ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 384 ขนมไหว้พระจันทร์ของฉางเอ๋อ
ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือเปล่า ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม!
อันหลินอยากแจ้งตำรวจเหลือเกินว่า มีคนปัสสาวะในทะเลปราณของตนโดยพลการ!
จากนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้อย่างน่าเศร้าว่า เรื่องนี้ไม่มีใครเชื่อ
ต่อให้มีคนเชื่อ ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้…
“เฮ้อ…เหนื่อยใจจังเลย อยากแก้ไขชีวิตที่บัดซบนี่เหลือเกิน…”
ความฮึกเหิมที่อันหลินจุดขึ้นมาอย่างยากเย็น สุดท้ายลดลงไปกว่าครึ่ง นอนแผ่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ขณะเดียวกัน ข่าวที่อันหลินทะลวงสู่ระดับแปลงจิตได้สำเร็จเริ่มกระจายไปทั่วสำนักแล้ว เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่! โดยเฉพาะเมื่อเหล่านักเรียนได้ยินว่าอสนีบาตบนท้องนภาเป็นกิเลนอสนีทองอนัตตา และอันหลินสามารถควบคุมกิเลนอสนีทองอนัตตาได้ ต่างก็เงียบกริบ
จากนั้นก็ได้ยินว่าอันหลินข้ามอสนีบาตสำเร็จ และให้กำเนิดลูกกิเลนตัวหนึ่งโดยไม่คาดฝัน ทำให้นักเรียนงงเป็นไก่ตาแตก สันสนมึนงงราวกับฟังคัมภีร์สวรรค์
“ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่อันหลินจะบรรลุระดับแปลงจิตแล้วจริงๆ”
“ตอนนี้เขาเป็นระดับแปลงจิตคนแรกของรั้วสำนักเลยใช่ไหม ความเร็วในการเลื่อนระดับช่างน่ากลัวจริงๆ!”
“นี่เป็นประเด็นสำคัญหรือไง ประเด็นสำคัญควรอยู่ที่อันหลินสร้างมุมมองใหม่ในการบำเพ็ญเซียนให้พวกเราไม่ใช่หรือ…”
“ข้ามอสนีทองอนัตตา เห็นอสนีทองอนัตตาเป็นของเล่น สุดท้ายยังให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่…นี่เป็นการสร้างมุมมองใหม่ให้กับข้าเลย!”
“ข้าไม่สามารถสรรหาคำไหนมาบรรยายความรู้สึกของข้าได้เลย ตอนนี้แค่อยากคุกเข่าให้พี่อัน!”
“อ๊าก...ตื่นเต้นมากเหลือเกิน พวกเราอยู่ในรั้วสำนักเดียวกับตำนานที่ยังมีลมหายใจ!”
…
ด้วยเหตุนี้ ‘อันหลินข้ามอสนีบาต’ จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมของสำนักในระยะนี้
หลังอันหลินพักรักษาตัวไปสองวัน ก็กลับมาเรียนตามปกติ จากนั้นอันหลินที่เดินเหินในรั้วสำนักก็พบว่า ชื่อเสียงของตนเองมาถึงขั้นที่น่ากลัวอย่างยิ่งแล้ว เจอแฟนคลับตัวยงระหว่างทางบ่อยครั้งแล้วหวีดร้องทำเขาตกใจ
แน่นอนว่าเสียงกรีดร้องไม่ใช่เจตนา เพียงแต่พวกเขาตื่นเต้นเกินไป…
แวดวงมรรคเทศนา แวดวงเพื่อน จดหมายรักถาโถมเข้ามาปานหิมะถล่ม แน่นอนว่าอันหลินไม่เสียเวลาไปอ่านของพวกนี้มากนัก เพราะมันมากเหลือเกิน อ่านไม่หมดจริงๆ! อืม อย่างมากก็อ่านจดหมายรัก…
ภารกิจเพิ่มน้ำหนักอันฉีหลินให้ถึงหนึ่งกิโลกรัมถูกอันหลินพักไว้ชั่วคราว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสื่อสารกับอันฉีหลินอย่างไร ขุนอันฉีหลินให้อ้วนอย่างไร
