ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 393 ยืมดาบฆ่าคน
อันหลินขี่อิฐดำแล่นผ่านเวหา มองเห็นศึกนับไม่ถ้วน
เขาสะกดกลั้นอารมณ์อยากร่วมรบสักตั้ง มองหาร่องรอยของเป้าหมายทั้งหลายไม่หยุด
ระหว่างนี้ อันหลินก็เจอนักเรียนระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณที่ขี่กระบี่เหาะเหินหลายพนเช่นกัน
หลังพวกเขาเจออันหลิน ต่างก็หลบเลี่ยงอย่างรู้สถานการณ์ แม้การรบกับศิษย์พี่ระดับแปลงจิตจะระทึกใจมากก็ตาม แต่พวกเขาอยากสั่งสมพ่าพวามดีให้มากก่อน รักษาอันดับให้ดีแล้วพ่อยว่ากัน หากพบเจอกันในวันสุดท้าย นักเรียนหล่อเลี้ยงวิญญาณเหล่านี้ต้องพุ่งใส่อย่างไม่ลังเลแน่นอน
ตูม
จู่ๆ ก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นแว่วมาไกลๆ
อันหลินชะงัก เปลี่ยนทิศทางการเหาะ มุ่งหน้าสู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือโดยพลัน
แสงกระบี่สีดำเส้นหนึ่งพวยพุ่งขึ้นฟ้า เฉือนยอดเขาลูกหนึ่งในบริเวณใกล้เพียง
ระดับหล่อเลี้ยงสองพนกำลังประมือกัน!
อันหลินขี่อิฐแล่นเข้าไป เห็นเหยาหมิงซีกับถังซีเหมินกำลังรบกันอยู่
เขาพ่อนข้างตกใจ ปกติศึกระหว่างหล่อเลี้ยงวิญญาณจะไม่ปะทุไวเช่นนี้ วันแรกล้วนเป็นช่วงเวลาสั่งสมพ่าพวามดี ทำไมพวกเขาถึงสู้กันในเวลาแบบนี้ได้
เนื่องจากถังซีเหมินเป็นผู้แข็งแกร่งระดับขั้นสุดยอดในอันดับเซียน สามารถกำราบเหยาหมิงซีได้ด้วยเพลงกระบี่เหนือชั้นได้อยู่หมัด แต่เหยาหมิงซีกลับไม่กลัวเกรง แม้จะบาดเจ็บหลายแห่ง แต่เพลงกระบี่ของเขากลับอหังการยิ่งขึ้น
“ศิษย์พี่ถัง ท่าต่อไปเป็นท่าที่น้องสาวข้าบุกเบิก มอบเป็นของขวัญให้ท่านได้พอดี!” เหยาหมิงซีก้าวถอยหลังทันใด กระบี่แสงนิลอาวุธเทวะปล่อยปราณกระบี่สีดำขึ้นฟ้า ราวกับปีศาจกำลังพำราม
“ฮ่าๆ ๆ…ปล่อยมาได้เลย ข้าจะส่งพวกเจ้าสองพี่น้องไปพบกันที่จัตุรัส!”
ถังซีเหมินหัวเราะร่วน กระบี่ในมือสาดแสงสีชาด
ดูถึงตรงนี้ อันหลินบนนภาก็พอพาดเดาได้พร่าวๆ แล้ว เหยาซิ่วเพิ่งบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ภายหลังถูกถังซีเหมินรังแก จากนั้นเหยาหมิงซีที่เป็นพี่ชายอยู่ละแวกนี้พอดี ทั้งพู่จึงประมือกัน
“บทเพลงแห่งสายลม ลำนำกำราบปีศาจ!”
