ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 419 ข่าวกรองของท่านเทพ
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์กลายเป็นลำแสงสีเงินเหาะกลับไปหาอันหลิน สง่างามและโก้เก๋
ม่อไห่มองกันดั้มทั้งสองแล้วอดชมไม่ได้ว่า “สมกับเป็นหุ่นโลหะที่เทียบเคียงจี้หย่งฟางสี่คน รบราจนถึงบัดนี้ความเท่ก็ยังไม่จางหาย”
“ชมเกินไปแล้ว ก็แค่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ” อันหลินพูดถ่อมตัว
มุมปากม่อไห่กระตุกยิกๆ แทบจะอยากฟาดเจ้าคนขี้เก๊กนี่ให้ตายเดี๋ยวนี้เลย
ขณะนั้นเองมนุษย์หมาป่าก็เดินมา มันบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซ้ำยังต่อสู้กับกองทัพอสูรอีก ตอนนี้แลดูบอบช้ำอย่างยิ่ง พลังแห้งขอด เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด
“อ่ะ หมาป่าดาบขาว กินยาบำรุงร่างกายเม็ดนี้เสีย!”
อันหลินหยิบยาเลือดมังกรขั้นสองออกจากแหวนมิติแล้วโยนให้มนุษย์หมาป่า
มนุษย์หมาป่ารับยาวิเศษไป มองอันหลินด้วยความซึ้งใจ ก่อนจะกินมันอย่างไม่ลังเล
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราเดินไปด้วยพูดไปด้วย!” อันหลินขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น
มนุษย์หมาป่าทำหน้างุนงง “ไปไหน”
“ไปจัดการท่านเทพของพวกเจ้า มันจับศิษย์พี่ของพวกเราไป!”
อันหลินเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับกำลังกล่าวถึงเรื่องธรรมดาสามัญ
เมื่อมนุษย์หมาป่าได้ฟัง ขนทั่วทั้งร่างก็ลุกชูชัน เกือบจะทรงตัวไม่อยู่ พูดอย่างหวาดผวาว่า “เจ้า…เจ้าจะสังหารท่านเทพของพวกข้าหรือ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ที่แท้…ที่แท้เจ้ากับมนุษย์คนนั้นก็เป็นพวกเดียวกัน…แต่เจ้าก็จะรนหาที่ตายไม่ได้นะ!”
สีหน้าของอันหลินเย็นเยือกทันที “นี่เป็นคำสั่งของนาย เจ้าจะขัดขืนหรือ”
มนุษย์หมาป่าสัมผัสได้ว่าวิกฤตมรณะอันหนาแน่นปกคลุมทั่วร่าง ประหนึ่งว่าหากต่อต้าน ลมหายใจของมันจะขาดสะบั้นทันใด
ช่วยไม่ได้ มันทำได้เพียงตามหลังอันหลินพร้อมกับน้ำตาไหลพราก
ทั้งสามพุ่งขึ้นฟ้า มุ่งหน้าสู่ตำแหน่งที่ยันต์เทวะระบุ
“เจ้านาย ท่านเทพมีสายเลือดของหงส์ดำ เป็นหนึ่งในสมาชิกขุนพลสวรรค์ของอนารยชน แม้จะถูกตรวนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพันธนาการ ความสามารถก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเทียบเทียมได้!” มนุษย์หมาป่าพูดอย่างหวาดกลัวสุดแสน
มันไม่คิดเลยว่าตนยอมตกเป็นทาสเพื่อรักษาชีวิตอย่างยากลำบาก บัดนี้กลับจะต้องไปตายต่อหน้าท่านเทพ มันไม่อาจใช้คำว่าอนาถมานิยามแล้ว! เมื่อนึกถึงวิธีที่ท่านเทพจะใช้กับคนทรยศ มันก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
อันหลินได้ฟังกลับเกิดความคิดบางอย่าง “ว่าต่อไป ท่านเทพคนนั้นของเจ้าแข็งแกร่งปานใดกันแน่ พูดให้ละเอียดหน่อย”
มนุษย์หมาป่ามองอันหลิน เกลี้ยกล่อมอย่างว้าวุ่นใจว่า “แข็งแกร่งกว่าเจ้าแน่นอน นายท่านอย่าไปเลย ถ้าไปก็ต้องตาย!”