อันหลินนึกย้อนถึงความรู้สึกยามอุ้มอันฉีหลินในครั้งแรก น้ำหนักน่าจะราวๆ ครึ่งกิโลกรัม นั่นหมายความว่าเขาต้องขุนอันฉีหลินให้อ้วนขึ้นหนึ่งเท่า แค่คิดก็รู้สึกแล้วว่าเป็นภารกิจที่น่ากลัวและยากเย็น
ในย่ำค่ำที่แสงสายัณห์ปกคลุมแผ่นดิน แขกที่เหนือความคาดหมายคนหนึ่งก็มาเยือนที่พักของอันหลิน
ก๊อกๆ ๆ…
ก๊อกๆ ๆ…
เสียงเคาะประตูที่มีจังหวะอย่างยิ่งดังขึ้น
อันหลินเปิดประตู พบกับหูสีขาวปุกปุยที่ตั้งชูชันคู่หนึ่ง
เมื่อมองต่ำลงมา ก็เป็นดวงตากลมโตคู่หนึ่งกับฟันกระต่ายขาวสะอาด
“ราตรีสวัสดิ์เจ้าทึ่มอัน”
เสียงไพเราะดังขึ้น มันเป็นกระต่ายยักษ์ที่สูงขนาดครึ่งตัวคน เดินอาดๆ เข้ามา ไม่ทำตัวเป็นคนนอกเลยสักนิด
มุมปากของอันหลินกระตุกเล็กน้อย หากไม่เห็นถุงข้าวของในมือของมัน คงจะเตะมันกระเด็นออกไปนานแล้ว
“ท่านกระต่ายจันทรา ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะปลีกเวลามาหาข้าได้ ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ!” อันหลินยิ้มเอาใจ เป็นฝ่ายชงชาให้กับกระต่ายดวงจันทร์ตัวขาวสะอาดสะอ้านด้วยตัวเอง
“นายหญิงได้ยินว่าเจ้าบรรลุระดับแปลงจิตแล้ว จึงให้ข้านำของฝากมาให้เป็นพิเศษ” กระต่ายจันทราวางมาด
“เฮ้อ…ได้อย่างไร! ข้าจะกล้าให้แม่นางฉางเอ๋อสิ้นเปลืองได้อย่างไร ของฝากไม่ต้องหรอก แค่เจ้ามาเยี่ยมข้าได้ ข้าก็ดีใจยิ่งแล้ว!” อันหลินโบกมือเป็นพัลวัน
กระต่ายจันทราขำเบาๆ หูทั้งสองข้างกระดิกไปมาอย่างเริงร่า “นับว่าเจ้าเจียมตัว งั้นขนมไหว้พระจันทร์ของฉางเอ๋อก็เป็นของข้าละนะ ตอนอยู่ตำหนักดวงจันทร์ยังกินไม่พอเลย นายหญิงขี้เหนียวจริงๆ…แต่นางกลับใจกว้างกับเจ้า ข้าไม่พอใจตั้งนานแล้ว ฮึ่ย!”
พออันหลินได้ฟังก็ไม่ได้การแล้ว นั่นมันขนมไหว้พระจันทร์ของฉางเอ๋อเชียวนะ!
เขาพูดถ่อมตัวไม่กี่ประโยค กระต่ายนี่ก็คิดเป็นจริงเป็นจังไปแล้วเหรอ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ชิงถุงในมือของกระต่ายจันทรามาด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด จากนั้นก็เก็บใส่แหวนมิติทันที ทุกขั้นตอนคล่องแคล่วฉับไว ชวนให้เอือมระอา!
“ไหนๆ ท่านกระต่ายจันทราก็มาถึงที่นี่แล้ว จะให้เจ้ามาเสียเที่ยวได้อย่างไร ข้าคิดว่าให้ความร่วมมือกับเจ้าดีกว่า ให้เจ้าทำภารกิจที่ฉางเอ๋อมอบหมายให้สำเร็จ” อันหลินพูดจาฉะฉาน และจ้องกระต่ายจันทราด้วยสายตาของผู้เสียสละ
กระต่ายจันทรากะพริบตาปริบๆ “เหตุผลข้าเข้าใจ แต่เจ้าเอาแครอทแห้งที่ข้ากินระหว่างทางไปทำไม”
นิ้วของมันปล่อยแสงสีขาววาบ จานสีเหลืองที่ถูกห่ออย่างประณีตบรรจงปรากฏบนโต๊ะ มันเอ่ยว่า “นี่ต่างหากขนมไหว้พระจันทร์ที่ฉางเอ๋อจะให้เจ้า”
อันหลิน “…”
สถานการณ์กระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง
สุดท้ายอันหลินก็นำแครอทแห้งของกระต่ายจันทราออกมาด้วยหน้าที่แดงก่ำ แถมยังถูกกระต่ายจันทราบ่นอยู่หลายคราว่าเจ้าทึ่มอันนี่ทึ่มสมชื่อจริงๆ
“ขนมไหว้พระจันทร์ข้างในนี้มีทั้งหมดหกชิ้น แฝงด้วยพลังงานสูงยิ่ง อาทิตย์หนึ่งเจ้าจะกินได้แค่หนึ่งชิ้น ตะกละไม่ได้นะ” กระต่ายจันทรากำชับ
