ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 396 นี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์
เหนือม่านแบ่งเขต เซียนพสุธาอู๋ถงกำลังถือดินสอ รำพันเบาๆ ว่า “ท่าทางศึกนี้ใกล้สิ้นสุดแล้ว อานุภาพที่แฝงในกิเลนสายฟ้าเหนือกว่ากระบี่หนึ่งขั้น เสียดายที่สวีเสี่ยวหลานใช้กระบวนท่าที่น่ากลัวยามรบกับซูเฉี่ยนอวิ๋นไปแล้ว ใช้ได้เพียงครั้งเดียวในระยะเวลาอันสั้น ไม่อย่างนั้นก็ยังมีโอกาสชนะจั่วชิวปิง”
บนพสุธา ปราณกระบี่ที่ยาวร่วมร้อยจั้งฉีกทึ้งปฐพีในพริบตา พุ่งใส่กิเลนสายฟ้าขนาดมหึมาด้วยอานุภาพที่องอาจหาญกล้า
ใบหน้าของจั่วชิวปิงฉายรอยยิ้มบางๆ แล้ว เขารู้ว่าศึกนี้จะสิ้นสุดแล้ว และชัยชนะนั้นเป็นของเขา
สวีเสี่ยวหลานหน้าซีด แต่ใบหน้ากลับทระนงยิ่ง แม้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย นางก็จะไม่ยอมก้มหัว
ชั่วขณะที่ปราณกระบี่ประสานงากับกิเลนสายฟ้า จู่ๆ กิเลนสายฟ้าก็คล้ายกับพบเจอสิ่งที่น่ากลัวอย่างมหันต์ หันหลังหนีเตลิดเปิดเปิง!
สวีเสี่ยวหลานชะงักงัน จั่วชิวปิงอึ้งไปแล้ว
กิเลนสายฟ้าถูกปราณกระบี่เพลิงอสนีไล่กวด จากนั้นกระโจนใส่จั่วชิวปิง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คนกันเอง!” จั่วชิวปิงปล่อยพลังส่วนตน หมายอยากควบคุมกิเลนสายฟ้า ขณะเดียวกันก็ตะโกนลั่น น้ำเสียงเจือความหวาดกลัว
กิเลนสายฟ้าไม่หยุดยั้ง ทลายพลังของจั่วชิวปิง จากนั้นชนชุดเกราะอสนีของจั่วชิวปิงแหลกลาญ
ต่อมา ปราณกระบี่ที่แฝงอานุภาพของวิหคมังกรก็กระทบร่างของจั่วชิวปิง พร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้…
ตูม
เปลวไฟพุ่งขึ้นฟากฟ้า สายฟ้าดุจมังกรบรรพกาลคำราม
จั่วชิวปิงที่มีแสงทองปกคลุมทั่วร่างลอยขึ้นฟ้า จากนั้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ยันต์ประเมินผลแพ้รบของเขาถูกกระตุ้นแล้ว กวาดตามองรอบกายด้วยอย่างเลื่อนลอย งงเป็นไก่ตาแตก
“เพราะอะไร…ทำไมกิเลนสายฟ้าของข้าถึงกลัวปราณกระบี่ของเจ้า”
สวีเสี่ยวหลานเยื้องย่างไปหาจั่วชิวปิง กะพริบตาเล็กน้อย สอดส่ายตามองรอบข้าง กลับไม่พบคนอื่น
แต่พลังเช่นนี้ นางคุ้นเคยเหลือเกิน…
“อาจเพราะมังกรกับพญาหงส์สูงส่งกว่ากิเลนกระมัง” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เหลวไหล! เห็นกิเลนอสนีทองอนัตตาไหม สิ่งที่สอดคล้องกับวิถีสวรรค์จะกลัวมังกรกับพญาหงส์ได้อย่างไร!” จั่วชิวปิงกัดฟันพูด
“แต่กิเลนของเจ้าไม่ใช่กิเลนอสนีทองอนัตตาเสียหน่อย อีกอย่างต่อให้ใช่ เมื่อเห็นอันหลินก็เหมือนลูกหมา สั่งให้มันทำอะไร ก็ยอมทำตาม เลิศล้ำมากหรือ” สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้ายิ้มๆ
จั่วชิงปิงได้ฟังก็อึดอัดใจ เลือดกระอักออกมาอีกครั้ง สุดท้ายก็กลายเป็นแสงทอง หายลับไปจากดินแดนนี้ด้วยความจำใจ
เมื่อสวีเสี่ยวหลานเห็นภาพนี้ ในที่สุดก็โล่งอกสักที ร่างกายโอนเอน คล้ายจะล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ในตอนนั้นเอง เหมือนจะมีคลื่นให้เห็นรำไรในบริเวณที่ไม่ไกล แต่ไม่นานก็สงบลง
นางกวาดตามองรอบๆ อีกครั้ง ดวงดาวพร่างพราวดุจท้องทะเล ดวงจันทร์ลอยเด่น ธรณีภายใต้แสงจันทร์มีแต่ความซบเซา มองไม่เห็นผู้ใด
“ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว บางทีนี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์…ทั้งๆ ที่จั่วชิวปิงได้พลังกิเลนผ่านการหยั่งรู้ของอันหลิน กลับใช้พลังนี่มาจัดการเพื่อนรักของเขา สมควรแล้วที่ถูกพลังของตัวเองแว้งกัด” สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่คิดมากอีก เริ่มนั่งสมาธิ รักษาอาการของตัวเอง
อันหลินที่เร้นกายพยักหน้ารัวๆ ปลื้มใจยิ่งแล้ว
ใช้สายฟ้ารังแกสวีเสี่ยวหลานงั้นเหรอ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!
