ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 407 ไปท่องสำนักวิหคชาดอีกครั้ง
อันหลินตั้งราคาซาลาเปาไว้ที่เข่งละหนึ่งพันสองร้อยหินวิญญาณ ประเด็นเพราะราคานี้อยู่ในขอบเขตที่ลูกศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเซียนทั้งหลายยอมรับได้ รับรองว่าจะมีลูกค้าประจำ
ถ้าเขาขึ้นราคาเป็นสองพันหินวิญญาณต่อเข่ง ถึงขั้นว่าห้าพันหินวิญญาณต่อเข่ง อาจขายได้วันละหนึ่งร้อยเข่ง แต่การค้าขายแบบนี้ไม่มีทางยั่งยืนแน่นอน คนมากมายจะไม่ซื้ออีกหลังกินไปครั้งเดียว จะเป็นการลองชิมเพียงอย่างเดียว นักเรียนมากมายจะเกิดความคิดในใจว่า แม้ซาลาเปาอร่อย แต่จ่ายเงินมากขนาดนี้ไม่คุ้ม
แต่ราคาหนึ่งพันสองร้อยหินวิญญาณ เหล่านักเรียนของสรวงสวรรค์กินเดือนละครั้ง ไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง เศรษฐีนีอย่างหลิวเชียนฮ่วนสามารถกินซาลาเปาวันละสองครั้งได้!
ด้วยเหตุนี้ ตลอดหลายวันมานี้ ซาลาเปาของอันหลินล้วนขายหมดภายในสิบนาที
ซาลาเปาต้าไป๋เมินมีชื่อกึกก้องทั่วรั้วสำนักความมั่นคงบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง กลายเป็นของกินฟุ่มเฟือยที่รู้กันถ้วนทั่ว
“ซูเชี่ยน พรุ่งนี้เราไปเข้าแถวซื้อซาลาเปาต้าไป๋เมินที่เขตบ้านพักชั้นปีที่สามกันดีกว่า!”
“ฮะ ข้าไม่ชอบกินซาลาเปาสักหน่อย อีกอย่างเขตบ้านพักปีสองกับปีสามไกลเกินไป”
“เหอะๆ แม้แต่ซาลาเปาต้าไป๋เมินก็ยังไม่เคยกิน ไม่นับว่าเป็นนักเรียนของสำนักบำเพ็ญเซียน! หากเจ้าไม่ได้กิน ต้องเสียใจแน่นอน!”
“ข้า…”
“เลิกพล่ามได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าหกโมงไปแย่งที่ ช้าหมดจะอด!”
…
อีกไม่กี่วันต่อมา ซาลาเปาต้าไป๋เมินก็ถูกเหล่านักเรียนยกย่องเป็นอาหารอันดับหนึ่งของสรวงสวรรค์ หากไม่กินเท่ากับไม่เคยเข้ารั้วสำนัก…สมญานามของยอดพ่อครัวอันก็เริ่มเป็นที่นิยม
ยอดพ่อครัวอันรักษากำไรหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหินวิญญาณทุกวัน ได้กินซาลาเปาหลายเข่งกับเหล่าสัตว์เลี้ยง ชีวิตมีความสุข ส่วนทางด้านต้นทุน แม้ทำซาลาเปาร้อยเข่งจะใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดของสำนักบำเพ็ญเซียน รายจ่ายก็แค่ราวๆ หนึ่งพันหินวิญญาณ เรียกได้ว่ากำไรถล่มทลาย
“กระทะก้นแบน ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”
สิ่งที่อันหลินชอบพูดที่สุดในแต่ละวันก็คือประโยคนี้ แถมยังไม่ลืมจูบไปฟอดหนึ่ง
เขาว่างเว้นทุกวัน มักนำกระบี่พิชิตมารออกมาหั่นผักหั่นเนื้อ แถมยังสอนเสี่ยวเสียให้หัดเอาอย่างพี่กระทะก้นแบนเสียบ้าง รู้จักมีเมตตาดูแลครอบครัว เป็นกระบี่ที่มีประโยชน์กับเจ้านาย เป็นกระบี่ที่แบ่งเบาภาระเจ้านาย
กระบี่พิชิตมารไม่อยากพูดจา ถึงขนาดว่าอยากเชือดคน
วันเวลาเรียบง่ายอย่างมาก
ถ้าว่างเว้นก็เล่นเกมกับหลิวเชียนฮ่วน สอนกระบี่ให้ซูเฉี่ยนอวิ๋น ฝึกภาษาต่างประเทศ ทำตามสัญญาสองประการนั่น จากนั้นก็ตั้งใจศึกษาการปรุงอาหาร...
