ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 383 ระดับแปลงจิตของเราเป็นของปลอมหรือเปล่า
เมื่อเห็นอันฉีหลินระเบิดต่อหน้าต่อตา อันหลินก็หน้ามืด เกือบจะหมดสติ
คนที่เหลือก็หัวใจกระตุกวูบ ต่างก็เบิกตากว้าง
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นสายฟ้าสีทองที่ระเบิด กลายเป็นดวงแสงพุ่งเข้าไปในร่างของอันหลิน จากนั้นหลอมเป็นหนึ่งเดียว
อันหลินสั่นสะท้าน ความรู้สึกชาวาบแล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายชอบกล
“อันหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ทุกคนกรูกันเข้ามา เอ่ยด้วยความสงสัย
“ข้าไม่เป็นไร พูดให้ถูกก็คือ หลังเนื้อตัวชาวาบก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”
อันหลินโบกมือปัดๆ บอกว่าไม่ต้องห่วง
สวีเสี่ยวหลานยังคงไม่วางใจอยู่ดี “อันฉีหลินน่าจะวิ่งเข้าไปในตัวเจ้าแล้ว เจ้าไม่รู้สึกถึงเขาหรือ”
อันหลินครุ่นคิด จู่ๆ ก็หวนคิดถึงตอนที่อาเจียนอันฉีหลินออกมา เป็นเพราะใช้การสำรวจภายในตรวจสอบทะเลปราณของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อสันนิษฐานบางอย่างก็ผุดวาบขึ้นในใจเขา
เขาเริ่มสำรวจทะเลปราณของตน ดูว่าข้างในเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกันแน่ จากนั้นเหตุการณ์ที่ประหลาดก็ทำให้เขาตกอยู่ในความเหม่อลอย
ในทะเลปราณอันกว้างขวางมีแสงทองจางๆ ฉาบทับทั่วทั้งพื้นที่
ทารกที่เนื้อตัวเป็นสีทองอร่าม รายล้อมด้วยกระแสไฟกำลังนอนไขว่ห้างหัวเราะร่าในทะเลปราณ กระเพื่อมไปตามคลื่น ท่าทางสบายใจเฉิบ
จากนั้นมันก็เริ่มแหวกว่าย เกิดละอองน้ำในทะเลปราณเป็นระลอกๆ
อันหลิน “…”
“อันหลินเป็นอะไรไป”
เมื่อเห็นอันหลินทำหน้าแปลกๆ สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ข้างกายจึงเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล
อันหลินเบ้ปาก พูดอะไรไม่ออก
“คือ…ทารกทองคนนั้นกำลังว่ายน้ำในทะเลปราณของข้า…”
เงียบ ทุกอย่างเงียบสงัด
ทุกผู้ทุกคนมองอันหลินเงียบๆ กะพริบตาปริบๆ
“อืม ทุกคนฟังไม่ผิด มันเป็นเรื่องจริง! ว่ายทั้งท่ากรรเชียง ท่ากบ ฟรีสไตล์ สนุกเชียวละ” อันหลินพูดต่อ
เซียนกระบี่หลิงเซียวได้ยินก็เงียบงัน รองผู้อำนวยการอวี้หัวได้ฟังก็กุมขมับ
รองผู้อำนวยการอวี้หัวพูดด้วยความตกใจว่า “ทะ…ทะเลปราณว่ายน้ำได้ด้วยหรือ ไม่สิ ต้องบอกว่าทารกทองคืออะไร ทำไมถึงไปว่ายน้ำในทะเลปราณได้!”
อันหลินมองเซียนสวรรค์อวี้หัวด้วยความขุ่นเคือง “ผู้อำนวยการ ตอนนี้ท่านควรจะไขปริศนาแทนข้าไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาย้อนถามข้าล่ะ”
รองผู้อำนวยการอวี้หัว “…”
“เรียกอันฉีหลินออกมาอีกได้ไหม” เซียนกระบี่หลิงเซียวถาม
“เมื่อครู่ข้าลองดูแล้ว สื่อสารไม่ได้…” อันหลินถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น
“อืม…ข้าคิดว่าอันฉีหลินอาจเกี่ยวข้องกับพลังส่วนตัวของเจ้า เจ้าลองกระตุ้นพลังของเจ้าก่อนดีไหม ลองดูว่าจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของอันฉีหลินได้ไหม” เซียนกระบี่หลิงเซียวแนะนำ
อันหลินตาลุกวาว นี่เป็นวิธีที่ดี!
