ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 386 อานุภาพขนมไหว้พระจันทร์
ขณะที่อันหลินกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกมหัศจรรย์ที่มาจากขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น ทะเลปราณเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
อันหลินจำต้องเบี่ยงเบนความสนใจของตนไปที่ทะเลปราณ ปรากฏว่าไม่ดูไม่รู้ เมื่อดูก็สะดุ้งโหยง
เห็นทารกสีทองอ้าปากกว้าง กลืนพลังแห่งแสงจันทร์ที่ซึมเข้าทะเลปราณลงท้องไปจนหมดสิ้น
“เอิ้ก…” ทารกสีทองเรอ นอนแช่ทะเลปราณอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
อันหลินตาลุกวาว หรือเจ้าเด็กคนนี้จะเพิ่มน้ำหนักด้วยแสงจันทร์ได้!
เขาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกมาอีกชิ้น ตัดแบ่งครึ่ง ส่งขนมไหว้พระจันทร์ครึ่งชิ้นเข้าปาก
ความรู้สึกสุขสมอิ่มเอิบอาบไปทั่วกายในพริบตา ทำให้อันหลินทรุดตัวล้มลงกับเตียง
พลังแห่งแสงจันทร์ที่บริสุทธิ์อัดแน่นทุกองคาพยพของร่างกาย แสงจันทร์ที่ไหลเข้าสู่ทะเลปราณ จะก่อตัวเป็นแสงทองบางๆ เหนือทะเลปราณ
ทารกสีทองตื่นเต้นขึ้นมา กระโดดตัวขึ้นกลืนกินแสงจันทร์กลางอากาศไม่หยุด
ในที่สุดชั่วขณะหนึ่ง พื้นที่ทะเลปราณก็สั่นสะเทือนดังครืน รอยตราจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของทารกสีทอง ขณะเดียวกันตัวเลขก็โผล่มาตรงหน้าอก จาก 1.31 กระโดดเป็น 1.49 และมีอักษรบรรพกาลสามตัวระบุว่า ‘จันทร์เต็มดวงแล้ว’
ครู่เดียวอักษรกับตัวเลขก็เริ่มจางหาย
ท้องของทารกสีทองนูนออกมา เริ่มนอนแผ่ในทะเลปราณแล้วนอนหลับอุตุ
ในทะเลปราณยังมีแสงจันทร์รวมตัวอยู่ไม่น้อย ท่าทางทารกสีทองจะกินอิ่มแล้ว
อันหลินกระจ่างใจ เขาต้องเพิ่มน้ำหนักทารกสีทองให้ถึงหนึ่งกิโลกรัม ต้องให้ตัวเลขกลายเป็น 2 ส่วนจะขุนอันฉีหลินให้อ้วนนั้นต้องผ่านการกินอาหารของตัวเอง ทำให้พลังงานเข้าสู่ทะเลปราณ เป็นหนึ่งในวิธีขุนอันฉีหลิน
รอยตราจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากทารกทอง หมายความว่าเขาไม่ต้องการพลังแห่งแสงจันทร์แล้ว ได้เวลาขบคิดแล้วว่าเขาต้องการพลังงานอย่างอื่นอีกหรือไม่…
อันหลินเบนสายตามองขนมไหว้พระจันทร์อีกครึ่งที่เหลือ พบว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสี่จ้องขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนั้นอย่างหิวกระหาย ต้าไป๋ถึงขั้นว่าจวนควบคุมขากำยำของมันไม่ไหว ปากยื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เขายิ้มเล็กน้อย จึงแบ่งขนมไหว้พระจันทร์ครึ่งชิ้นให้เหล่าสัตว์เลี้ยง
สัตว์เลี้ยงโห่ร้อง ‘พี่อันอายุยืนหมื่นปี’ กินขนมไหว้พระจันทร์ที่เหลือด้วยความเริงร่า
ด้วยเหตุนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ที่ฉางเอ๋อมอบให้ จึงถูกพวกอันหลินกินไปถึงสองชิ้นภายในคืนเดียว
อารมณ์ของอันหลินก็ดีมากทีเดียว เพราะให้คนกันเองกิน ไม่มีอะไรต้องเสียดาย อีกอย่างก็รู้วิธีขุนทารกสีทองแล้ว นี่ต่างหากประโยชน์ที่ได้อย่างใหญ่หลวง!