เมื่อสวีเสี่ยวหลานเห็นอันหลินที่ไร้ใจบำเพ็ญเซียน จดจ่อกับการศึกษาการปรุงอาหารก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ตอนแรกนางคิดจะโน้มน้าวให้อันหลินกลับตัวกลับใจ แต่เมื่ออันหลินนำซาลาเปาต้าไป๋เมินมาเยือน นางก็ลังเลเสียแล้ว
สามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกอาชีพมีจอหงวน[1]
เกิดหนทางปรุงอาหารของอันหลินสำเร็จ กลายเป็นยอดพ่อครัวมือหนึ่งของปฐพี ไม่แน่ว่าอาจเป็นหนทางที่ดีก็ได้
กระต่ายจันทราส่งกระแสจิตให้อันหลินจากตำหนักดวงจันทร์ แสดงความขอบคุณอีกครั้ง และบอกว่าวิธีลดความอ้วนด้วยการเผาผลาญไขมันได้รับการยอมรับจากฉางเอ๋ออย่างมาก มันสามารถปล่อยพลังลดความอ้วนที่ตำหนักดวงจันทร์ได้ทุกวัน ไม่กลับมาแล้ว พร้อมกับบอกว่าเจอกันครั้งหน้าจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้อันหลิน
หลังอันหลินรู้เรื่องก็ดีใจจากหัวใจ คุยอีกไม่กี่ประโยคก็ปิดยันต์ส่งสาร จดจ่อกับเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างการปรุงอาหารอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เรียบง่ายล่วงเลยไปช้าๆ พริบตาเดียวก็ผ่านไปยี่สิบวัน
ตลอดยี่สิบวันมานี้ อันหลินหาเงินได้สองล้านสามแสนหินวิญญาณ!
นักเรียนเกือบห้าหมื่นชีวิต จำนวนประชากรจำนวนนี้สูงเหลือเกิน ต่อให้ในห้าคนมีหนึ่งคนซื้อแค่เข่งเดียว เขาก็ได้กำไรสิบสองล้านหินวิญญาณอยู่ดี มิหนำซ้ำ มันเป็นแค่การประเมินตัวเลขในเชิงสงวนเท่านั้น ตัวเลขแท้จริงไม่ได้มีเพียงแค่นี้แน่นอน ไม่เกินหนึ่งปี อันหลินต้องรวยล้นฟ้าแน่ๆ!
เช้าวันหนึ่ง นักเรียนนับร้อยก็มายังหน้าเขตบ้านพักปีสามตามความเคยชิน เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าเมื่อวานอันหลินบอกว่าจะหยุดกิจการชั่วคราว จึงพากันจากไปด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
ใช่แล้ว วันนี้อันหลินมีเรื่องสำคัญต้องทำ จะไปสำนักวิหคชาดกับสวีเสี่ยวหลาน!
ส่วนเรื่องลาหยุด เขาเอาซาลาเปายี่สิบเข่งไปที่ห้องผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็อนุมัติเรื่องนี้อย่างยินดีปรีดา ราบรื่นไร้อุปสรรค รวดเร็วฉับไวอย่างยิ่ง
เสี่ยวหง เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋แยกจากอันหลินไม่ได้ จึงตามตูดอย่างดื้อด้าน
อันหลินไปไหน พวกมันก็ไปนั่น
อันหลินทำหน้าละห้อยละเหี่ย เขาไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะชนะใจสัตว์เลี้ยงทั้งสามด้วยกระทะก้นแบน
วันนี้หลังทำเรื่องลาหยุดแล้ว อันหลิน สวีเสี่ยวหลานกับสัตว์เลี้ยงทั้งสามก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของสำนัก ส่งตัวไปที่เมืองหลวงของแคว้นไป๋หัว จากนั้นก็ขี่สุนัขเหาะไปยังสำนักวิหคชาด
“เสี่ยวหลาน เจ้ากลับสำนักไปทำอะไรบ้าง”
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานที่สวมชุดกระโปรงข้างกายแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจตจำนงมังกรกับพญาหงส์ของข้าสมบูรณ์แล้ว กลับสำนักเพราะตั้งใจว่าจะลองทะลวงระดับกึ่งแปลงจิตบนหินเพลิงเทวะ” สวีเสี่ยวหลานพูดพลางยิ้มบางๆ
อันหลินตาลุกวาวเมื่อได้ยิน “คุณพระ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าเพิ่งมาบอกข้าเอาป่านนี้ ยังเห็นข้าเป็นเพื่อนอยู่ไหม!”
