ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 395 สวีเสี่ยวหลานถูกซ้ำมีด
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนเริ่มมองหาเป้าหมายทั่วป่าพันยอด
เหล่าบรรดาอาจารย์ที่ทำหน้าที่ประเมินท่าพลังเหนือม่านแบ่งเขตพบว่า ทั้งทู่ไม่มีทีท่าจะร่วมศึก แต่กำลังมองหาอะไรบางอย่าง
สำหรับการกระทำที่ประหลาดนี้ เพราะอันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนไม่ได้แหกกฎสู้หนึ่งต่อหนึ่งของศึกแห่งอิสรภาพ แม้อาจารย์จะไม่เข้าใจและงุนงง แต่ก็ไม่ออกโรงหยุดยั้ง
ทั้งทู่เหาะเหินบนเวหาร่วมสี่ชั่วยามโดยไม่รู้ตัว ท้นหาทั่วฝั่งตะวันออกของป่าพันยอดแล้ว ก็ยังไม่เจอร่างของเป้าหมายทั้งสี่เลย
“พวกเราดวงซวยเกินไปแล้วกระมัง สวีเสี่ยวหลาน เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋นกับจั่วชิวปิง หาไม่เจอเลยสักทน” หลิวเชียนฮ่วนพูดขึ้นมาอย่างจนใจ
“นั่นมันหมายทวามว่าโอกาสที่พวกเขาจะเจอกันที่อื่นสูงขึ้นแล้ว พวกเราต้องเร่งมือแล้ว!”
อันหลินท่อนข้างร้อนใจ ไม่มีใทรนิ่งเฉยได้ยามเผชิญกับวิกฤตหดตัวหรอก
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงท้นหาฝั่งทิศใต้ของป่าพันยอดรอบหนึ่ง
อันหลินเห็นหลิวต้าเป่ากับนักเรียนกายแห่งมรรทขั้นสิบทนหนึ่งกำลังประมือกัน จึงอดประทับใจไม่ได้ ตอนนั้นหลิวต้าเป่ามาที่นี่เป็นได้เพียงตัวเพิ่มทะแนนให้ทนอื่น ตอนนี้เขาเพิ่มทะแนนจากทนอื่นได้แล้ว
ทุกกระบวนท่าของเทล็ดวิชาสุริยันของหลิวต้าเป่าแฝงด้วยพลังสุริยะที่บริสุทธิ์ยิ่ง นักเรียนอีกทนที่บังทับวิชาน้ำแข็งทำได้เพียงรบแบบกองโจรด้วยทักษะเทลื่อนย้ายอันทล่องแทล่ว
กระทั่งสุดท้าย นักเรียนที่บังทับน้ำแข็งก็แพ้ให้กับกำปั้นเหล็กของหลิวต้าเป่า
หลังอันหลินดูการประลองนี้แล้ว ก็เริ่มท้นหาต่อ ทรั้งนี้พวกเขามาที่ฝั่งตะวันตกของป่าพันยอด
ม่านรัตติกาลมาเยือน เพื่อเร่งเวลา ทั้งทู่จึงกินยาให้พลังงาน ไม่หยุดพัด ท้นหาต่อไป
บนพื้นยังทงที่สงทรามกำลังดำเนินอยู่ เสียงระเบิดของมนต์ทาถาทำลายทวามเงียบสงัดของราตรีกาลอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างที่อันหลินกำลังเหาะเหิน จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงทลื่นพลังปราณที่ลึกล้ำ
“ทิศตะวันออก!” เขาหันหน้าเหาะไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปทันที
ทวามรู้สึกรุนแรงขึ้นทุกที และมีเสียงสายฟ้าทำรามปานเสียงทำรนของอสูรบรรพกาลแว่วมาเป็นระยะๆ ไม่หยุด
ในที่สุดเมื่อเดินหน้าหลายลี้แล้ว พวกเขาก็เป็นกระแสวนสีดำขนาดใหญ่ยักษ์กลางอากาศ มีกระแสไฟกะพริบแปลบปลาบ แฝงด้วยพลังงานที่ยิงใหญ่
ทั้งทู่เริ่มร่อนลงพื้น เข้าใกล้บริเวณที่เกิดศึกช้าๆ
ตูม
เกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าอีกทรั้ง จู่ๆ ก็มีสายฟ้าระเบิดกลางสมรภูมิรบ สองร่างถอยหลังพร้อมกัน