จากนั้นก็เป็นความเงียบอันยาวนานอีกครั้ง
“อันหลินเป็นอย่างไรบ้าง” เซียนกระบี่หลิงเซียวอดถามไม่ได้
ใบหน้าของอันหลินฉายความเก้อเขิน “จะเรียกพลังของตนออกมาอย่างไร”
เซียนกระบี่หลิงเซียวตัวเซ มองอันหลินอย่างหมดคำพูด
รองผู้อำนวยการอวี้หัวพูดอย่างจริงใจว่า “พลังส่วนตนเป็นการสะท้อนถึงมรรคของผู้บำเพ็ญเซียน เจ้าเพียงกระตุ้นมรรคคติของตัวเอง ก็จะปล่อยพลังออกมาได้”
มรรคคติเหรอ กระอักกระอ่วนแล้วแบบนี้ เราไม่มีกึ่งแปลงจิตเลยด้วยซ้ำ จะเอามรรคคติมาจากไหน...
จากนั้นก็เป็นความเงียบอันยาวนานอีกครั้ง
“ผู้อำนวยการ ข้าไม่มีมรรคคติ ท่านก็รู้ว่าข้ากระโดดจากระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายสู่ระดับแปลงจิตเลย พลังส่วนตนคืออะไร คั้นไม่ออกจริงๆ…” อันหลินตอบตามความจริง
คั้นไม่ออกหรือ พลังส่วนตนอาศัยการคั้นออกมาหรือ
รองผู้อำนวยการอวี้หัวอ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
ข้ามอสนีบาติครั้งนี้ไม่มีจุดไหนเป็นปกติเลย อันหลินในตอนนี้อยู่ในระดับแปลงจิตจริงไม่ผิดแน่ แต่ระดับแปลงจิตที่ไม่มีแม้แต่พลังส่วนตน ใครจะเชื่อ
หลังเงียบครู่หนึ่ง รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็เหมือนจะตระหนักได้ถึงปัญหาของเรื่องนี้ เอ่ยปากทันควันว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ต้องดูกันระยะยาว วันนี้อันหลินก็เหนื่อยกับการข้ามอสนีบาตแล้ว กลับไปพักผ่อนให้ดีก่อนเถอะ หลิงเซียวเจ้าช่วยดูแลอันหลินสักหน่อยแล้วกัน หากมีปัญหาอะไรให้รีบแจ้งข้าทันที”
“ขอรับผู้อำนวยการ อันหลินเป็นคนดังของสำนักเรา ข้าจะไม่ปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุกับเขาแน่นอน” เซียนกระบี่หลิงเซียวยิ้มหวาน ตกปากรับคำ
เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้แล้วว่าแม้แต่รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็จัดการเรื่องนี้ไม่ได้
แววตาของเขาหม่นหมอง แหงนหน้ามองฟ้า
แม้จะรู้นานแล้วว่าหนทางบำเพ็ญเซียนของตัวเองจะเขวไปบ้าง แต่เขวถึงขั้นนี้คงไม่มีใครเหมือนแล้ว
นี่เราอยู่ในระดับแปลงจิตแล้วจริงๆ เหรอ
อันหลินเกิดความสงสัยขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้
เขากับผองเพื่อนแยกย้ายกันกลับที่พักของตน จากนั้นก็เหม่อลอย
เขามองทะเลปราณอีกครู่หนึ่ง ทารกสีทองก็ว่ายจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว นอนหายใจหอบเหนือเกลียวคลื่น สองเท้าแกว่งไปไกวมา แลดูน่ารักเสียจริง…
น่ารักชะมัดเลย!