“ข้าสู้กับเจ้าไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเหนือกว่าข้า” อันหลินกะพริบตาปริบๆ เอ่ยอย่างสนเท่ห์
มนุษย์หมาป่าถูกตอกจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของอันหลิน ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ถอยไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงพูดต่อไปด้วยใบหน้าอมทุกข์ว่า “ท่านเทพเป็นขุนพลสวรรค์แห่งอนารยชน ฉายานามหงส์ อสูรอนารยะระดับนิมิตสวรรค์ขั้นสุดยอด ความสามารถน่าจะเทียบเท่าระดับหวนสู่ความว่างเปล่าขั้นสุดยอดของมนุษย์อย่างพวกเจ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของมนุษย์หมาป่า ลมหายใจของอันหลินก็เริ่มหนักอึ้ง
หวนสู่ความว่างเปล่าขั้นสุดยอดงั้นหรือ นี่พวกเขาต้านทานได้แค่นิ้วมือนิ้วเดียวของท่านเทพเหรอเนี่ย
“เขาเข้ามาในคุกวิหคชาดเพื่อช่วงชิงพลังของหงส์ไฟที่ถูกจองจำ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะถูกหงส์ไฟใช้ตรวนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพันธนาการไว้ที่นี่ ถูกแดนต่างมิติแห่งนี้ดูดเอาพลังเพลิงไม่หยุด บัดนี้พลังไม่สู้หนึ่งในสิบของวันวานแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ พลังของเขาก็ยังเหนือกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้!” เมื่อมนุษย์หมาป่าหวนนึกถึงท่าทางยามลงมือของท่านเทพ ความน่ากลัวที่ได้ชื่อว่าควบคุมอานุภาพฟ้าดิน ก็อดตัวสั่นเทาไม่ได้
สีหน้าของอันหลินฉายความเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ารู้ดีแก่ใจว่าบุคคลระดับหวนสู่ความว่างเปล่าขั้นสุดยอดน่ากลัวปานใด แม้จะมีพลังไม่ถึงสิบในร้อย เกรงว่าพวกเขาก็ต้านทานได้ยากอยู่ดี
“นอกจากนี้ ท่านเทพยังมีหงส์ขาวที่มีพลังแก่กล้าอย่างยิ่งตัวหนึ่ง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่สิ่งที่อนารยชนอย่างพวกข้าจะสู้ได้” มนุษย์หมาป่ายิ่งพูด แววตาก็ยิ่งหม่นแสง รู้สึกเหมือนตนกำลังสั่งเสียอย่างไรอย่างนั้น
อันหลินส่งสัญญาณให้มนุษย์หมาป่าพูด บอกทุกอย่างที่มันรู้
มนุษย์หมาป่าถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “รออีกสักระยะ จะเป็นเวลาที่จันทราปรากฏอีกครา เมื่อถึงตอนนั้น ดินแดนแห่งนี้จะเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ท่านเทพจะใช้มนุษย์คนนั้นเป็นเครื่องสังเวยดวงจันทร์ เพื่อลดทอนการกำราบของตรวนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พิธีกรรมนี้ต้องการหญ้าเฮยหวง กองทัพของพวกเราออกไปนำหญ้าเฮยหวง จึงพลาดท่าไปพบกับพวกเจ้า”
อันหลินถ่ายทอดคำพูดของมนุษย์หมาป่าให้ซ่างกวนอี้กับม่อไห่
ครั้นซ่างกวนอี้กับม่อไห่ฟังจบ ใบหน้าก็เย็นเยือกปานมีน้ำค้างแข็งฉาบทับ
ม่อไห่ถอนหายใจ “พลังหนึ่งในสิบของระดับหวนสู่ความว่างเปล่าขั้นสุดยอด แข็งแกร่งปานใดกัน”
อันหลินนวดหว่างคิ้ว พูดอย่างไม่แน่ใจว่า “ประมาณจี้หย่งฟางหนึ่งร้อยคนกระมัง”
ม่อไห่ “…”
ซ่างกวนอี้ “…”
อันหลินปลอบโยนว่า “อันที่จริงมนุษย์หมาป่าก็ไม่แน่ใจว่าท่านเทพเหลือพลังอีกเท่าใดกันแน่ มันพูดเพียงว่าไม่ถึงหนึ่งในสิบ ซึ่งก็หมายความว่า ท่านเทพเหลือพลังเพียงหนึ่งในร้อย มันก็ไม่ถึงหนึ่งในสิบนี่นา!”
ใบหน้างดงามของซ่างกวนอี้มีแต่ความตึงเครียด “ชีวิตจะล้อเล่นไม่ได้ พวกเราต้องใช้แผนการที่ชั่วร้ายที่สุด!”
