ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 391 ล้มละลายแล้ว
อันหลินยับยั้งความตื่นเต้นในใจ เอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโสหยินสี่ ต่อไปช่วยปรุงเม็ดวิญญาณดับสูญ ยาเซียนขั้นสองให้ข้าที!”
บัดนี้แม้หยินสี่จะเหนื่อยจนเหงื่อชุ่ม แต่กลับฮึกเหิมเต็มที่ หลังกินยาบำรุงเลือดลมเม็ดหนึ่งแล้วก็พยักหน้า “ได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ต้องบอกเจ้าก่อนนะว่า เม็ดวิญญาณดับสูญต้องจ่ายห้าล้านหกแสนหินวิญญาณนะ”
อันหลินตัวเซทันทีที่ได้ยิน ดวงตาเบิกกว้าง “ทำไมสูงขนาดนี้! ยาเซียนสามเม็ดแรกรวมกันแล้วก็แค่หนึ่งล้านสี่แสนหินวิญญาณ ยาเซียนขั้นสองแค่เม็ดเดียวต้องจ่ายถึงห้าล้านหกแสนหินวิญญาณเลยหรือ!”
หยินสี่กลอกตา อธิบายว่า “สารตั้งต้นหลักของเม็ดวิญญาณดับสูบคือดอกสุ่ยเซียนจันทราเก้าพิภพ แม้แต่ในราชวังดุสิตก็มีแค่สองต้น ย่อมล้ำค่าอย่างยิ่ง อีกอย่างยาเซียนเม็ดนี้เป็นสุดยอดยาเซียนขั้นสอง เป็นระดับเดียวกับเม็ดยาสรรสร้างชีวิต ถึงได้มีราคาสูงเช่นนี้”
อันหลินคิดไม่ถึงเลยว่า ก้าวสุดท้ายของเขาจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน!
มิหนำซ้ำสาเหตุยังเป็นเพราะเขาไม่มีเงิน! มันทำให้เศรษฐีอันรับไม่ได้!
ตอนแรกในแหวนมิติของเขามีหกล้านหินวิญญาณ ยาเซียนสามเม็ดเขาจ่ายไปแล้วหนึ่งล้านสี่แสนหินวิญญาณ เท่ากับว่าเขาเหลือแค่สี่ล้านหกแสนหินวิญญาณ ยังห่างจากราคาของยาเซียนห้าล้านหกแสนหินวิญญาณถึงหนึ่งล้าน!
“ไม่มียาชนิดอื่นที่สร้างพลังงานในทะเลปราณแล้วหรือ” อันหลินถามอย่างอิดออด
หยินสี่ส่ายหน้าเมื่อได้ฟัง “ความสามารถของข้าในตอนนี้ ไม่เจอยาชนิดอื่นที่มีสรรพคุณแบบบนี้แล้ว แต่ได้ยินว่าเพลิงวิหคชาดของสำนักวิหคชาด สามารถสร้างเพลิงพลังงานในทะเลปราณผ่านวิธีการบางอย่างได้”
อันหลินผงกศีรษะ จดจำเรื่องนี้ไว้
“สหายอันหลิน เจ้าจะใช้ยาเซียนป้อนพลังจิตยาต่อหรือไม่” หยินสี่ถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“หากท่านให้ข้ายืมหนึ่งล้านหินวิญญาณ ข้าจะลองพิจารณาดู” อันหลินกัดฟันเล็กน้อยก่อนจะเอื้อนเอ่ย
ในวงการบำเพ็ญเซียน พลังยุทธ์ต่างหากเป็นกำลังการผลิตอันดับหนึ่ง เมื่อมีความสามารถ จึงจะหาเงินได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ฉะนั้นอันหลินจึงไม่ลังเลกับการยกระดับพลังยุทธ์มากเท่าใดนัก
หยินสี่ได้ยินคำพูดของอันหลินก็ทอดถอนใจ “สหายของเจ้ายากจน ตอนนี้ข้ายังติดคนอื่นอีกสามล้านกว่าหินวิญญาณ…”
อันหลินสะดุ้ง “ผู้อาวุโสหยินสี่อยู่ในสถานที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่ง ยังขัดสนได้อีกหรือ ซ้ำยังติดหนี้มากมายปานนั้นเลยหรือ!”