อันหลินพยักหน้ารัวๆ เปิดกล่องออกอย่างอดรนทนไม่ไหว
เห็นขนมทรงกลมสีทองหกชิ้นภายในกล่อง รูปร่างของมันสมบูรณ์ไม่เว้าแหว่งเหมือนจันทร์เต็มดวงกลางนภา กำลังส่องแสงขาวกระจ่างน่าหลงใหลยิ่ง กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้อ่อนๆ อวลไปทั่วห้อง ทำให้สั่นสะท้าน
เพราะกลิ่นหอมนี้ เสี่ยวหงจึงหยุดทำการสังเคราะห์แสง ต้าไป๋สะดุ้งตื่นจากการนอนหลับอุตุอย่างเกียจคร้าน เจ้าอัปลักษณ์มุ่งเข้ามาจากด้านนอก นัยน์ตาเปล่งประกายทองอร่าม
อันหลินลอบกลืนน้ำลายเอื๊อก ยับยั้งอารมณ์อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ทันทีของตน เบนสายตามองจดหมายสีขาวภายในกล่องขนมไหว้พระจันทร์
เขาเปิดจดหมายออกด้วยความสงสัย อักษรข้างในงดงามดุจวสันต์มาเยือน ค่อนข้างงดงามน่าดูชม
เนื้อหาคือ ‘ขอแสดงความยินดีกับอันหลินที่บรรลุระดับแปลงจิตได้สำเร็จ ข้าเคยรับปากว่าจะมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้สหายหนึ่งชุด ไม่เคยลืมเลือน ตอนนี้สหายมีสองเรื่องมงคลมาเยือน จึงมอบขนมไหว้พระจันทร์เป็นการแสดงความยินดี อีกอย่าง ฝากเสี่ยวเยว่ให้เจ้าดูแลด้วย ต้องทำให้น้ำหนักของเสี่ยวเยว่ลดน้ำหนักได้ห้าสิบชั่งภายในหนึ่งเดือน
ฉางเอ๋อ’
หลังอันหลินอ่านจดหมายจบแล้ว มองกระต่ายจันทราด้วยความแปลกใจ “หมายความว่าอย่างไร”
กระต่ายจันทรากลอกตา “ความหมายของสองเรื่องมงคลก็คือ เรื่องมงคลที่บรรลุระดับแปลงจิต และเรื่องมงคลที่ให้กำเนิดบุตรอย่างไรเล่า!”
“ข้าไม่ได้ถามเรื่องนี้” อันหลินได้ฟังก็ส่ายหน้าทันที จากนั้นก็เหมือนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ แน่นหน้าอกทันที “ไม่สิ! เรื่องนี้ก็ต้องถามเหมือนกัน สองเรื่องมงคลมาเยือนก็มีปัญหาเหมือนกัน!”
กระต่ายจันทราส่ายหน้าอย่างระอาใจ พูดอย่างสุขุมว่า “เฮ้อ เจ้าทึ่มอัน…ข้าจะไม่ปิดบัง นายหญิงบอกว่าข้าอ้วนเกินไปวิ่งไม่ไหว ไม่เอาข้าแล้ว นางให้ข้าลดความอ้วนห้าสิบชั่งภายในหนึ่งเดือน และเจ้าก็เป็นคนดูแล พูดแบบนี้คงเข้าใจแล้วใช่ไหม หือ”
มุมปากของอันหลินกระตุกทันทีที่ได้ยิน ช่วยลดความอ้วนให้กระต่ายจันทรางั้นเหรอ
จู่ๆ เขาก็นึกถึงครั้งที่อยู่ในป่าหอมหมื่นลี้ เคยพูดถึงเรื่องช่วยลดความอ้วนให้กระต่ายจันทรากับฉางเอ๋อ ไม่คิดว่านางจะจริงจัง…
ถ้าไม่สร้างความดีความชอบก็ไม่มีผลตอบแทน อันที่จริงขนมไหว้พระจันทร์ที่ฉางเอ๋อให้เขาต้องมีมูลค่าสูงแน่นอน เขาช่วยฉางเอ๋อทำเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องที่สมควร เพียงแต่ว่าเขาไม่มีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้เลย!
อันหลินกำลังคิดอยู่ว่าจะเพิ่มความอ้วนให้ทารกทองของตนอย่างไร ตอนนี้มีกระต่ายเซียนที่อยากลดความอ้วนมาเพิ่มอีกเหรอ
ระยะเวลาต่อมา ในสมองยังคงเต็มไปด้วยเรื่องของน้ำหนัก
เขาอดสบถไม่ได้ โลกใบนี้เป็นอะไรไปกันหมด นี่เราบำเพ็ญเซียนอยู่จริงๆ เหรอ!