คาถาเรียกสายฟ้าของเราบังคับได้แม้กระทั่งกิเลนอสนีทองอนัตตา นับประสาอะไรกับกิเลนกระจอกๆ ของแก
ขณะที่อันหลินกำลังคิดเช่นนี้ เซียนพสุธาอู๋ถงเหนือม่านแบ่งเขตกลับมองสวีเสี่ยวหลานด้วยความงงงวย
นี่มันเรื่องอะไรกัน เราพลาดอะไรไปหรือ
เซียนพสุธาอู๋ถงหวนคิดถึงเหตุการณ์ต่อสู้เมื่อครู่ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมกิเลนสายฟ้าถึงหันหลังวิ่งหนี หรือจะตกใจกลัวความอหังการของสวีเสี่ยวหลานจริงๆ
เขาพลันนึกถึงภาพของวันที่เกิดพายุฝน มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งทำเรื่องที่พิลึกกว่านี้เสียอีก
“หรือจะเป็นอันหลิน ไม่สิ ไม่เห็นอันหลินนี่นา”
เขาพินิจมองต้นหญ้าแมกไม้เบื้องล่าง สุดท้ายก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ไกลออกไปสามลี้ กำลังพิงก้อนหินเล่นมือถืออยู่ หลิวเชียนฮ่วนนั่นเอง
“ไม่มีทางเป็นหลิวเชียนฮ่วน น่าจะเป็นอันหลินที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาควบคุมสายฟ้าให้สวีเสี่ยวหลานกระมัง…เฮ้อ นักเรียนพวกนี้นับวันจะยิ่งประหลาดขึ้นไปทุกทีแล้ว” เซียนพสุธาอู๋ถงถอนหายใจ เริ่มระบุสถิติ
สวีเสี่ยวหลาน ‘ค่าพลังต่อสู้ 1050 ค่าความดี 920’
เขามองสถิติของตัวเก็งที่ติดอันดับสองของอันดับเซียนอย่างหลิวเชียนฮ่วน รู้ว่าหลังนางลงมือไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่เคยต่อสู้อีกเลย
หลิวเชียนฮ่วน ‘ค่าพลังต่อสู้ 860 ค่าความดี 380’
“ทั้งที่หลิวเชียนฮ่วนรู้ว่าสวีเสี่ยวหลานบาดเจ็บหมดแรง กลับไม่ฉวยโอกาส แต่เลือกจะเล่นเกมอยู่อีกมุม รอคอยให้คู่ต่อสู้รักษาตัว แล้วค่อยรบอย่างเที่ยงตรงผ่าเผย…คุณลักษณะที่ดีงามเช่นนี้ควรค่าให้นักเรียนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!” เซียนพสุธาอู๋ถงพยักหน้าเอ่ยชม
อันหลินมองหญิงสาวที่นั่งสมาธิใต้แสงจันทร์เงียบๆ ลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เคลื่อนตัวไปทางหลิวเชียนฮ่วนช้าๆ
สภาพแปลงเงาผลาญพลังปราณอย่างยิ่ง ต่อให้ทะเลปราณของเขาจะใหญ่กว่านักพรตแปลงจิตทั่วไปหนึ่งเท่าตัว แต่ก็ต้านการผลาญพลังต่อเนื่องแบบนี้ไม่ไหว
หลิวเชียนฮ่วนกำลังเล่นเกมอย่างกระปรี้กระเปร่า จู่ๆ ก็มีลมโชยพัดข้างหู ทำให้นางสะดุ้งโหยง
“ใครน่ะ!”
