ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 401 ข้าขอโทษ โปรดให้อภัย!
สงครามในป่าพันยอดเข้าสู่ช่วงท้าย สวีเสี่ยวหลานพักรักษาตัวครู่หนึ่งก็เริ่มต่อสู้อีกครั้ง
เมื่อปราศจากศัตรูตัวฉกาจอันดับต้นๆ ของอันดับเซียน ก็ไม่มีนักเรียนคนใดขวางฝีเท้าของนางได้ สุดท้ายนางก็กลายเป็นคนสุดท้ายในป่าพันยอดท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจ
ศึกแห่งอิสรภาพปิดฉาก สวีเสี่ยวหลานขึ้นนั่งบัลลังก์อันดับหนึ่ง หลิวเชียนฮ่วนเป็นอันดับสอง เซวียนหยวนเฉิงอันดับสาม จั่วชิวปิงอันดับสี่ ซูเฉี่ยนอวิ๋นอันดับห้า ถังซีเหมินตกรอบไวเกินไปจึงได้อันดับที่เจ็ดไป ส่วนอันดับหกถูกเพื่อนร่วมห้องของเขาชิงไป
บรรดานักเรียนค้นพบโดยพลันว่า พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสุดยอดพลังต่อสู้บนอันดับเซียนถูกนักเรียนปีสามห้องหนึ่งยึดครอง และนี่เป็นสิ่งที่ทำได้ในสถานการณ์ที่เกิดเหตุไม่คาดฝันกับอันหลิน ไม่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรก ไม่พูดถึงสามคนที่สุดยอดที่สุด อย่างลู่จ้าน เหมียวเถียน จงหย่งเหยียน ซุนเซิ่งเหลียน ลั่วจื่อผิง ถังม่าน ซือคงซู่ พวกเขาล้วนเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณของปีสามห้องหนึ่ง ก็แสดงความโดดเด่นในศึกแห่งอิสรภาพเช่นกัน
เหล่านักเรียนนับสมาชิกหนึ่งร้อยอันดับแรกอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง พบว่ามีชั้นปีที่สามทั้งสิ้นสามสิบกว่าคน ความนัยที่แฝงอยู่เบื้องหลังของตัวเลขนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน…
“ถูกศิษย์น้องทั้งหลายคว้าไปแล้วหรือ ฮือๆ ๆ… พวกเราบำเพ็ญเซียนมากกว่าพวกเขาตั้งสองปีเชียวนะ ไม่ไว้หน้ากันเลย!” ศิษย์พี่ชั้นปีที่ห้าพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ทำไมนักเรียนปีสามถึงแข็งแกร่งปานนี้ พวกเราเรียนตำราชุดเดียวกันจริงหรือ” ศิษย์พี่ชั้นปีที่สี่พูดด้วยความงุนงง
“พวกเจ้าว่าเป็นเพราะการทดสอบปลายภาคที่ต่อต้านเผ่าพันธุ์มดหรือไม่ ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปมากโข” นักเรียนคนหนึ่งคาดการณ์
“มีเหตุผล สงครามครั้งนั้นค่อนข้างโหดเหี้ยม มีคนตายไม่น้อยเลย อาจารย์นักเรียนที่บาดเจ็บก็นับไม่ถ้วน ผ่านการขัดเกลาปางตายมา ย่อมทำให้จิตใจของตนหนักแน่นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตได้ไวขึ้น” นักเรียนบางส่วนคล้อยตามทันทีที่ได้ยิน
“ไหนจะมีรัศมีของเทพอันที่ปกคลุมพวกเขา นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งแน่ๆ!”