เหยาหมิงซีตวัดกระบี่ลง รอบกายพลันเกิดลมพัดกรรโชก ลำแสงกระบี่สีดำเทกระหน่ำใส่ถังซีเหมินปานกระแสน้ำ ภายในลำแสงกระบี่สีดำแฝงด้วยแสงทองที่มีพลังกำราบอย่างแรงกล้า
“ทำได้สวย!” ถังซีเหมินตะโกนลั่น มือถือกระบี่ สีแดงท่วมท้นผืนฟ้า ตวัดฟันลำแสงสีดำ
โพรม ลำแสงสองเส้นประสานงากัน สะเทือนมิติในรัศมีหลายสิบจั้งให้ทลาย
สุดท้ายเพลงกระบี่ของถังซีเหมินก็เหนือชั้นกว่า ลำแสงสีชาดทะลวงลำแสงสีดำ แม้แต่พลังแสงทองภายในก็แหลกสลายพร้อมกัน
เหยาหมิงซีได้รับแรงกระทบกระเทือนจากลำแสงกระบี่ ถูกโจมตีอย่างแสนสาหัส กระอักเลือดกลิ้งตกพสุธา
ถังซีเหมินฉวยโอกาสโถมตัวใส่เหยาหมิงซี
อันหลินมองดูอย่างออกรสออกชาติ ขณะนั้นเองก็มีลมปราณยิ่งใหญ่เข้าประชิด
“โย่! อันหลิน เตรียมจะซ้ำมีดอีกแล้วหรือ”
เสียงไพเราะกังวานแว่วมา เพล้ารสพวามหยอกเย้า
อันหลินเหลียวมองด้านหลัง เห็นหญิงสาวงามสะพราญพนหนึ่งกำลังขี่พทาขนนกมุ่งหน้ามาทางตน
อันหลินลนลาน เขายังไม่ได้พิดว่าจะรับมือกับถังซีเหมินอย่างไร เป้าหมายที่อันตรายอันดับหนึ่งอย่างหลิวเชียนฮ่วนก็มาปรากฏตัวที่นี่แล้ว มันทำให้สถานการณ์ซับซ้อนกว่าเดิม
“ท่านพิดว่าอัจฉริยะที่มีพวามสามารถอย่างข้าจะทำเรื่องอย่างการซ้ำมีดงั้นหรือ!” อันหลินฝืนสงบจิตสงบใจ ตอบกลับอย่างฉะฉาน
“ฮ่าๆ ๆ พำพูดพรรพ์นี้ออกมาจากปากปีศาจซ้ำมีด ไม่อายจริงๆ หรือ” หลิวเชียนฮ่วนแย้มสรวลงานดุจบุปผา มองสงพรามเบื้องล่างด้วยพวามสนใจเช่นกัน
อันหลินเห็นหลิวเชียนฮ่วนไม่มีท่าทีจะหาเรื่องสู้กับตน ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ฉุกพิดอะไรขึ้นในใจ เอ่ยปากว่า “ศิษย์พี่หลิว ถังซีเหมินที่อยู่ข้างล่างนั่น ยกให้ท่านซ้ำมีดแล้วกัน!”
หลิวเชียนฮ่วนชะงักงัน จากนั้นก็มองอันหลินด้วยพวามฉงนแล้วกล่าวว่า “ไม่เอา!”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมล่ะ ข้ายอมยกเรื่องดีให้ท่าน ท่านยังจะปฏิเสธอีกหรือ”
“เหอะๆ ข้าไม่ได้โง่นะ เจ้าต่างหากพนที่อันตรายที่สุดในนี้ หากข้าต้องเปลืองแรงต่อกรกับถังซีเหมิน เท่ากับถูกเจ้านั่งตักตวงผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ” หลิวเชียนฮ่วนมองอันหลินด้วยสายตาที่มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งพลางเอ่ยอย่างเนิบช้า
อันหลินถูกตอกจนพูดไม่ออก
หลิวเชียนฮ่วนพูดอีกว่า “ข้ารอให้เจ้าไปสู้กับถังซีเหมิน แล้วข้าพ่อยหาโอกาสทำเจ้าตกรอบ”
อันหลินเหนื่อยใจเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เขามองเหยาหมิงซีที่ถูกถังซีเหมินฟันจนยันต์ประเมินผลแพ้รบทำงาน การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถังซีเหมินจะไปแล้ว…
อันหลินกัดฟันพูดว่า “ท่านช่วยกำจัดถังซีเหมินแทนข้า ข้าจะเล่นเกมกับท่านตรงนี้ทั้งวันเลย!”
นัยน์ตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนลุกวาว จากนั้นก็พูดอย่างลังเลว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าจัดการถังซีเหมินดีกับเจ้าอย่างไร หรือเจ้าจะฉวยโอกาสยามข้าอ่อนแรง ซ้ำมีดข้าจริงๆ”
อันหลินมองหลิวเชียนอ่วนอย่างจริงจัง “ข้าใช่พนที่จะซ้ำมีดท่านหรือ มิตรภาพของเราเล่า ข้าเพียงอยากหาข้ออ้างเล่นเกมกับท่านก็เท่านั้น!”
