ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 397 พี่เฉิงงงนิดหน่อย
วันที่สามของศึกแห่งอิสรภาพ และเป็นวันสุดท้าย
ม่านแบ่งเขตของป่าพันยอดเริ่มหดตัว สุดท้ายมันจะหดเป็นสมรภูมิรบที่มีรัศมีไม่กี่ลี้
มีนักเรียนมากกว่าร้อยละเก้าสิบเก้าที่ตกรอบแล้ว
พวกเขาต่างก็นั่งอยู่บนจัตุรัสหยกขาว รักษาอาการบาดเจ็บของร่างกาย พลางจ้องหน้าจอผลึกหินที่ดำสนิทเงียบๆ
“เดี๋ยวรอให้เหลือนักเรียนแค่ยี่สิบคน จอฉายผลึกหินก็จะถ่ายทอดสดสถานการณ์ข้างในแล้ว คาดหวังจะเห็นความองอาจของศิษย์พี่อันหลินเหลือเกิน!”
“ศึกแห่งอิสรภาพปีนี้ค่อนข้างดุเดือด สองวันมานี้ผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ตกรอบไปมากกว่าครึ่ง ความสามารถอย่างพวกเขา ปกติแล้วมักจะเริ่มต่อสู้อย่างแท้จริงในวันสุดท้าย ไม่คิดว่าจะตกรอบตอนนี้”
“นั่นน่ะสิ อย่างเหยาหมิงซี เหยาซิ่ว ลั่วจื่อผิงเกิดเหตุไม่คาดฝันไม่น่าแปลก แต่อย่างซูเฉี่ยนอวิ๋น ถังซีเหมิน จั่วชิวปิง นั่นมันผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกของอันดับเซียนเชียวนะ ตกรอบไวปานนี้ ไม่น่าเชื่อเลย!”
“น่าจะเป็นฝีมือของศิษย์พี่อันหลิน!”
“อืม เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมืออันหลิน…”
ขณะที่เหล่านักเรียนกำลังวิจารณ์กันเซ็งแซ่ จอฉายผลึกหินพลันสว่างขึ้นมา
เสียงโห่ร้องของนักเรียนอื้ออึงทั่วจัตุรัสทันที
พวกเขารอคอยมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้โอกาสชมไอดอลในดวงใจต่อสู้แล้ว!
นักเรียนกว่าครึ่งต่างก็มองหาร่างร่างหนึ่งจากภาพนับร้อยชิ้นที่แตกต่างกัน
“ดูนั่นสิ! ศิษย์พี่อันหลินอยู่ตรงนั้น!”
“โอ้โฮ ทำไมเขาไปอยู่กับศิษย์พี่หลิวได้ละ ข้าปวดใจเหลือเกิน…”
“ข้าด้วย ทำไมศิษย์พี่อันหลินไม่เลือกข้า”
“พวกเขากำลังทำอะไรกันน่ะ ดูลับๆ ล่อๆ”
“เหมือนกำลังตามใครบางคนอยู่ แต่ภาพดูไม่ชัดเจน”
“พวกเจ้ารีบดูเร็วเข้า เทพเซวียนหยวนเฉิงก็เริ่มรบแล้วเหมือนกัน!”
“ดูเหมือนจะรบกับหูก้วน ไม่มีอะไรน่าติดตามแล้ว”
เมื่อสิ้นประโยคนี้ ก็มีนักเรียนหญิงไม่พอใจ โต้แย้งทันควันว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร พวกเราไม่ได้ดูว่าเขาต่อสู้ดุเดือดอย่างไร พวกเราดูหน้าตาต่างหาก!”
