ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 427 ข้าต้องการคนมาทำให้เตียงอุ่น
อันหลินสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของมิติรอบกาย ไม่นานตนก็มาถึงลานทรงกลมแห่งหนึ่ง
แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าสาดกระทบร่างของเขา ลมอ่อนโชยมาพร้อมกับกลิ่นหอมจางๆ ของต้นเทวะ ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนขึ้นจากขุมนรกมายังสรวงสวรรค์
เขาที่ผ่อนคลายทั้งกายใจแล้วหน้ามืด สุดท้ายก็สลบเหมือดไปอย่างสิ้นเชิง
“นายท่าน!” เสียงตะโกนอันร้อนรนแว่วมา
อันหลินรู้สึกว่าศีรษะของตนชนกับหน้าอกที่แข็งเป๊กและมีขน จากนั้นก็สิ้นสติไปทันที
ท่ามกลางความมืดมน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
อันหลินขยับนิ้วเล็กน้อย สัมผัสได้ว่ามือที่นุ่มอุ่นกำลังกุมมือตนไว้แน่น ชวนให้รู้สึกสบายและอุ่นใจ
เขาลืมตาที่พร่าเลือนขึ้น ในคลองจักษุเห็นหญิงสาวสวมชุดสีเขียวพิงกายอยู่ข้างเตียง
ตอนนี้คล้ายว่าจะเป็นกลางคืน แสงเทียนรำไรส่องใบหน้าที่ขาวผ่องของหญิงสาว แลดูอ่อนโยนละมุนละไม
อันหลินมองหญิงสาวข้างกายเงียบๆ ในใจออกจะตื้นตัน ฟื้นขึ้นมาหลังผ่านหายนะ พบว่ามีคนคนหนึ่งคอยอยู่ข้างกายเขา ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน
ศีรษะของสวีเสี่ยวหลานเอนพิงขอบหัวเตียงเล็กน้อย แพขนตางดงามลู่ลงมา ลมหายใจเชื่องช้าดุจเมฆหมอกกลางพนา คอเสื้อแหวกออกนิดหน่อย เหนือผิวขาวราวน้ำนมเป็นกระดูกไหปลาร้าที่ประณีต สีผิวพร่างพรายภายใต้แสงเทียน
อันหลินไม่อยากทำให้สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ในห้วงนิทราตื่น แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า นอนพิงหัวเตียงแบบนี้น่าจะไม่สบาย เขาคิดว่าเตียงหลังนี้กว้างทีเดียว ไม่แน่ว่าทั้งสองอาจจะพอ…
ขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น สวีเสี่ยวหลานก็ลืมตาขึ้นแล้ว เมื่อนัยน์ตาที่พร่ามัวมองเห็นอันหลิน ก็กระจ่างใสขึ้นมาในพริบตา ประหนึ่งดวงดาวที่งดงามท่ามกลางม่านรัตติกาล
ทั้งคู่สบตากัน ตาสองคู่กะพริบปริบๆ
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกอย่างไรบ้าง” สวีเสี่ยวหลานชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เอ่อ…ดีขึ้นมากแล้ว แค่รู้สึกหนาวนิดหน่อย มีสักคนมาช่วยทำให้เตียงข้าอุ่นอาจจะดีกว่านี้หน่อย…” อันหลินพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
สิ้นประโยคนี้ หัวใจของเขาก็เต้นโครมคราม หนาวที่ไหนกัน ตื่นเต้นจะตายชัก ร้อนจะตายอยู่แล้ว!
บรรยากาศทะแม่งขึ้นมาทันที อันหลินสัมผัสได้ว่ามือของสวีเสี่ยวหลานที่กุมมือตนอยู่กระชับขึ้นเล็กน้อย
สวีเสี่ยวหลานโพล่งขึ้นยิ้มๆ ว่า “อย่างนี้นี่เอง…ทาสหมาป่าของเจ้าเฝ้ารออยู่ห้องข้างๆ ข้าไปเรียกมันมาใช้ให้ความอบอุ่นกับเจ้าดีไหม”
พออันหลินได้ยินประโยคนี้ หัวใจก็พลันฝ่อลงหลายขุม รีบพูดเป็นพัลวันว่า “ไม่ต้องแล้ว! จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้สึกหนาวแล้ว!”
