ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 430 รับการชำระล้างจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ผ่านไปอีกวัน สำนักวิหคชาดจัดพิธีอวยพรเพลิงวิหคชาดที่มีห้าปีหนึ่งครั้ง
สำหรับสำนักวิหคชาดแล้ว พิธีนี้เป็นงานใหญ่ที่ล้ำค่า
เพราะวันนี้เพลิงวิหคชาดจะทำการชำระล้างสมาชิกทุกคนในสำนัก และจะถ่ายทอดพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ลูกศิษย์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของสำนัก ซึ่งก็คือการให้พวกเขารวบรวมเพลิงวิหคชาดในทะเลปราณ
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตรวมตัวกัน ณ จัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ รอคอยการเปิดพิธี
เพราะสัตว์เลี้ยงอย่างต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาด จึงทำได้เพียงงีบหลับในสวน
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานเดินเคียงคู่กันเข้าสู่จัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ การมาเยือนของพวกเขาดึงดูดสายตาของลูกศิษย์ส่วนใหญ่ ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้ชื่อเสียงของอันหลินโด่งดังเหลือเกิน ทำให้ลูกศิษย์มากมายทั้งนับถือและสงสัยในตัวเขา
“รีบดูนั่นสิ คนนั้นแหละอันหลิน!”
“ไม่ได้มีสามเศียรหกกรเสียหน่อย อีกอย่างดูแล้วก็ไม่ได้สง่างามอะไร แต่หน้าตาก็ดูหล่อเหลาดี”
“เจ้าจะไปรู้อะไร! ความสง่าไม่เปิดเผย คืนสู่สามัญ แบบนี้สิยอดฝีมือ! เจ้าดูดวงตาของเขาสิ ลึกล้ำดุจท้องทะเล และเหมือนแฝงเร้นด้วยทุกสรรพสิ่งในจักรวาล โอ้…หล่อเหลือเกิน!”
“มีสติ เลิกบ้าผู้ชายได้แล้ว!”
“หึ ก็แค่คนที่เข้ามาด้วยเส้นสายเพื่อพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรให้ยกยอกัน”
“จะพูดเช่นนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนของสำนักวิหคชาดแล้ว อีกอย่างเขาก็เสี่ยงชีวิตไปช่วยศิษย์พี่หยางหยวนในคุกวิหคชาดด้วยฐานะของลูกศิษย์สำนัก ถ้าหากมาเพื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย”
“ใช่แล้ว อันหลินทำเรื่องที่ลูกศิษย์สำนักพึงทำ มีสิทธิ์จะช่วงชิงพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์”
…
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานมาถึงใจกลางของจัตุรัสท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์
ที่นี่มีผู้อาวุโสกับศิษย์คนสำคัญของสำนักที่มีไอปราณยิ่งใหญ่มากมาย ส่วนใหญ่ล้วนพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นอันหลิน บางคนก็ยิ้มแสดงความเป็นมิตร
สวีเสี่ยวหลานกวาดตามองทั่วจัตุรัส จากนั้นก็กระซิบกันอันหลินว่า “เจ้าเป็นคนที่จะรับพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไปยืนเขตสีแดงดีกว่า”
อันหลินมองไปทางที่สวีเสี่ยวหลานชี้ พบว่ามีคนยืนอยู่ตรงนั้นห้าคน ม่อไห่ ซ่างกวนอี้ หลู่เจียจื้อ จี้หย่งฟางและหยางหยวนต่างก็อยู่ที่นั่น เขาแยกกับสวีเสี่ยวหลาน เดินไปยังเขตสีแดง
“ฮ่าๆ ๆ อันหลิน ในที่สุดเจ้าก็มา เมื่อครู่พวกเรายังพูดถึงเจ้าอยู่เลย!” ม่อไห่เห็นอันหลิน ใบหน้าก็เปื้อนรอยยิ้มเบิกบาน เป็นฝ่ายทักทายก่อน
อันหลินแย้มยิ้ม “กำลังพูดว่าข้าน่าเกรงขาม อหังการไร้เทียมทานยามรบใช่ไหม”
ม่อไห่กับหลู่เจียจื้อกลอกตาเมื่อได้ฟัง ซ่างกวนอี้อดป้องปากขำไม่ได้
หลู่เจียจื้อชิงพูดก่อนว่า “ม่อไห่กับซ่างกวนอี้กำลังคุยกันเรื่องฝีมือการทำอาหารของเจ้า บอกว่าอาหารที่เจ้าทำอร่อยยิ่งนัก เป็นอาหารเลิศรสสูงสุดในหล้า เทิดทูนสูงเทียมฟ้าแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเก่งกาจปานนั้น…สหายอันหลินหาเวลาให้ข้าได้เห็นประจักษ์แก่ตาสักหน่อยดีไหม”
อันหลินชะงักเมื่อได้ฟัง จากนั้นก็พยักหน้า “ได้เลย ราคาตลาด กระทะละหนึ่งแสนหินวิญญาณ เจ้าเตรียมเงินไว้ก่อนเถอะ”
หลู่เจียจื้อตะลึงงัน “ที่แท้ ‘ราคาสูงลิ่ว’ ที่พวกเขาว่าก็จริงเหมือนกันหรือ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ อาหารกระทะเดียวหนึ่งแสนหินวิญญาณ!”
