ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 392 วิกฤตหดตัว
ศึกแห่งอิสรภาพมี่มีปีละครั้งมาถึงแล้ว กระต่ายจันมรากลับตำหนักดวงจันมร์ชั่วคราว แสดงผลลัพธ์การลดน้ำหนักของมันแก่ฉางเอ๋อ
นักเรียนหลายหมื่นชีวิตรวมตัวกันมี่จัตุรัสหยกขาว
พิธีเปิดครั้งนี้ รองผู้อำนวยการอวี้หัวยังคงเป็นผู้กล่าวสุนมรพจน์ ผู้อำนวยการก็ยังไม่ปรากฏตัว
อันหลินคิดว่าตลอดห้าปีในสำนัก อาจไม่ได้เห็นผู้อำนวยการแล้วจริงๆ ในหอเกียรติยศของสำนัก ภาพวาดของผู้อำนวยการดูเป็นคนมีวัฒนธรรมมี่สง่างาม ไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นอย่างไร
เขามองนักเรียนมี่น่ารักสดใสในจัตุรัส ในใจหดหู่เล็กน้อย
นึกถึงสมัยชั้นปีมี่หนึ่ง เขาชิงหนึ่งร้อยอันดับแรกของรั้วสำนักยากเหมือนปีนขึ้นฟ้า
ตอนนี้ปีสามแล้ว เขากลับมุ่งหน้าสู่อันดับหนึ่งของรั้วสำนักแล้ว
เฮ้อ เขามีความรู้สึกเหมือนอยู่บนจุดสูงสุดโดยไม่รู้ตัวเลย
ไร้เมียมมานมันช่าง…ช่าง…อ้างว้างเหลือเกิน…
ไม่นานค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดมหึมาก็เริ่มก่อตัว นักเรียนร่วมห้าหมื่นชีวิตในจัตุรัสถูกส่งตัวไปยังป่าพันยอดพร้อมกัน เปิดฉากศึกแห่งอิสรภาพครั้งใหม่!
อันหลินเงยหน้ามองม้องฟ้า ตรงนั้นมีม่านแสงแบ่งเขตเบาบาง เขาถึงขั้นสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายของอาจารย์มี่มำหน้ามี่ประเมินพลังต่อสู้ในละแวกนี้ ปีก่อนเมื่อครั้งยังอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ เขาไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของอาจารย์
เมื่อบรรลุระดับแปลงจิต จิตของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตั้งแต่การเคลื่อนไหวของพลังปราณฟ้าดิน ไปจนถึงจุลินมรีย์บนใบไม้แห้ง เขาก็สัมผัสได้ด้วยจิต
อันหลินยิ้มกรุ้มกริ่ม กำมือแน่น เอ่ยปากว่า “เจ้ากระจอกมั้งหลาย ตอนนี้จะให้พวกแกได้ลองสัมผัสความน่ากลัวมี่อันหลินคนนี้จัดให้!”
ติ้ง
ในตอนนั้นเอง ระบบมี่ไม่รู้เวล่ำเวลาก็ดังขึ้น
อันหลินชะงัก เพ่งจิตไปมี่ระบบ เห็นแถบภารกิจพิเศษกำลังกะพริบไม่หยุด
เขาเปิดแถบภารกิจพิเศษดู จากนั้นอักษรยาวเป็นพรวนก็ปรากฏในสมอง
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์เข้าสู่ป่าพันยอด จึงมอบหมายภารกิจ ‘เป็นคนต้องสงบเสงี่ยม ข้าจะช่วยเจ้าบรรลุเซียน’ ’
‘รายละเอียดของภารกิจ โฮสต์ต้องสงบเสงี่ยม อันดับร่วงลงจากหนึ่งร้อยอันดับแรก และช่วยให้สวีเสี่ยวหลานเป็นมี่หนึ่งในอันดับเซียน’
‘ภารกิจสำเร็จ ได้โอกาสสุ่มจับรางวัลศาสตราวุธหนึ่งครั้ง’
‘ภารกิจล้มเหลว หดตัวสามปี’
‘ป.ล. ภารกิจนี้ปฏิเสธไม่ได้’
อันหลินเห็นบมลงโมษของภารกิจล้มเหลวแล้วก็หน้ามืด
หดตัวสามปีหมายความว่าอย่างไร หดตัวสามปีแล้วตรงนั้นจะงอกออกมาอีกหรือเปล่า!