คนที่ทำให้นักเรียนเอิกเกริกใหญ่โต พูดจาอย่างไม่มีภาระทางจิตใจได้ ทั้งสำนักเกรงว่าจะมีแค่เซวียนหยวนเฉิงเพียงผู้เดียว
หมัดของหูก้วนทรงพลังอย่างยิ่ง ทุกหมัดล้วนมีอานุภาพทะลายขุนเขา แต่เซวียนหยวนเฉิงกลับมีเพลงกระบี่ดั่งสายน้ำไหล สง่างามคล่องแคล่วเป็นที่สุด สามารถต้านการโจมตีของหูก้วนได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง จากนั้นฉวยจังหวะเฉือนท่อนแขนเขาให้เกิดแผลเป็นทาง
ปกติเซวียนหยวนเฉิงจะไม่รุนแรงกับนักเรียนมากนัก นักเรียนส่วนใหญ่ที่แพ้ด้วยน้ำมือเขามักจะปราชัยเพราะพลังปราณแห้งเหือด เมื่อพวกเขาหมดแรงล้มลง เซวียนหยวนเฉิงเพียงแค่ตวัดกระบี่ใส่ร่างของพวกเขา ยันต์ประเมินผลแพ้รบย่อมถูกกระตุ้น
นักเรียนที่ชมจอฉายผลึกหินมากมายต่างก็อดรำพันไม่ได้ว่า การต่อสู้ของเซวียนหยวนเฉิงช่างน่าประทับใจ
แม้หูก้วนจะแข็งแกร่งที่สุดในชั้นปีที่หนึ่ง แต่ก็ถูกเซวียนหยวนเฉิงถ่วงเวลาจนหมดแรงล้มลงกับพื้น
“หูก้วน เจ้าทำได้ดี เจ้าเป็นคนแรกที่บีบคั้นข้าถึงขั้นนี้”
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มอ่อนโยน ใช้กระบี่แทงหัวใจหูก้วน
มุมปากของหูก้วนกระตุก ในใจบ่นไม่หยุด
เหมือนเซวียนหยวนเฉิงก็จะพูดแบบนี้กับนักเรียนคนก่อนที่แพ้เขา…
เปลี่ยนบทพูดสักครั้งจะตายหรือไง จริงใจหน่อยได้หรือไม่!
ฉัวะ
เสียงกังวานดังขึ้น ยันต์ประเมินผลแพ้รบทำงานแล้ว
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มบางๆ พยักหน้าให้หูก้วน จากนั้นขี่กระบี่จากไป
ยามนี้ หลิวเชียนฮ่วนกับอันหลินกำลังวิ่งอยู่บนพื้นดิน ไล่ตามสวีเสี่ยวหลานที่ขี่กระบี่ห่างออกไปสามลี้
พลังยุทธ์ของพวกเขาสูงกว่าสวีเสี่ยวหลาน ทั้งยังอยู่ไกลปานนี้ สามารถอำพรางลมปราณได้
สวีเสี่ยวหลานกำหนดลมหายใจมาทั้งคืน อาการดีขึ้นเยอะโขแล้ว จึงเริ่มต่อสู้อีกครั้ง
นักเรียนเหล่านี้บ้างก็เป็นระดับกายแห่งมรรค จัดการได้ในหนึ่งหรือสองกระบวนท่า บ้างก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ จำต้องสิ้นเปลืองแรงสักหน่อย แต่ก็เอาชนะได้อย่างไร้บาดแผล
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานที่ทรงพลัง คิดในใจว่าศึกแห่งอิสรภาพครั้งนี้คงจะเอาอยู่
เอาไม่อยู่ก็ต้องเอาอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้เป็นลูกผู้ชายแล้ว!
ม่านแบ่งเขตกำลังหดตัวช้าๆ การต่อสู้ก็เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
นักเรียนที่กำลังจับจ้องอันหลินเงียบๆ บนจัตุรัสหยกขาวต่างก็ทำท่างุนงง
“ศิษย์พี่อันหลินกำลังทำอะไรกันแน่ ทำไมไม่ต่อสู้ ครึ่งชั่วยามแล้วนะ! ยังวิ่งๆ หยุดๆ อีก มองไปทางหนึ่งอย่างลับๆ ล่อๆ ทำบ้าอะไรกันนะ”
“ความคิดของเทพอันหาใช่สิ่งที่คนอย่างพวกเราจะคาดเดาได้ บางทีเขาอาจจะกำลังวางแผนทำศึกสะเทือนฟ้ากับศิษย์พี่หลิวจริงๆ ก็ได้!”