“ข้าเอาสิบกระทะ!” ในตอนนั้นเองเสียงที่กระจ่างใสก็ดังขึ้น
ทุกคนมองไปตามต้นเสียง เห็นชายหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกคนหนึ่งกำลังมองอันหลินด้วยรอยยิ้ม
หลู่เจียจื้อหน้าเขียวเล็กน้อย “ศิษย์พี่หยางหยวน ต่อให้อันหลินช่วยชีวิตท่าน ท่านก็มอบเงินให้โจ่งแจ้งเช่นนี้ไม่ได้”
“ข้าไม่ได้มอบเงิน ข้าเชื่อในอาหารที่อันหลินทำว่าคู่ควรกับเงินพวกนี้ต่างหาก” หยางหยวนจ้องอันหลิน ในแววตาเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นอย่างใหญ่หลวง ราวกับกำลังเปล่งแสง
หลู่เจียจื้อเผยอปาก เอ่ยคำโต้แย้งไม่ออก
อันหลินซาบซึ้งจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว หยางหยวนเป็นคนแรกที่เชื่อมั่นในฝีมือการปรุงอาหารของเขาก่อนจะได้เห็นเขาทำอาหาร ถึงแม้เขาจะไม่มีฝีมือการปรุงอาหารจริงๆ ก็เถอะ
เมื่อเห็นท่าทางแพ้พ่ายของหลู่เจียจื้อ ม่อไห่กับซ่างกวนอี้ต่างก็หัวเราะออกมา
จี้หย่งฟางมองทั้งห้าคนที่สนิทสนมกัน ยืนงุนงงอยู่อีกมุม
นี่มันเรื่องอะไรกัน ซ่างกวนอี้ไม่เย็นชาแล้วหรือ หยางหยวนไม่มองฟ้าแล้วหรือ
อันหลินเพิ่งเข้าสำนักได้ไม่กี่วัน ไยจึงคุ้นเคยกับทั้งสี่คนถึงปานนี้ ต่อให้เป็นผู้มีพระคุณของหยางหยวน ก็คงไม่สนิทสนมกันเร็วเช่นนี้หรอกกระมัง
จู่ๆ จี้หย่งฟางก็รู้สึกล้มเหลวขึ้นมาฉับพลัน หวนคิดถึงภาพที่อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานอยู่กันเป็นคู่ในสำนักช่วงนี้ เขาก็ไฟสุมทรวงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตในสำนักมารวมกันที่จัตุรัสครบแล้วโดยไม่รู้ตัว
เจ้าสำนักไม่อยู่ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักวิหคชาดอย่างเฉินซิ่นหรานจึงเริ่มกล่าว พูดอย่างไหลลื่นร่วมหนึ่งแสนกว่าตัวอักษร รวดเร็วอย่างยิ่ง แต่เนื้อหากลับฝังลึกในสมองของทุกคนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จะไม่ขอกล่าวอย่างละเอียดว่าเขาพูดอะไรกันแน่ สรุปโดยสังเขปก็คือ
ในฐานะของสี่สำนักใหญ่แห่งแดนจิ่วโจว สุดยอดสำนักที่เลื่องชื่อทั่วแผ่นดิน สำนักวิหคชาดของเรายอดเยี่ยมมาก! ตลอดห้าปีมานี้มีความสำเร็จที่รุ่งโรจน์มากมาย ลูกศิษย์อัจฉริยะผุดมาไม่ขาดสาย
นโยบายแผนห้าปีฉบับต่อไปเป็นอย่างไร ก็ชี้แจงอย่างละเอียดเช่นกัน พ่วงด้วยการมองไปยังอนาคตข้างหน้า
ระหว่างนี้ยังสรรเสริญวีรกรรมที่อันหลิน ม่อไห่กับซ่างกวนอี้เสี่ยงอันตรายไปช่วยหยางหยวนในคุกวิหคชาด ส่งเสริมจิตวิญญาณของหงส์ไฟ หวังว่าทุกคนจะเรียนรู้จากพวกเขา บลาๆ ๆ เป็นก่ายกอง
จากนั้นก็เป็นพิธีชำระล้างอวยพรเพลิงวิหคชาดที่ทุกคนรอคอย เพลิงวิหคชาดลอยกลางนภาเหนือจัตุรัส เปลวไฟสีขาวบริสุทธิ์เริ่มแปรเปลี่ยน ค่อยๆ กลายเป็นหงส์ไฟสีขาว
แสงของเปลวไฟเจิดจ้ามากขึ้นทุกที ทำให้จ้องมองไม่ได้ จำต้องก้มหน้าลงไป