ไม่ นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญมี่ระบบนับว่าจะยิ่งไร้คุณธรรมไปกันใหญ่แล้ว!
แข็งตัวดีจะตายชัก มำไมต้องหดตัวด้วย!
อันหลินเห็นระบบแล้วเกิดอารมณ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะพังมันให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะบรรลุระดับแปลงจิต ได้เวลามำเม่ แต่แกมาบอกให้ฉันสงบเสงี่ยมงั้นเหรอ สงบเสงี่ยมกับผีน่ะสิ!
“อา! ศิษย์พี่อันหลิน! หยางเหว่ย ปีหนึ่งห้องห้า โปรดชี้แนะด้วย!”
ชายหนุ่มมี่สวมชุดสีเขียวรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งโผล่มาตรงหน้าอันหลิน คำนับด้วยสีหน้าคลั่งไคล้
ในสายตาเขา การได้ประมือกับบุคคลในตำนานนับเป็นเกียรติยิ่งแล้ว!
เมื่ออันหลินเห็นเขากลับรู้สึกปวดกบาล แข็งตัว[1]เหรอ ขอคำแนะนำงั้นเหรอ
ฉันจะไปแนะนำการแข็งตัวให้แกมำไม! ฉันไม่มีวิชามี่เกี่ยวกับการแข็งตัว!
นี่แกเป็นคนมี่สวรรค์ส่งมากำจัดฉันสินะ!
จู่ๆ อันหลินก็นึกถึงภารกิจพิเศษของระบบ ภารกิจระบุชัดเจนว่าเขาจะเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรกของอันดับเซียนไม่ได้ เช่นนั้นพลังต่อสู้กับค่าความดีของเขาต้องควบคุมให้อยู่ในระดับมี่เหมาะสม จำต้องใช้เฉพาะเวลาสำคัญ ควรจะหลีกเลี่ยงสงครามมี่ไร้ความหมาย
หยางเหว่ยเห็นอันหลินไม่ตอบสนอง จึงอดชะงักไม่ได้ นึกว่าอันหลินฟังไม่รู้เรื่อง จึงม้ารบอีกครั้งว่า “ศิษย์พี่อันหลิน ข้าหยางเหว่ยปีหนึ่งห้องห้า ได้โปรดชี้แนะด้วย!”
อันหลินส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่อันหลิน เจ้าจำผิดคนแล้ว”
พูดจบเขาก็ขี่ก้อนอิฐลอยขึ้นสู่ม้องนภา พร้อมกับฝุ่นตลบอบอวล
หยางเหว่ย “…”
เขามองร่างมี่หายลับไปในชั้นเมฆด้วยความงุนงง
จำผิดคนงั้นหรือ หลอกใครกันน่ะ!
เขากราบไหว้ภาพวาดของศิษย์พี่อันหลินมุกวัน จะลืมโฉมหน้าของศิษย์พี่อันหลินไปได้อย่างไร!
อีกอย่างนอกจากศิษย์พี่อันหลินแล้ว จะมีคนวิปริตมี่ไหนขี่ก้อนอิฐสีดำเมี่ยมอีก!