เห็นอากัปกิริยาที่หวาดผวาของอันหลิน สวีเสี่ยวหลานหรี่ตายิ้ม ดวงตาหยีเหมือนจันทร์เสี้ยวที่น่าหลงใหล ค่อนข้างเย้ายวนใจ
“อืม แต่มนุษย์หมาป่าไม่มีป้ายอาญาสิทธิ์ไม่ใช่หรือ มันตามข้าออกมาได้อย่างไร” อันหลินไม่เข้าใจ
สวีเสี่ยวหลานหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะอธิบายว่า “ข้อนี้แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกแปลกใจ พวกเขาสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มนุษย์หมาป่าทำพันธะสัญญาทาสกับเจ้า ทั้งสองพลังประสานกัน เชื่อมโยงกัน แถมตอนนั้นยังมีสัมผัสทางกายด้วย ป้ายอาญาสิทธิ์จึงวินิจฉัยว่าเจ้ากับมนุษย์หมาป่าเป็นร่างเดียวกัน จึงส่งออกมาพร้อมกัน”
อันหลินทำหน้ากระจ่างใจ ท่าทางเขากับมนุษย์หมาป่าตัวนี้จะมีวาสนาต่อกันมากทีเดียว ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ให้มันติดตามตนไปก่อนแล้วกัน
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เสี่ยวหลาน ตอนนี้เจ้าปลุกพลังส่วนตนได้หรือยัง”
“ตื่นแล้ว วันที่เจ้ากลับมานั่นแหละ ใจข้าสั่นไหว ในที่สุดข้าก็บรรลุพลังส่วนตนแล้ว” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างดีอกดีใจ
“ฮ่าๆ ๆ ยินดีด้วยนะ ข้าว่าแล้วเจ้าไม่มีปัญหาแน่นอน!” อันหลินได้ฟังก็ลิงโลดใจมาก
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรง คงลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น มอบอ้อมกอดแห่งรักให้สวีเสี่ยวหลานแล้ว
“จริงสิ เจ้าเจออะไรในคุกวิหคชาดกันแน่ ดูท่าทางศิษย์พี่หยางหยวนจะซึ้งน้ำใจเจ้ามาก แม้แต่หญิงงามผู้เย็นชาอย่างซ่างกวนอี้ก็มองเจ้าไม่เหมือนเดิม” สวีเสี่ยวหลานมองอันหลินด้วยแววตาที่กระจ่างใส “ตอนที่ม่อไห่รายงานสถานการณ์ต่อสำนัก ข้าเอาแต่ดูแลเจ้า เลยไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยดีไหม”
อันหลินยิ้มบางๆ เมื่อได้ฟัง “เรื่องนี้เล่าแล้วจะยาว สงครามสุดท้ายเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าภูตผีร่ำไห้ ทุกอย่างต้องเริ่มเล่าจากพญาหงส์ที่ถูกจองจำในคุกวิหคชาด…”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว เขาไม่ต้องใส่สีตีไข่คุยโวโอ้อวดเลย เพราะศึกนี้สุดยอดแต่แรกอยู่แล้ว
แสงเทียนวูบไหว ภายใต้รัตติกาลที่เงียบสงบ อันหลินบอกเล่าวีรกรรมอันรุ่งโรจน์ของเขาอย่างเริงร่า ส่วนสวีเสี่ยวหลานนั่งเท้าคาง ฟังอย่างออกรสออกชาติ
…
เช้าตรู่วันต่อมา อันหลินลุกขึ้นมาด้วยกำลังวังชาที่เต็มเปี่ยม
แม้ภายหลังสวีเสี่ยวหลานกลับห้องไปพักผ่อน จะทำให้เขาผิดหวังเล็กๆ แต่โดยรวมแล้วก็รู้สึกดีเยี่ยมมากอยู่ดี
หลังรู้ว่าอันหลินฟื้นแล้ว เหล่าสัตว์เลี้ยงก็พากันวิ่งเข้ามาดูแลเขา
ต้าไป๋ปราบพยศมนุษย์หมาป่าจนหมอบราบคาบแก้ว เรียกพี่ไป๋ทุกคำ
มนุษย์หมาป่าเป็นอสูรเพลิงสวรรค์ ทายาทเผ่าอนารยชน ระดับพลังเที่ยงแท้ขั้นปลาย ซึ่งเทียบเท่ากับเจ้าแห่งระดับแปลงจิตขั้นปลาย ตอนนี้กลับปรนนิบัติอันหลินประหนึ่งทาสที่ใสซื่อ เชื่องอย่างที่สุด ทำให้อันหลินไม่ค่อยชิน
ในมุมของมนุษย์หมาป่า อันหลินเป็นไฟฟ้า อันหลินเป็นแสงสว่าง อันหลินเป็นศรัทธาหนึ่งเดียวของมัน มันยอมติดตามอันหลินไปชั่วชีวิตสู่จุดสูงสุดของหมาป่า
อันหลินแสดงท่าทีเคร่งขรึมต่อถ้อยคำที่ทนฟังไม่ได้นี้ ขืนครั้งหน้ายังเลี่ยนแบบนี้อีก จะตัดออกจากกองมรดก!
