีเสี่ยวหลานแย้มสรวล ดวงตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยว ท่าทางสดใสน่ารัก มองอันหลินอย่างกระหยิ่มใจแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ทักษะการตั้งชื่อของข้าใช้ได้ใช่ไหมล่ะ”
ทักษะการตั้งชื่อเหรอ อันฉีหลินงั้นเหรอ
เขาเป็นลูกของเราจริงๆ เหรอ
อันหลินมองเด็กน้อยสีทองพร่างพรายที่ถูกสายฟ้าห้อมล้อมในฝ่ามือสวีเสี่ยวหลาน ดวงตาเปียกชุ่ม
[1] ฉีหลิน คือ กิเลน