ดวงตาของนางเบิกกว้าง เหลียวมองทางซ้าย กลับไม่เห็นสิ่งใด
จู่ๆ ไหล่ขวาของนางก็ถูกตบเบาๆ
นางอดเสตามองทางขวาไม่ได้ ในตอนนั้นเองกลับมีใบหน้าโผล่มาทางซ้าย
“กรี๊ด” หลิวเชียนฮ่วนกรีดร้อง หนึ่งฝ่ามือฟาดออกไป
เพี๊ยะ คนคนนั้นถูกตบจนกระเด็น
โครม
คนคนนั้นกระแทกกับก้อนหิน ทำให้หินทั้งก้อนแตกละเอียด
สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ไกลออกไปสามลี้ลืมตาขึ้น หันมองทิศทางของเสียง คิ้วงามขมวดมุ่น เสียงนั่นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“คุณพระ! ข้าแค่แกล้งเล่นนิดหน่อย นี่ท่านจะฆ่าแกงกันหรือไง!” อันหลินลูบหน้าที่บวมแดง ถลึงตาใส่หลิวเชียนฮ่วน หากเขายังอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ใบหน้าอันหล่อเหลาคงเสียโฉมแหงๆ
หลิวเชียนฮ่วนเห็นว่าเป็นอันหลิน ก็ทำเสียงฮึดฮัด “ใครใช้ให้เจ้าแกล้งข้า สมน้ำหน้า!”
อันหลินถอนหายใจ บนโลกมนุษย์ ผู้ชายแกล้งเด็กผู้หญิงเล่น เด็กผู้หญิงจะออดอ้อนว่า ‘ฮือๆ ๆ’ ‘นายมันนิสัยไม่ดี’ อย่างมากก็แค่ทุบหน้าอกเบาๆ
แต่พอเขาเล่นสนุกที่นี่ สิ่งที่ทักทายเขากลับเป็นการถูกตบหน้าฉาดใหญ่ที่อันตรายอย่างยิ่ง
โลกตกต่ำลงทุกวัน ตกต่ำลงทุกวัน…
เหนือม่านแบ่งเขต เซียนพสุธาอู๋ถงคล้ายว่าจะได้ยินเสียงเช่นกัน เขาสัมผัสคลื่นพลังของทิศทางนั้น จู่ๆ ก็พบคนที่สอง
“นี่มัน…อันหลินใช่ไหม! เอ๊ะ อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนจะสู้กันหรือ”
“ไม่สิ ทั้งคู่ไม่มีท่าทีจะสู้กัน แต่สนทนากัน…”
“แปลกนักๆ ทำไมก่อนหน้านี้ประสาทสัมผัสของข้าไม่รู้สึกถึงตัวตนของเขา เขามาตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด”
เซียนพสุธาอู๋ถงขมวดคิ้ว คิดแทบล้มประดาตายก็ไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ อาจเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ สมองเลอะเลือนไปหน่อย อืม ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ…”
ตอนนี้อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนกำลังใช้วิชาส่องทางไกลแอบมองสวีเสี่ยวหลานอยู่
หลิวเชียนฮ่วนกระซิบว่า “ต่อไปเราจะทำอย่างไรกันต่อ”
อันหลินครุ่นคิดแล้วบอกว่า “ตอนนี้ภัยคุกคามของเราน่าจะเหลือแค่พี่เฉิงแล้ว สู้สะกดรอยตามสวีเสี่ยวหลาน พอนางเจอกับพี่เฉิง ท่านก็พุ่งออกไปจัดการพี่เฉิงเสีย จากนั้นค่อยท้าสวีเสี่ยวหลาน”
หลิวเชียนฮ่วนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีปัญหา ตกลงตามนี้! ตื่นเต้นจริงๆ…คิดว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่าสวีเสี่ยวหลานจะคว้าอันดับหนึ่ง ถ้ารู้แต่แรกคงไปวางเดิมพันที่จุดเดิมพันของสำนักแล้ว”
ใบหน้าของนางฉายความเสียดาย แต่ครู่เดียวก็จดจ่อกับงาน ลอบสังเกตดูสวีเสี่ยวหลานกับอันหลินต่อ