ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 426 ปรากฏการณ์จันทราสีเลือด
ทั้งสามมาถึงหน้าแท่นบูชา เมื่อมองบุรุษที่ถูกเถาวัลย์พันตัว มีไม้สีดำทะลวงหน้าอกและแขนขาทั้งสี่ ต่างก็ปวดใจยิ่งแล้ว สภาพอนาถมากเหลือเกิน
อันหลินถูกต๋าอีกับต๋าเอ้อร์หามอยู่มองมนุษย์หมาป่าที่อยู่ข้างกาย เอ่ยปากถามว่า “หมาป่าน้อย ของพวกนี้ควรจัดการอย่างไร”
มนุษย์หมาป่าพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เถาวัลย์สีดำชื่อว่าเถาวัลย์ผนึกมาร แค่ใช้เพลิงรุนแรงเผาก็จะหดตัวเอง แต่กระบองสีดำข้าไม่รู้ที่มา เป็นสิ่งที่ท่านเทพเตรียมเพื่อการสังเวยโดยเฉพาะ”
อันหลินถ่ายทอดคำพูดของมนุษย์หมาป่าให้ม่อไห่กับซ่างกวนอี้
ม่อไห่ฟังจบก็รีบปล่อยลูกไฟสีแดงออกมา พุ่งไปแผดเผาเถาวัลย์เส้นหนาทันที
เป็นอย่างที่คิด เถาวัลย์หดตัวอย่างรวดเร็วเมื่อถูกเปลวเพลิงแผดเผา สุดท้ายกลายเป็นเถาวัลย์ทรงกลมที่ยาวหนึ่งจั้ง
หยางหยวนสูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวจึงตกลงมา ถูกม่อไห่รับตัวเอาไว้
เมื่อเห็นหยางหยวนถูกทรมานจนลมหายใจแทบจะขาดสะบั้น ม่อไห่จึงปล่อยลูกไฟสีแดงใส่เส้นเถาวัลย์ด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง
เพลิงสีแดงพุ่งหวีดหวิวไป เส้นเถาวัลย์กลับร่นถอยฉับพลันราวกับมีชีวิต
ซ่างกวนอี้คว้าอากาศด้วยมือเดียว ความเย็นอันทรงพลังก่อตัว ทำให้เส้นเถาวัลย์แข็งตัวเป็นน้ำแข็งทรงกลมในพริบตา
“เจ้านี่ค่อนข้างแปลกพิลึก เรานำกลับไปให้เหล่าผู้อาวุโสศึกษาที่สำนักสักหน่อย” ซ่างกวนอี้กล่าว
ม่อไห่ไม่พูดไม่จา มองกระบองสีดำที่เสียบทะลุร่างของหยางหยวน
เขาสัมผัสได้ว่า กระบองนั่นกำลังดูดกลืนพลังชีวิตของหยางหยวนไม่หยุด และมีสรรพคุณผนึกมิติด้วย
ซ่างกวนอี้เข้ามาหาหยางหยวนแล้วใช้มือกำกระบอง ปรากฏว่าร่างกายถูกพลังมวลมหาศาลกำราบ ชักออกมาไม่ได้เลย
นางขมวดคิ้วมุ่น จ้องกระบองเหล็กสีดำด้วยแววตาที่เย็นเยือก “เป็นเพราะของสิ่งนี้ หยางหยวนถึงใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ย้อนกลับสำนักไม่ได้…”
หยางหยวนลืมตาขึ้นมองสามคนที่อยู่ตรงหน้า ฝืนยิ้มออกมา “ขอบคุณพวกเจ้าที่เสี่ยงชีวิตช่วยข้าไว้ แต่เสียดายที่ข้าตอบแทนพวกเจ้าไม่ได้แล้ว…จันทราสีเลือดปรากฏ ที่นี่อันตรายยิ่งนัก พวกเจ้ารีบไปเถอะ…”
“ศิษย์พี่หยางหยวน ท่านพูดอะไรน่ะ จะไปต้องไปด้วยกัน!” ม่อไห่กัดฟันพูด
หยางหยวนส่ายหน้าเบาๆ “ข้าถ่วงพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว เมื่อจันทราสีเลือดหายไป จะเป็นเวลาที่หมื่นอนารยชนจะปรากฏกาย…เวลากระชั้นชิด ขืนพวกเจ้ายังไม่ไปจากขุมวิหคชาดอีก ข้าจะตัดเส้นชีพจรด้วยตัวเองให้พวกเจ้าดูเดี๋ยวนี้แหละ!”
