ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 428 ตำนานอันหลินแห่งสำนักวิหคชาด
แม้พื้นที่ภายในแหวนมิติจะไม่ใหญ่ แต่ของข้างในกลับแผ่คลื่นอย่างรุนแรงยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นของระดับสูงทั้งนั้น
หินปราณที่ส่องแสงสีขาวสว่างไสวหนึ่งร้อยก้อนไม่ต้องพูดถึง มันเท่ากับหนึ่งล้านหินวิญญาณแล้ว
และมียาพันแปรวิเศษซึ่งเป็นยาเซียนขั้นเจ็ดสองเม็ด มีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสที่ดีเยี่ยม และมีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างพลังชีวิตให้แข็งแกร่งอีกด้วย
กระบี่วิเศษชั้นสูงหนึ่งเล่ม กระบี่วิเศษชั้นกลางสามเล่ม นี่คงเป็นอาวุธวิเศษที่หยางหยวนตั้งใจมอบให้เป็นพิเศษ หลังเห็นวิธีการรบอย่างกระบี่พิฆาตของอันหลิน
มีหยกเลือดเทวะราวๆ หนึ่งชั่ง ใช้หยกชนิดนี้ทำเตียงหรือเก้าอี้ หากนั่งแล้วจะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพลังส่วนตน เป็นวัตถุเทวะที่นักพรตแปลงจิตปรารถนาที่สุด ลำพังแค่วัตถุเทวะชิ้นนี้ก็มีมูลค่าถึงห้าแสนหินวิญญาณแล้ว
เสียดายที่….ไม่มีประโยชน์กับอันหลิน เขาไม่มีพลังส่วนตนด้วยซ้ำ
ชิ้นสุดท้ายเป็นแหวนที่ส่องแสงสีเหลือบางๆ อันหลินไม่รู้ว่าเป็นอะไร
ด้านบนมีกระดาษแนะนำความเป็นมาของวัตถุชิ้นนี้
มันเป็นขุมทรัพย์ที่หยางหยวนไปเจอในตำหนักใต้พิภพอันเก่าแก่ทางใต้ของคุกวิหคชาด มีแหวนทั้งสิ้นสี่วง
แหวนทั้งสี่วงมีอักษรอนารยชนสลักไว้ว่า ‘เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก’ ผู้ที่สวมแหวนจะได้รับความสามารถในการเรียกพลังวิญญาณวีรชนเผ่าอนารยชนบางอย่าง
อีกอย่างหยางหยวนคาดเดาว่า แหวนพวกนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกตัวตนบางอย่างของเผ่าอนารยชน เพียงแต่เขาไม่อาจมองได้ถ่องแท้ รู้เพียงว่าของสิ่งนี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา เป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางสู่คุกวิหคชาดของเขา
ตอนนี้เขาถูกพวกอันหลินช่วยชีวิตไว้ จึงมอบแหวนสามวงให้กับผู้มีบุญคุณเป็นการตอบแทน
อันหลิน ม่อไห่และซ่างกวนอี้ได้แหวน ‘เหนือ ใต้ ตะวันออก’ ไปคนละวง
อันหลินหยิบแหวนที่สลักคำว่า ‘ตะวันออก’ ออกมา ผิวของแหวนมีริ้วน้ำสีทองกระเพื่อม แลดูงดงามอย่างยิ่ง เขาถอนหายใจ ไม่คิดว่าหยางหยวนจะยอมให้ขุมทรัพย์เช่นนี้กับเขาเป็นการตอบแทนบุญคุณ
เขาสกัดแหวนวงนี้แล้วสวมไว้ในมือ เจตจำนงที่มหาศาลกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นในแหวน สวมในจิตวิญญาณของเขา มันเป็นมังกรสีดำที่เหาะฉวัดเฉวียนเหนือหมู่ดารา ยามดวงตากะพริบดุจตะวันถือกำเนิดและดับสูญ แฝงด้วยพลังดุร้ายอันไม่สิ้นสุด
อันหลินสัมผัสเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้นด้วยใจที่สั่นสะท้าน
หากเขาเรียกพลังเช่นนี้ออกมาได้ มันต้องเป็นสิ่งที่ทำลายล้างโลกหล้าแน่นอน
แต่เขารู้ความสามารถในตอนนี้ของตนดี ไม่สามารถเรียกมังกรดำตัวนี้ออกมาได้
เขาถึงขั้นรู้สึกว่ามังกรโบราณสีดำตัวนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าของแหวนที่แท้จริง
อันหลินส่ายหน้า ไม่คิดเรื่องนี้อีก หลับตาพักผ่อนต่อไป
ในสำนักวิหคชาด เถาวัลย์ผนึกมารที่ซ่างกวนอี้นำกลับมาจากคุกวิหคชาดถูกเหล่าผู้อาวุโสจองจำในเขตหวงห้ามของสำนัก มันเป็นวัตถุประหลาดบรรพกาล มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับต้นเทวะของสำนักวิหคชาด จึงมีมูลค่าสูงอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ประสบการณ์ในคุกวิหคชาดของพวกอันหลินก็แพร่สะพัดไปทั่วสำนักวิหคชาดเช่นกัน
วีรกรรมที่ทั้งสามเสี่ยงชีวิตไปช่วยหยางหยวนที่ทิศใต้ของคุกวิหคชาด ขณะที่ทำให้ลูกศิษย์ในสำนักตะลึงนั้น ก็สรรเสริญเยินยอไม่หยุดหย่อน เหล่าลูกศิษย์สำนักวิหคชาดเริ่มมีความประทับใจต่อลูกศิษย์ในนามที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างอันหลินแล้ว
“นี่ รู้เรื่องหรือยัง ที่อันหลินศิษย์ในนามของสำนักเราสังหารขุนพลสวรรค์ในคุกวิหคชาดอย่างหงส์ดำถึงสามครั้ง! ขุนพลสวรรค์บรรพกาลล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับนิมิตสวรรค์ ได้ยินว่าหงส์ดำเป็นสุดยอดระดับนิมิตสวรรค์เสียด้วย เทียบเท่ากับสุดยอดระดับหวนสู่ความว่างเปล่าของเรา!”