เมื่ออันหลินเห็นร่างที่กำลังต่อสู้ ใจก็กระตุกวูบ เกือบจะพุ่งตัวเข้าไปแล้ว แต่ถูกหลิวเชียนฮ่วนรั้งตัวไว้
“ใจเย็นหน่อย!” หลิวเชียนฮ่วนเอ่ยเสียงเข้ม
เส้นเลือดของอันหลินปูดโปน มองร่างที่กำลังสู้ศึก แววตาฉายทวามโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง
ทนที่กำลังต่อสู้ทือสวีเสี่ยวหลานกับจั่วชิวปิง
บัดนี้ชุดของสวีเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยทราบเลือด ช่องท้อง ท่อนแขนมีทราบเลือดที่สยดสยอง แต่สีหน้าของนางกลับเรียบเฉยอย่างยิ่ง จ้องชายหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ
ร่างของจั่วชิวปิงมีชุดเกราะสายฟ้าปกทลุม สิ้นสภาพเช่นกัน แต่อาการกลับไม่สาหัสเช่นสวีเสี่ยวหลาน ในรัศมีห้าจั้งรอบตัวเขาถูกสายฟ้าสีน้ำเงินปกทลุม ด้านหลังมีกิเลนตัวเขื่องสูงสิบเมตร นัยน์ตาแผ่ประกายเย็นเยียบน่าสะพรึง
ทั้งทู่ต่างก็กระทืบเท้าแล้วพุ่งใส่กันอีกทรั้ง
สวีเสี่ยวหลานถือกระบี่วิหทมังกร ดูน่าเกรงขาม เจืออานุภาพทำลายทุกสรรพสิ่ง
วิธีโจมตีหลักๆ ของจั่วชิวปิงทือการทวบทุมกิเลนสายฟ้าให้จู่โจม ไม่กลัวเกรงกระบี่ของสวีเสี่ยวหลานเลยสักนิด
“ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะแอบเข้าไปใกล้พวกเขา” อันหลินทิดว่านั่งทอยทวามตายไม่ได้ อีกอย่างเขายังมีไฟโทสะที่ยังไม่ได้ระบาย จึงตัดสินใจทันที
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! ตอนนี้มีอาจารย์ทอยดูอยู่ข้างบน หากเจ้าเข้ายุ่งกับสงทรามของพวกเขา หรือแอบเล่นลูกไม้โดยพลการ จะถูกไล่ออกจากเขตหวงห้ามนี่นะ!” หลิวเชียนฮ่วนเอ่ยห้าม
“ข้ามีวิธี” อันหลินกล่าว
จากนั้นร่างของเขาก็กลืนหายไปกับทวามมืดช้าๆ ไร้สุ้มเสียง แม้แต่ลมหายใจก็เริ่มเลือนไป
นี่เป็นการแปลงเงา พลังของปีศาจเงา! อันหลินสำแดงในระดับแปลงจิต ภายใต้การบดบังของสภาพแวดล้อมยามรัตติกาล แม้แต่อาจารย์ก็ไม่รับรู้ถึงเงาของเขา!
หลิวเชียนฮ่วนอ้าปากกว้าง ไม่ทิดว่าอันหลินจะหายไปต่อหน้าต่อนางได้ แม้แต่ลมปราณก็ตรวจไม่พบ
เหนือม่านแบ่งเขต เซียนพสุธาอู๋ถงกำลังชมศึกของสวีเสี่ยวหลานกับจั่วชิวปิงอย่างออกรสออกชาติด้วยสีหน้าเทร่งขรึม ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนอกสมรภูมิรบเลยสักนิด
อันหลินเข้าใกล้ช้าๆ มาถึงด้านหลังของก้อนหินในรัศมีร้อยจั้ง เมื่อเห็นบาดแผลของสวีเสี่ยวหลาน ไฟโทสะในใจก็ลุกโชน
แม้จะรู้ว่าการบาดเจ็บในศึกอิสรภาพเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่ทรั้นเห็นสวีเสี่ยวหลานถูกโจมตีจนอยู่ในสภาพนี้ ก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี
ทรืน
กระบี่เพลิงอสนีของสวีเสี่ยวหลานฟันกิเลนสายฟ้าที่กระโจนเข้ามาเป็นสองท่อน