“ฮ่าๆ ๆ ศิษย์น้องคนนี้ก็พูดได้มีเหตุผลเหมือนกัน…”
…
ศึกแห่งอิสรภาพปิดฉากลงท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของนักเรียน
แต่การต่อสู้ของอันหลินยังไม่สิ้นสุด
หลังเขาลืมตาตื่น พบว่าคนกลุ่มใหญ่กำลังจ้องมองตนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร พลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจเย็นวาบ
หลิวเชียนฮ่วน เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋น สวีเสี่ยวหลานและถังซีเหมินต่างก็ทำหน้ามีเลศนัย
ถังซีเหมินหัวเราะเหอะๆ “ช่างเป็นแผนการที่สะเทือนฟ้าเหลือเกิน ลากข้าเข้าไปเอี่ยวเสียด้วย”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ จากนั้นถลึงตาใส่หลิวเชียนฮ่วน ขาดแค่ตะโกนออกไปว่าทรยศ
หลิวเชียนฮ่วนกลับแลบลิ้มอย่างทะเล้น พูดด้วยท่าทางเหมือนพอใจที่แผนการแกล้งสำเร็จ “ใครใช้ให้เจ้าใช้หมัดอสนีปรมาณูระเบิดข้า ไม่ได้ตกลงกันก่อนว่าจะมีท่านี้นี่นา ทำข้าตกใจแทบแย่…ตอนหลังถังซีเหมินวิ่งโร่มาตำหนิ ข้าก็ไม่อยากรับโทษแทนเจ้าแล้ว เจ้าไร้คุณธรรมอย่าโทษว่าข้าอธรรม ข้าเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ใช่ผู้ต้องหา!”
“อีกอย่าง เรื่องที่เจ้าใช้ระเบิดกับข้า ยังไม่ได้สะสางเลย!”
พูดจบนางก็ถลึงตาใส่อันหลินอีกครั้ง
อันหลินอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าหลิวเชียนฮ่วนจะย้อนกลับมาเล่นงานในเวลาแบบนี้
เขาเบนสายอ้อนวอนมองที่เซวียนหยวนเฉิง
เซวียนหยวนเฉิงถอนหายใจ “สหายอันหลิน เจ้าอยากให้สวีเสี่ยวหลานเป็นอันดับหนึ่ง มาเจรจากับพวกเราดีๆ ได้ ใช้วิธีที่ดีกว่านี้สิ ใช้วิธีก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นด้วย อีกอย่างข้าเชื่อว่าสวีเสี่ยวหลานคว้าอันดับหนึ่งของสำนักด้วยวิธีนี้ นางไม่มีทางดีใจหรอก”
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน เห็นนางกำลังมองตนด้วยใบหน้าที่เย็นเยือกอย่างมหันต์
เห็นได้ชัดว่าในบรรดาคนเหล่านี้ คนที่โกรธเขามากที่สุดคือสวีเสี่ยวหลาน...
ตอนนี้นางไม่พูดอะไรเลย จ้องอันหลินนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ทำให้อันหลินกดดันเหลือเกิน
“นั่นสิ สวีเสี่ยวหลานเก่งกาจปานนี้ ต่อให้อาศัยกำลังของตนก็คว้าอันดับหนึ่งได้เหมือนกัน สหายอันหลิน เจ้าทำเช่นนี้มันสูญเปล่า” ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็ตำหนิเสียงนุ่มเช่นกัน
นางก็มีความคิดง่ายๆ อยู่เหมือนกัน ยกยอสวีเสี่ยวหลานเป็นอันดับหนึ่งอย่างเปิดเผย เช่นนั้นที่นางแพ้สวีเสี่ยวหลานก่อนหน้านี้ คงไม่น่าอายปานนั้น…
“เจ้ายังมีอะไรอยากพูดอีกไหม” เสียงเย็นชาของสวีเสี่ยวหลานดังขึ้น ใช้แววตาที่น่าเกรงขามปานราชินีพินิจมองชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น
อันหลินจะพูดอะไรได้อีก คงจะเปิดโปงระบบที่ไร้ศีลธรรมไม่ได้หรอกมั้ง ยามนี้ทำได้แค่ขอโทษอย่างจริงใจ
“ศิษย์พี่หลิว ข้าจะเล่นเกมกับท่านสองวัน!” เขาพูดอย่างจริงจัง
“ฮะ โอ้ ได้เลย ไม่มีปัญหา บุญคุณความแค้นของเรายกเลิกทั้งหมด!” นัยน์ตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนฉายประกายตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าพอใจกับคำขอโทษนี้เป็นอย่างยิ่ง
“ซูเฉี่ยนอวิ๋น ข้าเซียนกระบี่อันหลิน ข้าจะสอนเจ้าฝึกกระบี่สองวัน!” อันหลินพูดต่อ
“ฮะ สหายอันหลินไม่ได้ทำผิดต่อข้านี่นา…แต่โอกาสที่จะพาข้าฝึกกระบี่นั้นหายาก ข้าขอรับไว้ก่อนแล้วกัน!” เมื่อซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ยินประโยคนี้ก็ดีใจยิ่งแล้ว ใบหน้างามเกลี้ยงเกลาแดงเรื่อ
อันหลินพอใจมาก ในที่สุดจดหมายลับของซูซิ่นก็ได้ใช้งานแล้ว
สีหน้าของสวีเสี่ยวหลานเย็นชากว่าเดิม
อันหลินมองถังซีเหมินแล้วโพล่งขึ้นมาทันทีว่า “ศิษย์พี่ถัง ข้าให้ท่านห้าหมื่นหินวิญญาณ”
ถังซีเหมินแน่นหน้าอก พูดอย่างมีน้ำโหว่า “สหายอันหลิน นี่เจ้าตะเพิดขอทานหรือไง ข้าเป็นคนที่ตื้นเขินปานนั้นหรือ!”