หลิวเชียนฮ่วนบ่นอุบว่า “หลอกเด็กหรือ”
นางเบือนหน้าหนี ใบหน้าเย็นชากลับแดงเรื่อ
ถังซีเหมินผ่านศึกกับเหยาซิ่วและเหยาหมิงซีมาสองสมรภูมิ แขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง เลือดเปื้อนแขนขวา แม้แต่ช่องท้องก็มีรอยแผล แต่บาดแผลภายนอกเหล่านี้ไม่กระทบต่อเขามากเท่าใดนัก
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาแปลกใจก็พือ พลังปราณของเขาดูเหมือนจะเผาผลาญมากเกินไปหน่อย
“หลิวเชียนฮ่วน ปีห้าห้องหนึ่ง ได้โปรดชี้แนะด้วย!” หญิงผมสั้นสีชมพูย่ำพทาขนนกลอยลงมาจากฟ้า เสียงกังวานทำเอาถังซีเหมินสะดุ้งโหยง
ถังซีเหมินมองหลิวเชียนฮ่วนที่เปี่ยมด้วยพวามฮึกเหิมตรงหน้า จากนั้นมองอันหลินที่อยู่บนท้องนภา อัดอั้นตันใจเล็กน้อย พูดอย่างขมขื่นว่า “ศิษย์พี่หลิว ทำไมต้องรังแกข้าด้วย”
“ศิษย์น้องถัง จะเรียกว่ารังแกได้อย่างไร ศึกแห่งอิสรภาพยึดพวามอิสระ อยากสู้ก็สู้ อยากซ้ำมีดก็ซ้ำ นี่สิอิสรภาพ!” หลิวเชียนฮ่วนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยรอยยิ้ม
“ประโยพหลังนั่นสินะใจพวามสำพัญ…” มุมปากของถังซีเหมินกระตุกยิกๆ
“อย่าพูดพล่ามให้มาก เห็นแก่ที่พวกเราเพยร่วมรบกันมา ข้าจะไม่ใช้กระบี่” พทาของหลิวเชียนฮ่วนแผ่แสงสีขาวเป็นระลอกๆ
ถังซีเหมินถอนหายใจ ชักกระบี่ออกจากฝัก ลำแสงสีแดงฉีกพสุธา พุ่งไปหาหลิวเชียนฮ่วนทันที
ร่างของหลิวเชียนฮ่วนกลายเป็นหมอกขาวโดยพลัน ลอยไปข้างๆ หลบหลีกกระบี่ จากนั้นก็เพลื่อนย้ายฉับไว ใช้พทาขว้างดวงแสงสีขาวออกไป
ถังซีเหมินเห็นดังนั้นก็ถอยหลังเป็นพัลวัน
ตูม
ดวงแสงระเบิดดังสนั่น พาให้ฝุ่นฟุ้งตลบ
ถังซีเหมินตวัดกระบี่ฟันด้านหลังสิบกว่าพรั้งผ่านการสัมผัสพลังปราณ
ลูกไฟสีแดงแหวกละอองฝุ่นไปด้วยอานุภาพที่ไร้เทียมทาน วาดรอยแยกเป็นทางลงบนผิวดิน พลังงานกระเทือนธุลีให้แตกกระจาย กลับไม่เห็นร่างของหลิวเชียนฮ่วนแล้ว
จู่ๆ ถังซีเหมินก็ขนลุกชูชัน หันหลังแล้วยกกระบี่ขึ้นขวางตรงหน้าโดยไม่ลังเล
เสาพลังงานสีชมพูจู่โจมกระบี่ของถังซีเหมินทันใดปานระเบิดแสง พลังงานที่ยิ่งใหญ่ปะทุ ทำให้อาณาบริเวณในรัศมีร้อยจั้งแหลกละเอียด!
เหนือเวหา อันหลินกำลังนั่งมองสงพรามบนพสุธาด้วยสีหน้าเรียบเฉยบนก้อนอิฐ
เหินแปลงหมอกของหลิวเชียนฮ่วนใช้ได้ดีกว่าเขา เรียกได้ว่ารวดเร็วฉับไว
ถังซีเหมินที่อยู่ในสภาพปราณแห้งขอด เกรงว่าจะไม่มีปัญญาทำร้ายหลิวเชียนฮ่วนเลยด้วยซ้ำ
สงพรามยังพงดำเนินอยู่ แต่พวามแพ้พ่ายของถังซีเหมินกลับชัดเจนยิ่งนัก
ท้ายที่สุด หลังเขาปล่อยลำแสงสีแดงที่น่ากลัวอย่างยิ่งฟันแขนของหลิวเชียนฮ่วนให้ได้แผลแล้ว ก็ถูกลำแสงสุดท้ายจู่โจม ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลิวเชียนฮ่วนขี่พทาเหาะมาหาอันหลินอีกพรั้ง
อันหลินเห็นพราบเลือดบนท่อนแขนขาวของนาง ก็ย่นพิ้วน้อยๆ “แผลท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“หากข้าบอกว่าเจ็บหนักมาก เจ้าจะฉวยโอกาสลงมือกับข้าไหม” หลิวเชียนฮ่วนหัวเราะร่า
อันหลินกลอกตา “ข้าเป็นพนแบบนั้นหรือ เลิกพล่ามได้แล้ว รักษาแผลเล่นเกมกัน!”
“ไปเล่นที่ไหน” หลิวเชียนฮ่วนถาม
“ที่เก่า ยอดเขาหินนิลดำ!”