“เอ๊ะ ทำไมข้าได้ยินคนอื่นบอกว่าอันหลินฆ่าหงส์ดำติดต่อกันเก้าสิบเก้าครั้งล่ะ สุดท้ายสังหารจนพื้นที่ของคุกวิหคชาดนองเลือดทั้งผืน แม้แต่จันทราสีเลือดก็ร่ำไห้อ้อนวอน ถึงได้ยั้งมือ ผนึกมันไว้ในแท่นบูชา…”
“เอ่อ…ไม่ว่าฉบับไหนเป็นความจริง สรุปก็คือสุดยอดนั่นแหละ ต่อไปข้าจะต้องสนทนากับเขาให้ได้”
“อืม มันแหงอยู่แล้ว แต่เขาเก่งกาจปานนี้ ทำไมถึงเป็นแค่ศิษย์ในนามล่ะ”
“เรื่องนี้เจ้าไม่รู้สินะ เขาเป็นนักเรียนของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนแห่งสรวงสวรรค์ ไม่สนใจฐานะลูกศิษย์ในนามหรอก ชื่อเสียงในสรวงสวรรค์โด่งดังยิ่งกว่า เป็นบุคคลระดับตำนานไปนานแล้ว มีฉายาเลิศล้ำมากมาย อย่างเช่นหนึ่งดรรชนีทลายฟ้าดิน เทพซาลาเปาแห่งยุค ปีศาจแห่งการระเบิดพลีชีพ เจ้าแห่งการทำลายสายฟ้า…”
…
อันหลินตั้งใจรักษาตัว อาการดีขึ้นทุกวัน
ห้าวันต่อมา ในที่สุดอาการของเขาก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
เมื่อเขาขี่ต้าไป๋เดินเล่นในสำนักวิหคชาด รู้สึกเหมือนว่าสายตาของเหล่าลูกศิษย์จะเปลี่ยนไปไม่น้อย
บอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนไปอย่างไร ขอบรรยายสายตาพวกนี้คร่าวๆ สักหน่อย เมื่อก่อนน่าจะคิดแค่ว่าเขาหน้าตาดี ตอนนี้คิดว่าเขาไม่ใช่แค่หล่อ แต่ยังดูดีอีกด้วย
“อันหลิน เห็นสายตาชื่นชมพวกนั้นของบรรดาลูกศิษย์หรือยัง รู้สึกอย่างไรบ้าง” สวีเสี่ยวหลานเดินอยู่ข้างๆ อันหลิน เอ่ยอย่างดูดี
อันหลินแย้มยิ้ม “ไม่รู้สึกอะไร ชินแล้ว”
สวีเสี่ยวหลายกลอกตาใส่อันหลิน ทำเสียงฮึดฮัด “โชคดีที่เจ้ามีวิชาควบคุมสายฟ้า ไม่อย่างนั้นคงถูกฟ้าผ่าตายไปนานแล้ว”
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าควบคุมสายฟ้าได้เก่งกาจปานนี้” อันหลินพูดอย่างมีเลศนัย
“นั่นเป็นเพราะฟ้าดินกว้างใหญ่ มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่เก๊กแล้วถูกกฎหมาย!” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างไม่สบอารมณ์
อันหลินชะงักงัน เขาไม่คิดเลยว่าบทพูดของตนจะถูกสวีเสี่ยวหลานแย่งไป!
