ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 410 ลูกศิษย์ผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักวิหคชาด
ม่อไห่มองจี้หย่งฟางที่แยกออกไปเพราะโมโห กอดไหล่อันหลินอย่างเริงร่า เอ่ยอย่างเห็นด้วยยิ่งว่า “สหายอันหลินช่างเป็นคนเปิดเผยดีจริงๆ ข้าไม่ได้เห็นมาดด่าคนที่เถรตรงยอดเยี่ยมแบบนี้มานานแล้ว!”
อันหลินส่ายหน้าพูดถ่อมตัวว่า “สหายม่อไห่ชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นแค่คนกวาดขยะ ตรงไหนสกปรกก็กวาดตรงนั้น”
ม่อไห่ชะงักก่อน จากนั้นก็ทำหน้าชื่นชมยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนั้นเอง ศิษย์ชายที่ท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่งก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามา แล้วประสานมือทักทายอันหลิน “ข้าน้อยหลู่เจียจื้อแห่งสำนักวิหคชาด ขอคารวะสหายอันหลิน”
“ที่แท้ก็สหายหลู่เจียจือนี่เอง ยินดีที่ได้พบๆ!”
อันหลินประสานมือคำนับตอบเช่นกันด้วยมาดของสัตบุรุษที่สง่างาม
ม่อไห่เห็นท่าทางของอันหลินก็อยากจะขำ ก่อนและหลังแตกต่างกันมากเหลือเกิน
“ศิษย์พี่หลู่เจียจื้อท่านนี้เป็นอัจฉริยะที่เป็นรองเพียงข้าในสำนัก บรรลุแปลงจิตด้วยวัยยี่สิบหก แปลงจิตขั้นกลางตอนสามสิบสอง เป็นนักพรตที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง” ม่อไห่แนะนำกับอันหลิน
หลู่เจียจื้อได้ฟังมุมปากก็กระตุกน้อยๆ สิ่งที่เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือ คนที่แนะนำคนอื่น ก็ยังไม่วายชมตัวเองอย่างม่อไห่
อันหลินกลับพยักหน้าอย่างลิงโลด เห็นพ้องด้วยอย่างตื่นเต้น “เช่นนั้นก็เก่งกาจมากจริงๆ ข้าก็เพิ่งบรรลุแปลงจิตตอนอายุยี่สิบเช่นกัน ต่อไปขอให้สหายทุกคนช่วยชี้แนะด้วย”
ม่อไห่ “…”
หลู่เจียจื้อ “…”
“จริงสิ ปีก่อนที่ข้าเจอสหายม่อไห่ยังอยู่ในระดับกึ่งแปลงจิต เจ้าบรรลุแปลงจิตตอนอายุเท่าใด” อันหลินพูดอย่างสนเท่ห์
ม่อไห่กลอกตา “สหายอันหลิน เจ้าจงใจสินะ”
“เขาแปลงจิตตอนยี่สิบสาม” หลู่เจียจื้อกระแอม เอ่ยด้วยรอยยิ้มเชิงเอาคืน
เหอะๆ ใครใช้ให้เจ้าอวดดี ตอนนี้รู้รสชาติของการถูกคนอื่นข่มแล้วสินะ
“เฮ้อ…สหายอันหลินสมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสรวงสวรรค์ มีเพียงคนอย่างเจ้าที่คู่ควรกับศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลาน” ม่อไห่ส่ายหน้าทอดถอนใจ
“จริงสิ สวีเสี่ยวหลานบอกว่านางหลอมรวมเพลิงพลังงานไว้ในทะเลปราณแล้ว ตามกฎเปิดห้าปีครั้งของคุกวิหคชาด เช่นนั้นนางก็มาที่คุกวิหคชาดตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเจ้ากลับล่าช้าปานนี้ล่ะ” อันหลินค่อนข้างฉงนใจ
ม่อไห่กลอกตาใส่อันหลิน “สหายอันหลิน เจ้าโจมตีเป็นนิสัยหรือ”
อันหลินกะพริบดวงตาใสซื่อปริบๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