กล้ามเนื้อแขนของม่อไห่ปูดขึ้น ออกแรงดึงกระบองสีดำ นัยน์ตาแดงก่ำ “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ ข้าไม่ยอมทิ้งท่านแน่”
หยางหยวนยิ้ม “ถ้าออกไปแล้ว ฝากบอกศิษย์พี่เถาจือแทนข้าทีว่าขอโทษ…”
เขาหลับตาลงช้าๆ คล้ายว่าตัดสินใจจะใช้วิธีการสุดท้ายแล้ว
“เลิกเร้าอารมณ์ได้แล้ว เซียนกระบี่อันหลินคนนี้ยังไม่ได้ลงมือเลย ไยเจ้าคิดจะถอดใจแล้วล่ะ” อันหลินวางมือลงบนกระบองสีดำ วาดแผนผังค่ายกลที่สลับซับซ้อนลงไป
เส้นทางสีขาวก่อตัวกลางอากาศ อันหลินกระตุ้นพลังปราณที่แห้งขอดนานแล้วของตนสุดกำลัง
เขาพยายามควบคุมผลข้างเคียงของพลังปราณอนธการ ฝืนบังคับพลังปราณให้เคลื่อนไหวไปตามเส้นชีพจรของร่างกาย มือข้างนั้นสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ถึงขั้นว่ามีเลือดไหลออกจากมุมปาก
“อันหลิน เจ้า…” ม่อไห่มองอันหลินอย่างตกตะลึง
ซ่างกวนอี้เองก็ใจสะท้านเช่นกัน มองอันหลินอึ้งๆ
หยางหยวนลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียง เห็นชายหนุ่มที่มีเลือดไหลออกจากมุมปาก มือวาดแผนผังค่ายกลอย่างสั่นระริกกำลังยิ้มให้ตน
ค่ายกลส่องแสงโชติช่วง แทรกซึมไปในกระบองสีดำตรงอกของหยางหยวน
อันหลินกำกระบองด้วยมือข้างเดียวแล้วออกแรงดึง!
พรวด
เลือดสาดกระจาย กระบองที่เปื้อนเลือดถูกอันหลินกระชากออกมา
ม่อไห่กับซ่างกวนอี้ชะงักงันอีกครั้ง
“สำ…สำเร็จแล้วหรือ” ม่อไห่ทั้งตกใจและดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
หยางหยวนเองก็มองอันหลินด้วยความอึ้งเช่นกัน ในใจมีความหวังผุดขึ้นมา
“ข้าเปรียบเทียบกับข้อมูลในสมองพบว่า เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นพิธีสังเวยเซียน ไม่คิดเลยว่าจะเดาถูกจริงๆ เรามาต่อกันเถอะ…” อันหลินพูดยิ้มๆ
ความกระเหี้ยนกระหือรือในแววตาของมนุษย์หมาป่าวาวโรจน์ยิ่งขึ้น อันหลินกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทำได้ทุกอย่างแล้วในสายตาของมัน!
ต่อมา กระบองเหล็กทั้งสี่ก็ถูกอันหลินดึงออกอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ดึงออกเล่มหนึ่ง สีหน้าของเขาจะยิ่งซีดเผือด ขณะที่ดึงกระบองเล่มสุดท้ายออก เขาก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ พลังภายในแห้งขอดจนแทบจะวิงเวียน
ม่อไห่กับซ่างกวนอี้ต่างก็กำหมัดแน่น จ้องอันหลินไม่วางตา
พวกเขาไม่มีทางบอกให้อันหลินหยุด เพราะพวกเขารู้ได้จากอากัปกิริยาของอันหลิน ชายคนนั้นตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางยั้งมือเด็ดขาด
เมื่อดึงกระบองเหล็กเล่มสุดท้ายออกมาแล้ว พลังปราณในกายของหยางหยวนก็เริ่มไหลเวียนอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาวกลับมาเลือดฝาดบ้างแล้ว แม้ร่างกายจะบาดเจ็บสาหัส แต่อย่างน้อยก็ไม่อันตรายถึงชีวิตแล้ว
อันหลินยังไม่ทันได้หายใจหายคอ แผ่นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง
ภาพมายาของวัตถุอนารยชนที่ใหญ่โตมโหฬารทั้งหลายแหล่ก็ปรากฏขึ้นเหนือนภา พร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาล
จันทราสีเลือดบนท้องฟ้า จู่ๆ ก็มีจุดสีดำโผล่มายังใจกลางของดวงจันทร์สีเลือด