สวีเสี่ยวหลานเบะปาก “ข้าแค่พยายามกระตุ้นพลังส่วนตน อาจจะไม่สำเร็จก็ได้ หากเจ้าไม่ถาม ข้าก็ไม่คิดจะบอกจริงๆ เกิดพลาดขึ้นมา มันน่าอายจริงๆ นะ”
อันหลินดีใจมาก “เจ้าต้องทำสำเร็จแน่นอน ถึงตอนนั้นนอกจากข้าแล้ว เจ้าก็จะเป็นคนที่มีพลังยุทธ์สูงสุดในห้องเราแล้ว พลังยุทธ์ก้าวหน้ารวดเร็ว!”
มุมปากของสวีเสี่ยวหลานยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มงดงาม ดวงตากระจ่างใสทอดมองไปไกล ไม่ตอบอันหลิน ในใจกลับพูดว่า ‘ขืนไม่เร็วกว่านี้หน่อย ระยะห่างของเจ้าก็จะไกลขึ้นเรื่อยๆ น่ะสิ…’
นางเป็นคนที่ทะนงตน วันหน้าไม่อยากเอาแต่แหงนหน้ามองชายหนุ่มข้างกาย
นางหวังว่าตัวเองจะสามารถอยู่ในความสูงระดับเดียวกับชายหนุ่มข้างกาย เห็นทัศนียภาพเช่นเดียวกัน ถึงขั้นว่าใช้พลังของตัวเองช่วยเหลือเขา
“จริงสิ ข้าจะใช้เส้นสายให้เจ้า แม้เจ้าจะไม่ต้องทำหน้าที่ในสำนักวิหคชาด แต่ก็ต้องมีฉายานามของศิษย์ในนามสำนักวิหคชาด หากไม่มีสถานะ เพลิงวิหคชาดจะไม่ให้การยอมรับ” สวีเสี่ยวหลานโพล่งขึ้นมา
“ทุกอย่างจัดการตามที่เจ้าว่าเลย” อันหลินเชื่อใจสวีเสี่ยวหลานมาก จึงพยักหน้าทันที
“อืม…ให้ซาลาเปาข้าอีกยี่สิบเข่ง” สวีเสี่ยวหลานพูดขึ้นอีก
“ข้ารู้ๆ…” อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ หยิบซาลาเปายี่สิบเข่งออกจากแหวนมิติ ยื่นให้สวีเสี่ยวหลาน
วันนี้เขานึ่งซาลาเปาหนึ่งร้อยเข่ง ไม่ได้ขาย ตั้งใจจะกินเอง ไม่คิดว่าจะได้ใช้ประโยชน์ในเวลานี้
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ลำต้นขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน
ความสูงร่วมหมื่นเมตรทำให้ต้นไม้มหึมาสูงทะลุเมฆ ยอดไม้บดบังตะวันเฉกเช่นแผ่นดินลอยฟ้า
ไม่นานพวกอันหลินก็มาถึงหน้าสำนัก
มีหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงคนหนึ่งโบกมือยิ้มแย้มให้พวกเขาอยู่ตรงนั้น
“ยินดีต้อนรับคู่สมรสจับมือกลับสำนักวิหคชาด เจ้าบ่าว สินสอดของเจ้าล่ะ”
[1] สามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกอาชีพมีจอหงวน เปรียบถึงอาชีพใดก็ตาม หากทุ่มเทก็สามารถเป็นที่หนึ่งในสายอาชีพนั้นได้