อันหลินกุมขมับ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะรับมือกับเจ้าของประหลาดนี่อย่างไร
เจ้าอัปลักษณ์เดินมา ตบไหล่อันหลินปุๆ อย่างแรงแล้วปลอบใจว่า “พี่อัน ปล่อยวางสักหน่อย อย่างไรเสียตอนที่ท่านหลอมขุมพลังสัตว์ ก็กำหนดแล้วว่าจะต้องก้าวเดินบนเส้นทางเหนือชั้นไปอีกไกลแสนไกล”
“ไม่มีพลังส่วนตนแล้วอย่างไร พี่อันสู้กับเหล่ายอดฝีมือระดับแปลงจิตที่มีพลังส่วนตนพวกนั้นได้ตั้งแต่อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว ตอนนี้เข้าสู่ระดับแปลงจิต ความสามารถแข็งแกร่งกว่าเดิม ต่อให้ไม่มีพลังส่วนตน เชื่อว่าไม่มียอดฝีมือแปลงจิตคนไหนเอาชนะท่านได้!”
อดพูดไม่ได้ว่า คำพูดของเจ้าอัปลักษณ์ได้ผลชะงัด
มีพลังส่วนตนย่อมอวดความเท่ได้ แต่สำหรับคนที่เน้นการใช้งานแล้ว หนทางการก้าวหน้า พลังต่อสู้ยากประสบภัยอันตราย สองอย่างนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด
อันหลินมองเจ้าอัปลักษณ์แล้วพยักหน้า “เจ้าพูดถูก หนทางต้องสร้างด้วยตัวเอง ข้าสุดยอดมานานปานนี้แล้ว เชื่อว่าจะไปได้ไกลบนเส้นทางของความสุดยอดได้ไกลยิ่งขึ้น แปลกไปหน่อยแล้วจะทำไม สำเร็จได้ก็เพียงพอแล้ว! ข้าจะไม่หมดอาลัยตายอยากเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด ต่อให้จะไม่มีหนทางข้างหน้า ข้าก็จะบุกเบิกเส้นทางใหม่!”
เขาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง จุดไฟต่อสู้ขึ้นมาใหม่ เริ่มมองดูระบบของตัวเอง
อันหลินตัดสินใจขอดูสักหน่อยว่า การเลื่อนสู่ระดับต่อไปต้องการเงื่อนไขอะไร
กดแถบพลังยุทธ์ เนื้อหาตรงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว
‘ระดับแปลงจิตขั้นกลาง บรรลุเงื่อนไข เพิ่มน้ำหนักของอันฉีหลินหนึ่งกิโลกรัม’
อันหลิน “…”
อะไรกัน แม้แต่ระบบก็ยอมรับแล้วเหรอว่าทารกสายฟ้าสีทองประหลาดนั่นชื่ออันฉีหลิน!
อันหลินกุมหน้าอก รู้สึกเหมือนจะกระอักเลือด
ฮ่าๆ ๆ เรานี่มันสุดยอดจริงๆ…คนอื่นแปลงจิตทั้งฝึกจิต หลอมแก่นแท้ หยั่งรู้วิถี
ส่วนเราน่ะเหรอ ต้องเลี้ยงลูกหรืออย่างไร!
เลี้ยงลูกก็เกินพอแล้ว แต่ใครก็ได้บอกฉันหน่อยว่าควรเลี้ยงทารกสีทองนี่อย่างไร ฉันไม่มีน้ำนมเสียหน่อย!
ต่อให้มี เขาก็ไม่ดื่มนี่นา!
อันหลินดูภารกิจระบบด้วยความเงียบงำอยู่นานสองนาน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็สำรวจทะเลปราณอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ เพื่อดูอันฉีหลินสักหน่อย
ดูเหมือนทารกสีทองจะพักผ่อนพอแล้ว ยืนอยู่เหนือทะเลปราณ สองขากางออก ของเหลวสีทองไหลลงมาตามง่ามขา กลายเป็นสายน้ำหยดลงทะเลปราณดังโกรกกราก
อันหลิน “…”