พวกอันหลินแหงนหน้าขึ้นมอง จันทราสีเลือดดูแล้วคล้ายดวงตาที่พิสดารอย่างยิ่ง กำลังจดจ้องทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า
“พวกเรารีบไปจากที่นี่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหมื่นอนารยชนถือกำเนิด ทั่วทั้งทิศใต้ของคุกวิหคชาดจะกลายเป็นสถานที่ฆ่าล้างบางตามอำเภอใจของเหล่าวิญญาณอนารยชนโบราณ!” หยางหยวนพูดอย่างรีบร้อน
ครืน
ขณะที่พูด ภูเขาใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลก็ถล่มลงมา แรดสูงใหญ่หลายร้อยจั้งก้าวออกมาจากขุนเขา เพียงแหงนหน้าคำรามลั่น คลื่นเสียงก็ทำให้พสุธาในรัศมีพันเมตรแตกทลาย
พลังของแรดตัวนี้น่ากลัวจนขนหัวลุก แม้ร่างกายจะเลือนรางไปบ้าง แต่กลิ่นอายของความดึกดำบรรพ์กลับชวนให้ใจสั่นสะท้าน
นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ในชั่ววินาทีนั้น แผ่นดินก็เริ่มเกิดรอยแยกที่ลึกไม่เห็นก้นเส้นแล้วเส้นเล่า
งูเหลือมกลืนฟ้า ตะขาบยาวร่วมพันจั้ง แมงป่องที่ปกคลุมด้วยหมอกพิษ กับอสูรบรรพกาลรูปร่างพิลึกพิลั่นอีกบางส่วนปีนป่ายขึ้นมาจากรอยแยกกันระนาว ปรากฏกายในธรณีที่ถูกแสงจันทร์สีเลือดแผ่คลุมผืนนี้
บนท้องนภา อสูรเหินเวหาฝูงหนึ่งกำลังกัดทึ้งกันเอง มีเจียวร่อนเมฆ เหยี่ยวที่รูปร่างคล้ายมีดดาบ มีพญาอินทรีที่มีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ...พลังงานประสางานกันรุนแรง ทำให้ผืนฟ้ากลายเป็นลานประหารนองเลือด
เสียงโหยหวนนิรนามดังสะเทือนเลือนลั่น ทำให้ทั้งสี่ล้วนเห็นภาพลวงตาประหลาด
“รีบใช้ป้ายอาญาสิทธิ์เคลื่อนมิติ พวกเรารีบกลับสำนักวิหคชาดกัน!” หยางหยวนตะโกนเสียงดัง
อันหลิน ม่อไห่กับซ่างกวนอี้หยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีแดงออกมา มองหน้ากันแล้วเริ่มกระตุ้น!
อันหลินเก็บต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ใส่แหวนมิติ คิดๆ ดูแล้วก็เก็บกระบองสังเวียนเซียนทั้งห้าเล่มใส่แหวนมิติด้วย
ป้ายอาญาสิทธิ์วิหคชาดของทั้งสี่ส่องแสงสว่างไสว ค่ายกลเคลื่อนมิติก่อตัวใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
ในตอนนั้นเอง มีอสูรบรรพกาลสองเศียรหกขา มือถือกระบองเขี้ยวหมาป่าตัวหนึ่งเห็นพวกอันหลิน จึงคำรามกร้าวสาวเท้าพุ่งตัวใส่พวกอันหลิน!
อสูรตัวนี้มีความสูงถึงพันเมตรเต็มทุกย่างก้าวที่ย่ำพื้น จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังมหาศาลดุจท้องทะเล ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว
หมาป่าดาบขาวเห็นวิญญาณอนารยชนที่พุ่งมา แข้งขาอ่อนเปลี้ย กระโจนใส่อันหลินแล้วกอดไว้แน่นทันที น้ำตาอาบหน้า “นายท่านอย่าทิ้งข้านะ ข้ายังไม่อยากตาย…ฮือๆ ๆ…”
อันหลินมองมนุษย์หมาป่าอย่างจนใจ “แต่เหมือนว่าป้ายอาญาสิทธิ์จะเคลื่อนย้ายได้แค่ตัวเองนี่นา”
“ฮือๆ ๆ…ข้าไม่สน ข้าจะติดตามท่าน ท่านอย่าไปนะ!” มนุษย์หมาป่าร้องไห้เหมือนหมาน้อย ทึ้งเสื้อผ้าอันหลินไม่ยอมเลิกรา
บัดนั้นเอง อสูรบรรพกาลก็พุ่งมาประชิดทุกคน กระบองเขี้ยวหมาป่ากระแทกมาประหนึ่งขุนเขาลูกหนึ่ง…
ค่ายกลเคลื่อนย้ายโชติช่วงชัชวาล พวกอันหลินอันตรธานหายไปจากที่เดิม
ครืน
กระบองเขี้ยวหมาป่ากระแทกจนพสุธาในรัศมีหลายร้อยเมตรทรุดตัว เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!