หลู่เจียจื้ออธิบายยิ้มๆ ว่า “ศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานมีสายเลือดพญาหงส์ที่บริสุทธิ์ยิ่ง นางไม่ต้องตามหามายาวิหคชาด ลูกไฟเหล่านั้นจะลอยมาหานางเอง การทดสอบนั้นจึงไม่มีความยากและอันตรายกับนางเลยสักนิด เข้าไปแล้วแค่ยืนอยู่กับที่ก็เพียงพอแล้ว”
“คุณพระ น่ากลัวปานนั้นเชียว นี่มันติดบัคดึงดูดตัวร้ายชัดๆ!” อันหลินเบิกตากว้างพร้อมกับอุทานอย่างตกใจ
หลู่เจียจื้อมองม่อไห่แล้วยิ้มมีเลศนัย “อันที่จริงสายเลือดของศิษย์น้องม่อไห่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานเลย เพียงแต่ระดับความเข้ากันได้ของสายเลือดกับมายาเพลิงวิหคชาดไม่สูงก็เท่านั้น”
“แต่หลังศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานได้รับมรดกของเสิ่นอิง ปลุกสายเลือดมังกรให้คืนชีพ สายเลือดมังกรหงส์ผสานกันแล้ว มันจึงเหนือกว่าศิษย์น้องม่อไห่นิดหน่อย ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปี อันดับหนึ่งของรุ่นหนุ่มสาวแห่งสำนักวิหคชาด อาจจะเปลี่ยนมือก็ได้…”
ม่อไห่ฟังหลู่เจือจื้อพูดจนเอื้อนเอ่ยอะไรไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจ “ศิษย์พี่หลู่ ท่านเลิกพูดได้แล้ว ครั้งหน้าหากข้าแนะนำท่าน ไม่ใช้คำว่า ‘ท่านด้อยกว่าข้า’ ก็พอแล้วกระมัง”
อันหลินกำลังสนอกสนใจ จึงพูดแทรกว่า “ทั้งสองเก่งกาจปานนี้ แล้วจี้หย่งฟางอยู่ที่เท่าใด”
“เขาน่ะหรือ…” ใบหน้าของหลู่เจียจื้อฉายความดูแคลน “พอจะอยู่ในสิบอันดับแรกของรุ่นหนุ่มสาวได้ อาศัยบารมีที่มีพ่อเป็นผู้อาวุโสก็เท่านั้น แปลงจิตขั้นต้นตอนสามสิบสอง ตอนนี้จวนสี่สิบแล้ว ยังไม่แตะระดับแปลงจิตขั้นกลางเลย”
อันหลินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ คนพรรค์นี้มีภัยคุกคามแทบจะเป็นศูนย์สำหรับเขา
เขามองลูกศิษย์ที่อยู่ขนาบข้างประตูต่างมิติ ชี้หญิงสาวที่สวมกระโปรงรัดเอวสีขาว รูปร่างระหงเย้ายวน แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยประหนึ่งหญิงงามผู้เย็นชา “แล้วนางเป็นใครหรือ”
ครั้งนี้แม้แต่ม่อไห่ก็เริ่มสนุกแล้ว กระซิบว่า “นางชื่อซ่างกวนอี้ พรสวรรค์เลิศล้ำ แปลงจิตตอนยี่สิบแปด แปลงจิตขั้นกลางตอนสามสิบห้า เก่งกาจในหมู่นักพรตรุ่นหนุ่มสาวอย่างยิ่ง แต่กลับเป็นคนแปลก!”
อันหลินสงสัย “เอ๊ะ แปลกอย่างไรหรือ”
“ทั้งสำนักเล่นไฟ มีนางแค่คนเดียวที่เล่นน้ำแข็ง!” ม่อไห่พูดด้วยสีหน้าพิลึก
อันหลิน “… ช่างน่าพึงใจจริงๆ นี่มันควันไฟที่ไม่เหมือนใคร กระแสน้ำที่มีเอกลักษณ์ชัดๆ เลย! ปัญหาก็คือ…ใครสอนนางเล่นน้ำแข็ง”
หลู่เจียจื้อทำหน้ามีเลศนัย “ไม่มีใครสอนนาง นางรู้แจ้งเอง! จากที่นางพูด นางเห็นพวกเราเล่นไฟ ก็บรรลุแก่นแท้ของหนทางน้ำแข็งเลยทันที!”
อันหลินกลืนน้ำลาย อะไรคือเหนือธรรมชาติ แบบนี้สิเรียกว่าเหนือธรรมชาติ!