“หนึ่งแสนหินวิญญาณ” อันหลินเอ่ยอย่างจริงจัง
“ค่อยน่าฟังหน่อย” ถังซีเหมินยิ้มแย้ม
อันหลิน “…”
ทุกคน “…”
จากนั้นอันหลินก็หันมองเซวียนหยวนเฉิง เขามองชายหนุ่มที่รูปหล่อพ่อรวย ไม่ขาดแคลนอะไร ไม่มีข้อบกพร่อง ก็ปวดหัวขึ้นมาทันที “พี่เฉิง ข้ากับเจ้ามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน…”
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มอ่อนโยน “สิ่งของชดใช้น่ะไม่ต้องหรอก ในเมื่อเจ้าสำนึกผิด ข้าก็ต้องให้อภัยเจ้าอยู่แล้ว”
อันหลินซาบซึ้งใจนัก นัยน์ตาแดงก่ำ มองชายหนุ่มที่อารีตนปานนี้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ดูสิ…อะไรคือรักแท้ แบบนี้สิรักแท้!
สุดท้ายอันหลินก็เบือนสายตามองสวีเสี่ยวหลาน ลอบกลืนน้ำลาย แม้เขาจะทำให้สวีเสี่ยวหลานเป็นอันดับหนึ่งได้สำเร็จ แต่เขาก็รู้ว่าสวีเสี่ยวหลานเป็นคนที่โกรธที่สุดในบรรดาคนพวกนี้
ไม่มีเหตุผลอะไรมากมาย ลำพังแค่ทำให้สวีเสี่ยวหลานร้องไห้ที่ป่าพันยอดก็ยืนยันทุกอย่างแล้ว…
เมื่อก่อนเขาไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน คิดๆ แล้วก็หยิบขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นสุดท้ายออกจากแหวนมิติ
เมื่อหยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกมา กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ก็อวลไปทั่ว แสงจันทร์สาดส่อง
“เสี่ยวหลาน ข้าทำผิดไปแล้ว ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย ขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นสุดท้ายที่ฉางเอ๋อให้ข้า ขนมไหว้พระจันทร์แทนใจข้า ขอให้เจ้ารับไว้ด้วยเถอะ!” พูดจบก็ยื่นขนมไหว้พระจันทร์ไปตรงหน้าสวีเสี่ยวหลาน
ถังซีเหมินเบิกตากว้าง ทำหน้าตกตะลึง
ใบหน้าของซูเฉี่ยนอวิ๋นเรียบเฉย เอียงศีรษะน้อยๆ สงสัยเหลือเกินว่าให้ขนมไหว้พระจันทร์ไปทำไมกัน
เซวียนหยวนเฉิงก็อมยิ้มไม่พูดอะไร แสดงสีหน้าเหมือนผู้ชม
ทางด้านหลิวเชียนฮ่วน ใจของนางราวกับแหลกสลาย หวนคิดถึงเมื่อครั้งอยู่บนยอดเขาหินนิลดำ อันหลินบอกว่าเป็นขนมไหว้พระจันทร์เพียงหนึ่งเดียว แบ่งกันคนละครึ่ง นางก็โมโหจนอยากกระโจนไปกัดอันหลินให้ตายไปเลย