“ผู้รู้ใจข้า คือเสี่ยวหลานเอง”
ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหลินถึงได้เอ่ยปากรำพัน
สวีเสี่ยวหลานแย้มยิ้มบางๆ ใบหน้าเจือความขยิ่มใจ ราวกับกำลังพูดว่า ‘สันดานของเจ้า ข้าชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งนานแล้ว’
“จริงสิ อาการของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว อาการของหยางหยวนก็จวนจะหายดีแล้วเหมือนกัน เหล่าผู้อาวุโสมีมติว่าจะจัดพิธีอวยพรของเพลิงวิหคชาดในวันพรุ่งนี้ ขอเพียงเจ้าได้รับการยอมรับจากเพลิงวิหคชาดในเวลานั้น ก็จะได้รับพลัง หลอมรวมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทะเลปราณได้” สวีเสี่ยวหลายเอ่ยขึ้นมาอีก
“งั้นข้าต้องเตรียมตัวอะไรหรือไม่” อันหลินถามอย่างสนเท่ห์
“กินเพลิงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปก็พอแล้ว” สวีเสี่ยวหลานเบะปาก
อันหลิน “…”
ทั้งคู่เดินทางมาถึงชายแดนของสำนักวิหคชาดโดยไม่รู้ตัว
ยอดไม้เขียวชอุ่มบริเวณนั้นทอดยาวออกไปอีกร้อยเมตร จากนั้นก็จะเป็นเวหาสูงร่วมหมื่นเมตร
อันหลินมาถึงสถานที่ที่มีเพียงพวกเขาสองคนที่รู้อีกครั้ง มันเป็นกิ่งไม้ที่หนาอย่างยิ่ง ดุจเส้นทางที่ทั้งคู่สามารถเดินเหินได้ ด้านบนมีเก้าอี้ไม้ยาวๆ ตั้งอยู่
อันหลินให้ต้าไป๋ไปเล่นที่อื่น จากนั้นก็นั่งชนไหล่กับสวีเสี่ยวหลานบนเก้าอี้
พวกเขาทอดมองเมฆขาวฟ้าครามอันไกลโพ้น รวมถึงพสุธาอันกว้างใหญ่ เพลิดเพลินกับความสงบเงียบๆ
ลมอ่อนโชยมาระลอกหนึ่งพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นเทวะ
ใบไม้เขียวดังซู่ๆ ผ่อนคลายสบายอุรา
“อันหลิน เจ้ามีรัศมีของตัวเอกใช่ไหม” สวีเสี่ยวหลานโพล่งขึ้นมา
อันหลินตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
“ดูจากความสามาถในการก่อเรื่องของเจ้า” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างไม่ชอบใจ
“แต่ถ้าพูดเรื่องก่อเรื่อง ข้านับถือแค่ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้” คราวนี้อันหลินถ่อมตัวมาก
“อืม ข้าก็นับถือศิษย์พี่ซ่างกวนอี้มากเหมือนกัน นางเป็นบุคคลที่ทุกข์โศกแต่กำเนิด…” สวีเสี่ยวหลานถอนหายใจเบาๆ คล้ายว่าจะสะท้อนใจ เรือนคิ้วงามขมวดน้อยๆ พูดเสียงค่อยว่า “มารดาสิ้นชีพเพราะคลอดติดขัดตั้งแต่นางเกิด”
อันหลินได้ฟัง สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา ตั้งใจฟังต่อไป
“ภายหลังพลังปราณก่อตัวในร่างกายของนางเอง ดึงดูดหมาป่าปีศาจมา หมาป่าปีศาจฆ่าทั้งครอบครัวอย่างทารุณ นางเองก็ถูกหมาป่าปีศาจจับตัวไป เตรียมจะเขมือบ”
“คาดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเจอนักพรตคนหนึ่ง นักพรตสังหารหมาป่าปีศาจ ส่งนางกลับหมู่บ้านอีกครั้ง แต่ในหมู่บ้านกลับไม่มีใครอยากอุปการะนาง”
“นักพรตเห็นว่าร่างกายของนางพิเศษ แต่พลังยุทธ์ของนักพรตไม่สูง อบรบสั่งสอนนางไม่ได้ ผ่านหลายมือกว่าจะมาถึงสำนักของพวกเรา กลายเป็นลูกศิษย์ของนักพรตชื่อเยี่ยน”
“ปรากฏว่าไม่ถึงปี นักพรตชื่อเยี่ยนก็สิ้นชีพเพราะออกไปปฏิบัติภารกิจ”
“หลังจากนั้นนักพรตหลิงอวิ๋นก็เป็นอาจารย์ของนาง ไม่ถึงครึ่งปี นักพรตหลิงอวิ๋นก็พลีชีพในสงครามเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด”
“ต่อมาก็เป็นนักพรตหวงหลง ไม่ถึงหนึ่งปี ก็ตายเพราะต้องพิษประหลาด”
“จากนั้นนักพรตหงเสาเป็นอาจารย์ของนาง สามเดือนให้หลัง ตายในปฏิบัติการบุกสำนักปีศาจ…”
“เรื่องพวกนี้พิสดารนัก แม้ทุกคนจะรู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับศิษย์พี่ซ่างกวนอี้ แต่ไม่มีใครกล้าเป็นอาจารย์ของนางอีกแล้ว…”
อันหลิน “…”