“ที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่ดี เกิดพวกเจ้าเล่นไฟจนเลยเถิด ทำให้เกิดไฟไหม้ นางยังเป็นนักผจญเพลิงได้อีกด้วย!” อันหลินพูดอย่างแช่มชื่น
หลู่เจียจื้อ “…”
ม่อไห่ “…”
อันหลินเบนสายตาไปยังชายหนุ่มคนสุดท้าย
รูปลักษณ์ของชายคนนั้นคล้ายกับเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหก ดวงตาไร้แววทอดมองท้องฟ้าสีคราม ราวกับว่าทุกสิ่งรอบกายไม่สามารถดึงดูดเขาได้เลย
ม่อไห่เป็นฝ่ายแนะนำเองว่า “ชายคนนั้นชื่อหยางหยวน เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่อัจฉริยะรุ่นก่อนให้การยอมรับ ตอนนี้อายุสองร้อยกว่าปีแล้ว”
อันหลินได้ฟังก็สะดุ้งตกใจ “อันดับหนึ่งของรุ่นที่แล้วหรือ ทั้งๆ ที่อายุปาเข้าไปสองร้อยกว่าปีแล้ว ทำไมเพิ่งมารวบรวมเพลิงพลังงานเอาป่านนี้เล่า!”
“เอ่อ…” ความสับสนปรากฏวาบบนใบหน้าม่อไห่ “ตอนแรกเขาดูถูกเพลิงพลังงาน อยากสร้างเพลิงเที่ยงแท้ที่ไม่เหมือนใครด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาบรรลุสุดยอดแปลงจิตแล้ว ในขณะที่จะทะลวงระดับหวนสู่ความว่างเปล่าพบว่า ขาดเพลิงไปอีกอย่าง จึงมาเข้าร่วมการทดสอบของคุกวิหคชาด…อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาก็น่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักแล้ว”
อันหลินเบิกตากว้างฟังเรื่องราวพวกนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามนุษย์อวดดีมีทุกหนแห่ง!
แม้แต่พลังเพลิงของเพลิงวิหคชาดยังดูถูก คุณเชื่อไหม! ทุกคนเล่นไฟ แต่นางเล่นน้ำแข็ง คุณเชื่อไหม! หมาเห่าเครื่องบิน คุณเชื่อไหม!
อันหลินคิดว่าจะหลงตัวเองไม่ได้ ควรจะเอาอย่างผู้อาวุโสเหล่านี้ให้ดี สรรสร้างความรุ่งโรจน์ระหว่างที่อยู่บนเส้นทางชีวิตไม่หยุดหย่อน!
ครืน
ในตอนนั้นเอง ประตูมิติสีแดงฉานก็สั่นสะเทือนอย่างแรงขึ้นมาโดยพลัน
“อุโมงค์ต่างมิติของคุกวิหคชาดเปิดแล้ว!” ม่อไห่พูดอย่างตื่นเต้น
ชั่วขณะเดียวกัน อันหลิน จี้หย่งฟาง หลู่เจือจื้อ ซ่างกวนอี้และหยางหยวนก็พากันจับจ้องไปที่ประตูมิติบานนั้น
ริ้วคลื่นสีแดงเปล่งแสงเป็นประกาย แลดูโปร่งใสและกำลังกระเพื่อม
จี้หย่งฟางเหลือบมองอันหลินแวบหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปในอุโมงค์มิติก่อนใคร
จากนั้น ซ่างกวนอี้ หยางหยวนก็เริ่มก้าวเข้าไปในประตูมิติอย่างไม่ลังเล
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” ม่อไห่พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“สหายอันหลิน คุกวิหคชาดอันตรายยิ่งนัก ไม่ว่าจะทำอะไร อย่าลืมคิดถึงชีวิตเป็นสำคัญ ห้ามเสี่ยงอันตรายย่างกรายเข้าไปในสถานที่ปริศนาเป็นอันขาด มิเช่นนั้นแม้แต่ป้ายหวนกลับก็ช่วยเจ้าไม่ได้” หลู่เจียจื้อกล่าวเตือน
อันหลินพยักหน้าจริงจัง
คุกวิหคชาดเป็นต่างมิติที่เคยจองจำหงส์ไฟ สัตว์เทพครั้งดึกดำบรรพ์ หลังหงส์ไฟหลุดพ้น ก็ทำให้ดินแดนแห่งนั้นกลายเป็นทะเลเพลิงสุดลูกหูลูกตาอย่างโกรธแค้น ซ้ำยังมีมายาเพลิงที่ทิ้งไว้ยามมันข้ามแดนปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
ดินแดนนั้นมีพลังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ ขัดขวางไม่ให้ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเข้าไป แต่เป็นด่านทดสอบที่ดีที่สุดสำหรับนักพรตแปลงจิต มีพลังเพลิงบ้าระห่ำนับไม่ถ้วน มีอสูรบรรพกาลที่หลงเหลือดักซุ่มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น มีขุมทรัพย์ที่ยากแท้หยั่งถึง…
อันหลินมองประตูมิติสีแดงบานนั้น ก้าวเท้าด้วยแววตาที่หนักแน่น เปิดฉากการเดินทางสู่คุกวิหคชาด