ม่อไห่กับอันหลินเย็นวาบไปทั้งตัว พวกเขานึกถึงความน่ากลัวจากรัศมีความโชคร้ายของซ่างกวนอี้
ใช่แล้ว ต้องใช้แผนการที่ชั่วร้ายที่สุด!
ทำอย่างไรดี จะช่วยหรือไม่ช่วยดี
ทั้งสามต่างก็เงียบงัน ศัตรูน่ากลัวกว่าที่จินตนาการไว้มากเหลือเกิน
ราวกับมียอดเขามหึมากดทับหัวใจของพวกเขา ทำให้หายใจติดขัด
“หมาป่าน้อย มีพลังอื่นๆ ที่พวกเราต้องระวังอีกไหม อย่างเช่นค่ายกลต้องห้าม กับดักต่างๆ อะไรเทือกนั้น” อันหลินมองมนุษย์หมาป่าแล้วโพล่งถามขึ้นมา
มนุษย์หมาป่าก็ไม่ถือสาฉายาเรียกนี้ แค่นยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านเทพไม่ใช้วิธีพวกนั้นหรอก เขาเชื่อมั่นในพลังของตนมาก”
อันหลินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “งั้นท่านเทพมีข้อเสียหรือช่องโหว่งหรือไม่”
มนุษย์หมาป่าเกาหัว “อืม…ท่านเทพชอบวางมาดนับเป็นข้อเสียหรือไม่”
อันหลิน “…”
ครืน
จู่ๆ ชั้นเมฆที่อยู่ไกลออกไปก็เกลือกกลิ้งเข้ามาประหนึ่งคลื่นยักษ์
แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนเลือนลั่น เสาเพลิงต้นแล้วต้นเล่าแหวกชั้นหินแล้วพุ่งขึ้นฟ้า ส่องสะท้อนฟ้าดินมืดมนให้สว่างไสว
“แผ่นดินเริ่มไหวแล้ว จันทราจะปรากฏแล้ว!” มนุษย์หมาป่าพูดอย่างร้อนรน
สีหน้าของอันหลินเปลี่ยนไป เพิ่มความเร็วในการเหาะเหินแล้ว
ม่อไห่คิดๆ ดูแล้วก็กัดฟันพูดว่า “สหายอันหลิน ถ้าพลังของศัตรูบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ถอนตัวออกจากการเคลื่อนไหวนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเอาชีวิตของเจ้าไปแลกกับศิษย์พี่หยางหยวนเพียงคนเดียว”
อันหลินมองม่อไห่ “แล้วพวกเจ้าล่ะ”
ม่อไห่เงียบไปครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นมาว่า “ข้าจะทำเท่าที่ทำได้”
“ข้าก็จะทำเท่าที่ทำได้ด้วย” อันหลินเบะปาก “อย่าคิดว่ามีแต่พวกเจ้าที่เป็นลูกศิษย์สำนักวิหคชาดสิ อย่างน้อยข้าก็เป็นศิษย์ในนามของสำนักวิหคชาดเหมือนกัน พวกเจ้าสู้สุดชีวิตได้ แล้วข้าทำไม่ได้หรืออย่างไร”
ม่อไห่กำจานหงส์ลงทัณฑ์แน่น มองอันหลินพลางพูดว่า “ไม่เสียหลายเลยที่คบสหายอย่างเจ้า”
“ข้าก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆ ไม่ต้องรอเจ้าเตือนหรอก ข้าจะหนีเอง” อันหลินพูดเสริม
ม่อไห่หัวเราะร่า “ข้าชอบคบหากับคนที่เถรตรงเช่นเจ้านี่แหละ ออกไปแล้วเราไปดื่มกันหน่อย!”
“ตกลงตามนี้!” อันหลินพยักหน้า
“แล้วก็ให้เจ้าลงมือทำอาหารแกล้มเหล้าชั้นดี!” ม่อไห่พูดต่อ
อันหลินกลอกตา “นี่คงจะเป็นเจตนาที่แท้จริงสินะ”
ม่อไห่มองเบื้องหน้ายิ้มๆ ไม่โต้เถียง
ซ่างกวนอี้จดจ้องทั้งสอง ไม่พูดอะไร แล้วทอดสายตามองไกลอีกครั้ง
บนท้องนภา ชั้นเมฆหนาเตอะถูกเสาเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาแผดเผา เริ่มเกลือกกลิ้งและสลายหายไป
ลำแสงสีแดงฉานดุจเลือดทะลุชั้นเมฆ ส่องกระทบโลกหล้า