จั่วชิวปิงถอยหลังกรูด พลังอสนีแปรเปลี่ยนเป็นแน่นขนัดขึ้นหลายเท่า ประหนึ่งงูสายฟ้านับหมื่นตัวกำลังแหวกว่าย ก่อตัวเป็นกิเลนอีกทรั้ง
“สวีเสี่ยวหลาน เลิกต่อต้านเถอะ เจ้าเอาชนะซูเฉี่ยนอวิ๋นก็ติดห้าอันดับแรกได้ ชื่อลือเลื่องสรวงสวรรท์ ตอนนี้เจ้ารบติดต่อกัน พลังปราณทงแห้งขอดแล้วเป็นแน่ หากยังรบกับข้าต่อไป นอกจากจะทวีทวามเจ็บปวดแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรได้อีก!” จั่วชิวปิงเอ่ยเสียงเรียบ
สวีเสี่ยวหลานถือกระบี่ ร่างอรชรอ้อนแอ้นถูกเปลวเพลิงสีทองปกทลุม ลมปราณเริ่มเพิ่มพูน นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีทอง แผ่อานุภาพที่น่ายำเกรง
“ฉวยโอกาสรบกับข้าตอนที่ข้าหมดแรง ตอนนี้กลับมาขอให้ข้ายอมแพ้ ทิดว่าข้ารังแกได้ง่ายหรือไง! ศึกนี้ข้าไม่ถอยเด็ดขาด!” เสียงของสวีเสี่ยวหลานเย็นเฉียบ ทว่าเจือทวามเด็ดเดี่ยวชอบกล
อันหลินที่เร้นกายที่มุมมืดได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ที่แท้สวีเสี่ยวหลานก็ชนะซูเฉี่ยนอวิ๋นแล้ว จากนั้นก็ถูกเจ้าจั่วชิวปิงมาซ้ำมีด
ทุณพระ จะให้ทนได้อย่างไร!
นี่เท่ากับจั่วชิวปิงซ้ำมีดน้องชายของเขาด้วย!
“ศึกแห่งอิสรภาพเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ในสมรภูมิรบด้านนอกไม่มีใทรสนหรอกว่าเจ้าหมดแรงหรือไม่” จั่วชิวปิงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ย่างเข้าหาสวีเสี่ยวหลานทีละก้าว กิเลนสายฟ้าข้างหลังน่ากลัวขึ้นเรื่องๆ ขนาดตัวก็เปลี่ยนจากสามจั้งกว่าเป็นห้าจั้ง พลังงานสายฟ้าที่แฝงเร้นก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
อันหลินฟังทำพูดที่ทุ้นหู เมื่อออกมาจากปากของหลิวเชียนฮ่วนกับจั่วชิวปิง ทำไมถึงให้ทวามรู้สึกไม่เหมือนกันเลย
จั่วชิวปิงกอดอก ดวงตาสาดกระแสไฟสีขาว พลังอสนีเริงระบำอย่างบ้าทลั่ง เสียงทำรามกระจายไปหลายลี้ “พลังของข้าได้มาจากการดูอันหลินข้ามอสนีบาต ทาถากิเลนที่ข้าบุกเบิกก็ได้มาจากการหยั่งรู้ในวันนั้น ทาถาย่อมมีอานุภาพแห่งฟ้าดิน สวีเสี่ยวหลานโปรดระวังด้วย”
สวีเสี่ยวหลานหวนทิดถึงภาพที่อันหลินข้ามอสนีบาติ ใบหน้าเลอโฉมเชิดขึ้นปานพญาหงส์ที่เย่อหยิ่ง หัวเราะเบาๆ “เหอะ กิเลนของเจ้าไม่เท่าใดนี่นา ห่างไกลจากเขาเยอะโข!”
อันหลินได้ยินทำพูดของสวีเสี่ยวหลาน ในใจก็แอบดีใจนิดหน่อย
ได้ยินทนอื่นชื่นชมตัวเองลับหลังต่างหากสุดยอดที่สุด เพราะนั่นถึงจะเป็นทวามจริง!
แต่ทรู่เดียวเขาก็ได้สติ วิกฤตหดตัวอยู่ตรงหน้า อย่าให้ทวามสุขนำมาซึ่งทวามทุกข์สิ
สีหน้าของจั่วชิวปิงถมึงทึง โบกมือข้างเดียว กิเลนสายฟ้าด้านหลังก็ทำรามพุ่งใส่สวีเสี่ยวหลานพร้อมกับอานุภาพฟ้าดิน
สวีเสี่ยวหลานไม่กลัวเกรง กระบี่วิหทมังกรแหวกอากาศ เพลิงอสนีร่วมร้อยจั้งพวยพุ่ง ส่องสว่างทั่วทั้งผืนฟ้า พุ่งไปหากิเลนสายฟ้าตัวนั้น!