เมื่อพูดเช่นนี้ มนุษย์หมาป่าถึงได้เก็บงำท่าที เชื่องเหมือนฮัสกี้ก็ไม่ปาน
หลังจากนั้น ม่อไห่ หลู่เจียจื้อกับซ่างกวนอี้ก็มาเยี่ยมอันหลิน พร้อมกับยาวิเศษและผลวิเศษรักษาโรคจำนวนไม่น้อย
กับของดีพวกนี้แล้ว แน่นอนว่าอันหลินไม่ปฏิเสธ รับไว้ทั้งหมด
ตอนนั้นหลู่เจียจื้อติดแหง็กอยู่ในแดนพิศวง จึงมาไม่ทันช่วยหยางหยวน เมื่อได้ฟังประสบการณ์ของพวกอันหลินก็นึกเสียใจยิ่งแล้ว
ส่วนจี้หย่งฟางนั้น ใครจะรู้ว่าตอนนั้นเขาทำอะไรอยู่ ไม่มีใครสนใจเขา
ภายหลังมีแขกที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายคนหนึ่งมาเยี่ยมอันหลิน
เป็นหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีขาว รูปโฉมงดงามเพียบพร้อม
นางคือเถาจือ ว่าที่คู่ครองของหยางหยวน ถือเป็นศิษย์พี่ของอันหลินเหมือนกัน
นางเข้ามาก็คำนับอันหลินอย่างนอบน้อมทันที
“ศิษย์น้องอันหลิน ตอนนี้หยางหยวนยังบาดเจ็บสาหัสไม่หาย ข้าจึงมาเยี่ยมเจ้าแทนเขา”
“หากไม่มีการต่อสู้สุดกำลังของเจ้าแล้ว หยางหยวนอาจจะ…”
พูดไปพูดมา นางก็เริ่มสะอึกสะอื้น นัยน์ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมา “ขอบใจนะ ขอบใจเจ้าจริงๆ…”
อันหลินเห็นศิษย์พี่ที่ซาบซึ้งใจเช่นนี้ จึงรีบโบกมือเป็นพัลวัน “ข้าสมควรทำทั้งนั้น ในฐานะของลูกศิษย์สำนักเดียวกัน ควรช่วยเหลือกันไม่ใช่หรือ ศิษย์พี่อย่าได้ทำเช่นนี้เลย”
เถาจือเช็ดน้ำตาแล้วยิ้ม “อีกสามปีจะเป็นงานสมรสของข้ากับหยางหยวน ถึงตอนนั้นเจ้าต้องมาร่วมงานให้ได้นะ”
อันหลินชะงักเมื่อได้ฟัง จากนั้นก็รับคำด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน!”
เถาจือวางแหวนมิติวงหนึ่งตรงหัวเตียงอันหลินแล้วพูดว่า “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าแล้ว แหวนมิติวงนี้มีของตอบแทนของหยางหยวน ข้าเองก็เพิ่มของเข้าไปบางส่วน เจ้าห้ามปฏิเสธเด็ดขาด มิเช่นนั้นเท่ากับไม่เคารพศิษย์พี่ของเจ้า เข้าใจไหม”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเถาจือ อันหลินก็พยักหน้าอย่างขึงขังว่า “ได้ ข้าจะเชื่อฟัง”
เขาไม่มีนิสัยชอบปฏิเสธของขวัญ มีของดีอะไรโยนมาทางฉันได้เต็มที่เลย ฮ่าๆ ๆ…
เถาจือยิ้มพอใจ เยื้องย่างชดช้อยออกจากห้องไป
อันหลินหยิบแหวนมิติขึ้นแล้วเริ่มทำการสกัด
มันเป็นแหวนมิติทั่วไป ข้างในมีพื้นที่เพียงหนึ่งจั้ง เขาไม่คิดว่าจะมีของที่น่าตกใจมากเท่าใดนัก แต่ไม่นานเขาก็พบว่าเขาคิดผิด…