เขาลูบแหวนมิติ ตอนนี้ขนมไหว้พระจันทร์หกชิ้นเหลืออีกสี่ชิ้น ของที่ดีขนาดนี้ แบ่งเพื่อนๆ กินสักหน่อยดีกว่า
สีท้องฟ้าเข้มขึ้นทุกขณะ ดวงดาราสุกสกาวพร่างพราย
ที่พักของนักเรียนยังคงมีไฟส่องสว่าง
ทุกคนล้วนมีนิสัยนอนดึกกัน คนมากมายกำลังศึกษาวรยุทธ์ บ้างก็นั่งทำสมาธิ บ้างก็นั่งปรับลมหายใจ แน่นอนว่ามีคนที่บำเพ็ญเซียนตลอดคืนอีกด้วย
อันหลินเปลี่ยนเป็นชุดขาว แลดูงามสง่าอย่างยิ่ง แม้หน้าตาจะสู้พี่เฉิงไม่ได้ แต่มาดของเซียนกระบี่กลับไร้ข้อกังขา เหนือกว่าคนที่เดินบนเส้นทางนี้ไกลขึ้นเรื่อยๆ อย่างพี่เฉิงเยอะโขแล้ว
เขาส่องกระจกอย่างพออกพอใจ จากนั้นถามว่า “ต้าไป๋ เจ้าคิดว่าข้ามาดดีกว่า หรือพี่เฉิงมาดดีกว่า”
เขาไม่สู้เรื่องหน้าตาหรอก จึงเริ่มจากมาด
“แน่นอนว่ามาดของพี่อันดีกว่า!” ต้าไป๋ตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ใช่ นายท่านมีมาดที่สุด!” เสี่ยวหงพูดสมทบเสียงหวาน
อันหลินได้ฟังก็ลิงโลดใจ ซักไซ้ต่อว่า “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าดูดีกว่า”
“เพราะวันนี้เจ้าให้พวกเรากินขนมไหว้พระจันทร์น่ะสิ!” ต้าไป๋ตอบอย่างไม่ลังเล
“ใช่แล้ว! รัศมีของนายท่านจะยืนยาวถึงพรุ่งนี้!” เสี่ยวหงพูดอย่างจริงจัง
อันหลินแน่นหน้าอก แทบจะกระอักเลือด
กระต่ายจันทราเห็นภาพนี้ก็หัวเราะร่า แทบถือแครอทไม่อยู่
“ฮึ่ย! มาดของเซียนกระบี่ก็มองไม่ออก พวกเจ้าต้องไปตรวจตาแล้ว!” อันหลินเอ่ยอยากไม่พอใจ สะบัดแขนเสื้อแล้วออกจากห้องไป
เขามายังที่พักด้านข้างแล้วเคาะประตูเบาๆ
เมื่อประตูเปิดออก หญิงสาวในห้องสวมชุดรัดเอว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ประดุจเทพธิดาภายใต้การส่องสะท้อนของแสงจันทร์
หลังนางเห็นผู้มาเยือนมุมปากก็ยกขึ้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มงามสะคราญ “อันหลิน มาขอชาดื่มอีกแล้วหรือ”
อันหลินยิ้มอย่างเก้อเขิน สำนักของสวีเสี่ยวหลานอยู่บนต้นไม้สูงร่วมหมื่นเมตร ใบชาที่เด็ดจากต้นเทวะอร่อยอย่างยิ่ง เขาจึงมักจะมาดื่มชาที่บ้านพักของสวีเสี่ยวหลาน ถือโอกาสพูดคุย สนทนาธรรมบ้าง
“ยืนบื้ออยู่ทำไม รีบเข้ามาสิ” สวีเสี่ยวหลานกวักมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อันหลินก็ไม่เกรงใจ เป็นเพื่อนบ้านมาเกือบสามปี จำนวนที่มาเยือนมากนับไม่ถ้วนแล้ว
เขาเดินเข้าไปในบ้านพัก สูดดมกลิ่นหอมสดชื่นบางๆ ภายในห้อง พลันรู้สึกผ่อนคลายทันที
“วันนี้จะดื่มชาอะไร ชาเสิ่นหยางหรือชาเยว่ไป๋”
นัยน์ตาคู่งามของสวีเสี่ยวหลานที่จ้องอันหลินเจือแววไถ่ถาม
“ชาเยว่ไป๋แล้วกัน” อันหลินคิดว่าชาชนิดนี้เหมาะกับหัวข้อสนทนาคืนนี้มากกว่า
“ได้เลย” สวีเสี่ยวหลานแย้มยิ้ม หยิบใบชาออกจากแหวนมิติ ยื่นมือเรียวมาวางบนโต๊ะแล้วเริ่มชงชา ท่วงท่างดงามผ่าเผย น่าชมยิ่งนัก