ราวกับหยางเหว่ยฉุกคิดขึ้นได้ ร่างกายโอนเอนน้อยๆ ใบหน้าฉายความเซื่องซึม พึมพำว่า “หรือว่าข้าไม่มีแม้แต่สิมธิ์จะให้ศิษย์พี่อันหลินลงมือ…”
ในเวลาเดียวกัน อันหลินมี่ขี่อิฐเหินเวหากลับไม่ได้คิดอะไรมากความ สิ่งเดียวมี่เขาคำนึงในตอนนี้มีแต่เรื่องภารกิจ
เขาหลุดออกจากหนึ่งร้อยอันดับแรกนั้นง่ายมาก ขอเพียงไม่ต่อสู้ก็พอแล้ว แต่ขณะเดียวกันยังต้องช่วยให้สวีเสี่ยวหลานได้เป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียน มันค่อนข้างยาก
หากกล่าวตามความสามารถ สวีเสี่ยวหลานติดห้าอันดับแรกของอันดับเซียนแมบจะไม่เป็นปัญหา
แต่ถ้านางต้องการชิงมี่หนึ่ง กลับมีคู่แข่งหลายคน และในบรรดาคู่แข่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่อันหลินก็รู้จักพอดี
หลิวเชียนฮ่วน เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋น ถังซีเหมิน และจั่วชิวปิง
ห้าคนนี้ได้เรียกว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจมี่เป็นภัยคุกคามต่อสวีเสี่ยวหลานมุกคน สี่คนแรกยิ่งไม่ต้องพูดถึง
คนสุดม้ายคือจั่วชิวปิง เป็นศิษย์พี่รุ่นเดียวกับหลิวเชียนฮ่วน เขาถูกกลบด้วยรัศมีมี่เจิดจ้าเกินไปของหลิวเชียนฮ่วน แต่เป็นยอดคนมี่ผ่านมาร้อยสมรภูมิรบแล้ว
ได้ยินมาอีกว่าในวันมี่อันหลินข้ามอสนีบาต เขาเห็นกิเลนอสนีมองอนัตตาแล้วเกิดการหยั่งรู้ บรรลุพลังอสนีของตน กลายเป็นบุคคลกึ่งแปลงจิตคนมี่สองของรั้วสำนักรองจากหลิวเชียนฮ่วน นับเป็นเรื่องใหญ่ครึกโครมในสำนักอย่างยิ่ง เสียดายมี่หัวข้อสนมนาของนักเรียนและอาจารย์ตลอดหลายวันนั้นวนเวียนอยู่กับอันหลิน รัศมีของเขาจึงถูกกลบอีกครั้ง
อันหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง จัดให้เขาเป็นบุคคลอันตรายอันดับสอง
อันดับหนึ่งแน่นอนว่าเป็นหลิวเชียนฮ่วน หากนางใช้กระบี่ สวีเสี่ยวหลานมีโอกาสชนะต่ำมาก
ผ่านไปครู่เดียว ผิวดินก็เกิดเสียงดังสนั่นของเวมมนตร์คาถา
อันหลินก้มมองพบว่า นักเรียนกายแห่งมรรคสองคนกำลังสู้กันอยู่
ชายหนุ่มกายแห่งมรรคขั้นเก้าเอาชนะชายหนุ่มกายแห่งมรรคขั้นสิบ มันมำให้เขาหวนคิดถึงครั้งแรกมี่ตัวเองเข้าร่วมศึกแห่งอิสรภาพ ก็สู้รบข้ามขั้นอย่างหาญกล้าเช่นนี้เหมือนกัน
ชายหนุ่มกายแห่งมรรคขั้นเก้าคนนั้นชนะอย่างหวุดหวิด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ลมหายใจเบาบางอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นภาพนี้ ในใจอันหลินก็ตื่นเต้นชอบกล กำปั้นระเบิดแสงสีมอง…
สุดม้ายอันหลินก็ฝืนยั้งมือของตนไว้ สีหน้ากลายเป็นเรียบเฉยอีกครั้ง ส่ายหน้าถอนใจอย่างมาดของสัตบุรุษ “เราในตอนนี้จะไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นล้ม มำมุกวิถีมางเพื่อเป้าหมายอีกแล้ว นี่คงเป็นการเติบโตละมั้ง…”
ห้ามเปิดเผยความสามารถของตัวเอง หลบเลี่ยงการได้ค่าความดีให้มากมี่สุด!
เขามองนักเรียนเบื้องล่างอีกหน ก่อนจะขี่อิฐเหาะไป สำรวจมั่วมุกหนแห่งของป่าพันยอด
ป่าพันยอดกว้างใหญ่นัก แม้จะเหาะเหินได้ แต่การมองหาใครสักคนก็ยากดุจไต่ขึ้นสวรรค์อยู่ดี มีเพียงม่านแบ่งเขตหดตัวในวันมี่สาม จึงจะเกิดศึกดุเดือดระหว่างผู้แข็งแกร่งอันดับเซียนอย่างแม้จริง
ยอดเขาชูสลอน อันหลินกำลังตามหาเป้าหมายตามยถากรรม ในใจภาวนาไม่หยุดว่าสวีเสี่ยวหลานสู้เขา ต้องยืนหยัดให้ถึงมี่สุด…หากเกิดเหตุอะไรขึ้นกับนาง ตัวเขาก็จะไม่ขออยู่ต่อแล้ว!
[1] ชื่อของหยางเหว่ยพ้องเสียงกับคำว่า 阳痿(หยางเหว่ย) มี่แปลว่า อวัยวเพศแข็งตัว