แต่กระแสอุ่นที่พิเศษอย่างยิ่งกลับลอยลงมาจากนภากระทบกายของทุกคน ขุดลอกเส้นชีพจรของทุกผู้ทุกคน พลังเพลิงก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างเชื่องช้าในชั่ววินาทีนี้
ทุกคนต่างก็หลับตาพริ้ม รับการชำระล้างจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างเคลิบเคลิ้ม
อันหลินก็เช่นกัน รู้สึกว่าพลังงานเพลิงภายในร่างกายกำลังก้าวหน้าช้าๆ
เขาแอบเหลือบมองซ่างกวนอี้แวบหนึ่ง พบว่าซ่างกวนอี้กำลังมองลูกศิษย์รอบทิศอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
ซ่างกวนอี้พบว่าอันหลินกำลังมองตน นัยน์ตาสั่นระริก กระซิบว่า “เจ้าก็ไม่รู้สึกเหมือนกันหรือ”
อันหลินส่ายหน้า “เปล่า ข้าเพียงอยากดูว่าเจ้ามีความรู้สึกหรือไม่ ไม่เป็นไรนะศิษย์พี่ เจ้าเดินทางของเจ้า ไม่ต้องสนสายตาของคนอื่น”
หลังเขาปลอบใจแล้วก็เริ่มหลับตาเสพสุขกับการชำระล้างของเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ซ่างกวนอี้ “…”
การชำระล้างของเพลิงศักดิ์สิทธิ์กินเวลายาวนาน ดำเนินไปจวบจนค่ำคืน เปลวไฟรูปหงส์ไฟถึงค่อยๆ กลายเป็นลูกไฟทั่วไป ลอยอยู่กลางอากาศ
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตลืมตาขึ้น แววตาเจือความพอใจและปลาบปลื้ม
อันหลินรู้สึกว่าเพลิงเทวะทั้งสี่ในร่างกายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ไม่ด้อยกว่าการกินยาเซียนขั้นต่ำหนึ่งเม็ดเลย!
แม้ผลลัพธ์ของการชำระล้างโดยเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะขึ้นอยู่กับบุคคล แต่นี่เป็นการชำระล้างที่ครอบคลุมหลายหมื่นคนเลยนะ!
เรียกได้ว่านำหนึ่งก้าว นำทุกก้าว การชำระล้างของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มีห้าปีครั้ง เพียงพอจะทำให้ลูกศิษย์สำนักวิหคชาดนำหน้าลูกศิษย์สำนักอื่นก้าวใหญ่แล้ว นี่อาจจะเป็นไม้ตายของสุดยอดสำนัก
อันหลินเคยได้ยินต้าไป๋พูดว่า สำนักสัตว์เทพของพวกมันมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จิตอสูร เป็นสถานที่มอบการสืบทอดจิตอสูรบรรพกาลให้แก่สัตว์ปราณระดับแปลงจิตของสำนักโดยเฉพาะ สัตว์ปราณทุกตัวในสำนักสามารถเข้าไปรับการสืบทอดในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ เป็นหนึ่งในไม้ตายที่สำคัญยิ่งของสำนักสัตว์เทพเช่นกัน
อันหลินอดถอนหายใจไม่ได้ สะท้อนใจว่าสรวงสวรรค์บงการแดนจิ่วโจว เหนือกว่าสี่สำนักใหญ่ ไพ่ตายน่ากลัวยิ่งกว่า เสียดายที่หลายๆ สถานที่จำต้องเข้าร่วมสรวงสวรรค์อย่างสิ้นเชิง รับตำแหน่งในสรวงสวรรค์จึงจะไปได้
“ลำดับต่อไปเป็นพิธีการรับพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของลูกศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนัก ขอเชิญหยางหยวน ซ่างกวนอี้ หลู่เจียจื้อ ม่อไห่ จี้หย่งฟาง อันหลินเตรียมตัวให้พร้อม” เสียงของผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินเตรียมใจ คิดในใจว่าช่วงเวลาที่สำคัญมาแล้วในที่สุด!