ต่อมาทั้งคู่ก็นั่งคุยสัพเพเหระ อันหลินถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากว่า “ความจริงที่ข้ามาคืนนี้ มีของสิ่งหนึ่งอยากมอบให้เจ้า”
“ของอะไรหรือ ถ้าล้ำค่าเกินไปข้าไม่เอานะ”
สวีเสี่ยวหลานจิบชา นัยน์เนตรกระจ่างใสดุจสายน้ำ
“ไม่ล้ำค่า แค่ขนมเปี๊ยะชิ้นเดียว” อันหลินพูดเสียงเบา
“โอ้ เจ้าทำเองกับมือหรือ” สวีเสี่ยวหลานเกิดความสนใจขึ้นมา ถามด้วยความสงสัย
อันหลินไม่พูด หยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกจากแหวนมิติวางลงบนโต๊ะ
แสงจันทร์สาดส่อง กลิ่นหอมหมื่นลี้อวลไปทั่วห้องทันที
สวีเสี่ยวหลาน “…ขนมเปี๊ยะบ้านเจ้าหน้าตาแบบนี้หรือ”
อันหลินย่อมไม่ปิดบังสวีเสี่ยวหลาน ทำได้เพียงเอ่ยว่า “ที่จริงฉางเอ๋อมอบให้ แต่ไม่ล้ำค่าจริงๆ ในแหวนมิติของข้ามีอีกหลายชิ้นเลย ขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนี้เจ้าต้องรับไว้นะ!”
สวีเสี่ยวหลานหยิบขนมไหว้พระจันทร์ขึ้น จมูกจิ้มลิ้มสูดฟุดฟิด กลิ่นหอมสดชื่นเย้ายวน
นางวางขนมไหว้พระจันทร์ลง จ้องอันหลินไม่วางตา “แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา ฉางเอ๋อเป็นฝ่ายมอบให้เจ้าหลายชิ้นเลย…บอกความจริงมา เจ้ากับฉางเอ๋อเป็นอะไรกัน”
อันหลิน “…”
“ข้ากับนางเป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อนธรรมดาเลยด้วยซ้ำ ความจริงข้าก็ไม่ได้รับขนมไหว้พระจันทร์ของฉางเอ๋อมาเฉยๆ ข้าต้องช่วยกระต่ายจันทราของนางลดน้ำหนักห้าสิบชั่งภายในเดือนเดียวด้วย!” อันหลินชี้แจงตามความจริง
เมื่อถูกสวีเสี่ยวหลานซักไซ้ ในใจเขาไม่หงุดหงิดไม่พอ กลับแอบดีใจเสียด้วยซ้ำ
สวีเสี่ยวหลานกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างงุนงงว่า “จะมีอะไรยาก ให้กระต่ายจันทรากินยาลดน้ำหนักก็สิ้นเรื่อง!”
เปรี้ยง ราวกับสายฟ้าระเบิดในสมองของอันหลิน ทำให้เขาได้สติ
จริงด้วย กระต่ายจันทราลดน้ำหนักผ่านการกายบริหารยากลำบากมาก แต่อาศัยยาลดน้ำหนักได้นี่นา!
ยาลดน้ำหนักทั่วไปอาจไม่ได้ผล แต่ยาระดับสูงบางชนิดที่ฤทธิ์รุนแรง ขจัดไขมันส่วนเกินของสัตว์เทพน่าจะไม่มีปัญหา พรุ่งนี้จะไปลองถามเจ้าอ้วนหยินสี่ที่ไม่ยอมใช้ยาลดความอ้วนคนนั้นดูหน่อย
เยี่ยมเลย!
อันหลินคุยกับสวีเสี่ยวหลานอีกครู่หนึ่ง ก็ได้ทราบว่ามียาที่มีสรรพคุณช่วยลดไขมันให้สัตว์อยู่หลายประเภท อาจจะลองดูได้ ทำให้เขามั่นใจยิ่งขึ้นว่าจะไปหาหยินสี่
สวีเสี่ยวหลานเก็บขนมไหว้พระจันทร์ที่อันหลินให้มา มองออกว่านางก็ชอบของขวัญชิ้นนี้มาก เพราะนั่นเป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่ฉางเอ๋อทำกับมือ ต่อให้เป็นคนในสรวงสวรรค์ ก็มีโอกาสได้กินเพียงน้อยนิด
เมื่อออกจากบ้านพักของสวีเสี่ยวหลาน อันหลินก็เดินไปทางบ้านพักพี่เฉิงอย่างกระปรี้กระเปร่า