หยินสี่ส่ายหน้าท้องพลางพูดว่า “มันเป็นเพราะข้าทุ่มเทกับหนทางของตนมากไป หนึ่งใจเพื่อมรรคา แม้ตายก็ไม่เสียดาย…”
อันหลิน “พูดภาษาคน!”
หยินสี่ระอาใจ “ข้ากินยาวิเศษกินยาเซียนมากเกินไปน่ะสิ เจ้าคิดว่ารูปร่างของข้ามาได้อย่างไรล่ะ แต่เพื่อวิถียาที่ข้าแสวงหา ข้าจะไม่ยอมแพ้ในเส้นทางนี้!”
อันหลินมองรูปร่างอ้วนกลมของหยินสี่ เพิ่งเฉลียวใจ เนื้อพวกนี้มาจากยาวิเศษกับยาเซียนทั้งนั้นเลยเหรอ! ต้องใช้เงินไปเท่าใดกัน!
เขาสูดหายใจเข้าดังเฮือก ไม่พูดมากความ ประสานมือขออำลา
เรื่องเลื่อนสู่ขั้นกลางของระดับแปลงจิตคงจะต้องเลื่อนออกไปก่อน
อันหลินกลับมาที่บ้านพัก ย่อยฤทธิ์ยาที่เหลือภายในร่างกายต่อ กินยาเซียนทีเดียวสามเม็ด เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก สิ่งเป็นประโยชน์มากที่สุดก็คือ เพลิงเทวะในร่างกายได้รับการยกระดับ อีกอย่างก็คือน้ำหนักของทารกทองอยู่ที่ 1.82 แล้ว อีกแค่ก้าวเดียวก็สำเร็จภารกิจแล้ว
กระต่ายจันทรากำลังนอนอุตุอยู่ในห้องเล็กๆ ปากยังละเมอพึมพำว่า ‘มันฝรั่งทอดอร่อย…ไม่กลัวอ้วนอีกต่อไป’ อีกด้วย
อันหลินไม่รบกวนการพักผ่อนของกระต่ายจันทรา ในใจใคร่ครวญว่าจะทำภารกิจที่ลำบากยากเข็ญนี่อย่างไร
เมื่อขาดเงิน คนแรกที่เขานึกถึงก็คือ หลินจวิ้นจวิ้นสาวน้อยนำโชค ไม่รู้ว่าตอนนี้นางมีเงินหรือไม่
วิธีการเพิ่มน้ำหนักด้วยการกินยาเซียนชวนให้ปวดใจเหลือเกิน เงินตั้งห้าล้านกว่าหินวิญญาณ เทียบเท่าทรัพย์สินของยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว ในใจอันหลินจึงค่อนข้างต่อต้านวิธีนี้
วิธีที่สองก็คือเพลิงวิหคชาด เพลิงวิหคชาดก่อให้เกิดเพลิงพลังงานในทะเลปราณได้ แต่เพลิงเทวะมีฐานะสูงส่งยิ่งยวดในสำนัก ใช่ว่าใครก็จะใช้ได้ โอกาสที่คนนอกอย่างเขาจะได้ใช้มันเลือนรางยิ่งนัก ต่อให้เป็นคู่รักของสวีเสี่ยวหลานก็เป็นไปไม่ค่อยได้
ใช้เส้นสายได้หรือเปล่านะ
อันหลินไม่แน่ใจ เรื่องนี้ต้องไปถามสวีเสี่ยวหลานก่อน
ย่ำค่ำ หลังสวีเสี่ยวหลานเลิกเรียน อันหลินก็ไปหานางทันที
“เสี่ยวหลาน เล่าเรื่องเพลิงวิหคชาดของสำนักเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ” อันหลินกินอาหารที่สวีเสี่ยวหลานนำมาจากโรงอาหารบนโต๊ะพลางพูดขึ้นมา
สวีเสี่ยวหลานมองอันหลินด้วยความตกใจ “ในที่สุดเจ้าก็จะยื่นเงื้อมมือมารมาที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักข้าแล้วหรือ เจ้าคงไม่ได้จะกินมันหรอกนะ!”