“คาดหวังเหลือเกิน หลังศิษย์พี่อันหลินบรรลุระดับแปลงจิต ยังไม่ได้เห็นเขารบเลย…” นักเรียนหญิงท่าทางน่ารักมองหน้าจอด้วยความลุ่มหลง
ภาพที่ต่อสู้ดุเดือดอื่นๆ นางไม่มอง ลำพังแค่ดูท่าทางอันหลินยามวิ่ง นางก็ใจสั่นระรัวแล้ว
ม่านแบ่งเขตหดเหลือเพียงรัศมีสิบลี้โดยไม่รู้ตัว
จำนวนคนทั้งหมดในป่าพันยอดเหลือเพียงยี่สิบกว่าคน และอันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนยังไม่ลงมือ ตอนนี้มีนักเรียนมองออกแล้วว่าพวกเขากำลังสะกดรอยตามใคร
“คุณพระ พวกเขากำลังติดตามสวีเสี่ยวหลาน!”
“มันต้องมีแผนการที่บอกใครไม่ได้เป็นแน่ ข้าคาดหวังเหลือเกิน”
“ไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจจริงๆ…”
“พวกเจ้าดูสิ สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงเจอกันแล้ว!”
เมื่อภาพบนจอฉายผลึกหินปรากฏ ก็ดึงดูดสายตาของนักเรียนส่วนใหญ่ในจัตุรัสทันที
…
ป่าพันยอด หลังสวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงเจอกัน ต่างก็ชะงักไป
เซวียนหยวนเฉิงไม่คิดว่าจะต้องประมือกับสวีเสี่ยวหลาน สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เพราะสวีเสี่ยวหลานมีความสามารถจะเอาชนะเขาได้
“เซวียนหยวนเฉิง ปีสามห้องหนึ่ง ได้โปรดชี้แนะได้!”
เขาโค้งคำนับอย่างงามสง่า ประหนึ่งสัตบุรุษที่สุภาพอ่อนโยน
สวีเสี่ยวหลานก็คำนับตอบ กำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนแว่วมา
“หลิวเชียนฮ่วน ปีห้าห้องหนึ่ง ได้โปรดชี้แนะด้วย!”
รวดเร็วฉับไว
ลำแสงสีชมพูพุ่งมาประชิดโดยทัน ขวางหน้าสวีเสี่ยวหลานไว้
หลิวเชียนฮ่วนโค้งคำนับเซวียนหยวนเฉิงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมความทะเล้นและลำพองใจ
สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงต่างก็อึ้งไป
“ศิษย์พี่หลิว นี่ท่าน...” สวีเสี่ยวหลานยังตั้งตัวไม่ค่อยได้
หลิวเชียนฮ่วนยิ้ม “ศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลาน เซวียนหยวนเฉิงเป็นเหยื่อของศิษย์พี่ รบกวนเจ้าช่วยถอยหน่อย!”
เซวียนหยวนเฉิงมองหญิงสาวตรงหน้า เอ่ยปากอย่างขมขื่นว่า “ศิษย์พี่หลิว ดูเหมือนข้าจะไม่ได้ทำอะไรท่านนะ…”
หลิวเชียนฮ่วนขยิบดวงตาสีม่วงที่สุกใส กล่าวเสียงไพเราะว่า “ใครใช้ให้เจ้าหล่อเหลาปานนี้ละ ข้ายังไม่เคยประมือกับบุรุษที่หล่อขนาดนี้เลย ตอนนี้ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว สนองความต้องการของศิษย์พี่สักหน่อยดีไหม”
เซวียนหยวนเฉิง “…”
สวีเสี่ยวหลานเคลื่อนฝีเท้าไปรออยู่อีกทางเงียบๆ
นักเรียนในจัตุรัสหยกขาวมองภาพบนจอฉายผลึกหินด้วยความงงงวย
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลิวเชียนฮ่วนที่ซ่อนตัวมาอย่างยาวนานจะหันหัวหอกไปที่เซวียนหยวนเฉิง! เบื้องหลังมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่