อันหลินได้ยินคำนี้ก็แทบจะสำลักข้าว “นี่ๆ ในสายตาเจ้าข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ”
สวีเสี่ยวหลานมองอันหลินตาเขียว พูดเต็มปากเต็มคำว่า “แม้แต่สี่เพลิงเทวะเจ้ายังกล้ากิน ต่อไปอยากกินเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักวิหคชาด ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้! แม้ข้าจะสนิทกับเจ้า แต่ช่วยโจรทำชั่วไม่ได้!”
ปากของอันหลินกระตุกยิกๆ ไม่รู้ว่าควรโต้แย้งอย่างไร ทำได้เพียงตอบตามความจริง “ก็ได้ ข้าได้ยินว่าเพลิงวิหคชาดสร้างเพลิงพลังงานในทะเลปราณของนักพรตได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่”
“อืม เป็นเรื่องจริง ในทะเลปราณข้าก็มี” สวีเสี่ยวหลานกินข้าวคำเล็ก ตอบอย่างเชื่องช้า
อันหลินได้ฟังก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “งั้นข้าทำให้เพลิงวิหคชาดสร้างเพลิงพลังงานในทะเลปราณได้ด้วยหรือไม่”
สวีเสี่ยวหลานเงยหน้ามองอันหลินอย่างจริงจัง หลายอึดใจกว่าจึงเอ่ยว่า “อันดับแรก เจ้าต้องเป็นศิษย์เอกของสำนักวิหคชาด อันดับสอง เจ้าต้องผ่านการทดสอบของหุบวิหคชาด อันดับสาม เจ้าต้องได้รับการยอมรับจากเพลิงวิหคชาด”
อันหลินครุ่นคิด ดูเหมือนเงื่อนไขจะเยอะมาก ยากไปหน่อย จึงถามอีกว่า “ใช้เส้นสายได้ไหม”
สวีเสี่ยวหลานกลอกตา “พี่ชาย เจ้าคิดว่าสำนักวิหคชาดเป็นของบ้านเจ้าหรือ ถึงจะมีเส้นสายมากมายปานนั้นน่ะ”
“งั้นใช่ของบ้านเจ้าหรือไม่” ตาของอันหลินเป็นประกาย หยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
ไม่คิดว่าเมื่อสิ้นประโยคนี้ จะมีความสลดฉายวาบในดวงตาสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินคิดในใจว่าแย่แล้ว ดูเหมือนคำพูดนี้จะทำให้สวีเสี่ยวหลานคิดถึงเรื่องร้ายๆ
สวีเสี่ยวหลานยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้ เดือนหน้าข้าจะกลับสำนัก เจ้าไปกับข้า ข้าจะลองถามให้”
“ไม่ต้องหรอก ความจริงเมื่อครู่ข้าแค่พูดเฉยๆ เจ้าอย่าใส่ใจเลย” หลังเห็นสีหน้าเสี้ยววินาทีของสวีเสี่ยวหลาน อันหลินก็รู้สึกว่าทำใจรบกวนนางไม่ลงแล้ว
“ตกลงตามนี้นะ! กินข้าว!”
ใบหน้างดงามของสวีเสี่ยวหลานเผยรอยยิ้มบางๆ พูดตัดบทอันหลิน
อันที่จริงนอกจากรู้ว่าพ่อของสวีเสี่ยวหลานเป็นคนของเผ่ามังกร แม่เป็นคนของสำนักวิหคชาดแล้ว เรื่องอื่นอันหลินไม่รู้เลย เขาไม่เป็นฝ่ายถาม สวีเสี่ยวหลานก็ไม่เคยกล่าวถึง
“เสี่ยวหลาน พรุ่งนี้จะเป็นศึกแห่งอิสรภาพแล้ว เจ้าคิดว่าจะคว้าอันดับที่เท่าใด”
“ข้าไม่ต้องการอะไร สิบอันดับแรกก็พอแล้ว”
“งั้นเจ้าก็คงไม่ต้องการอะไรจริงๆ ความสามารถอย่างเจ้าต้องห้าอันดับแรกเป็นอย่างต่ำสิ”
“ค่อยว่ากัน ไหนเล่าจะเหมือนเจ้าที่จองอันดับหนึ่งไว้แล้ว ถึงตอนนั้นขอให้เซียนพสุธาอันหลินไว้ไมตรีด้วย”
“ได้เลยๆ ข้ารังแกแค่คนอื่น ไม่รังแกเจ้า”