ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 432 อยากเรียบง่ายแต่ทำไม่ได้
จี้หย่งฟางร้องไห้อยู่พักใหญ่กว่าจะหยุดลง น้ำตาคลอเบ้าชี้อันหลินที่อยู่บนแท่นพิธีพลางตะโกนเกรี้ยวว่า “อันหลิน! เป็นฝีมือเจ้าแน่ๆ เจ้าทำอะไรข้า!”
“พอแล้ว!”
เสียงตวาดดังแทรกคำพูดของจี้หย่งฟาง
“ทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน ใช้ได้ที่ไหนกัน!” ชายวัยกลางคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธ
จี้หย่งฟางมองบุรุษที่พูดด้วยความตะลึง ปิดปากฉับ น้ำตาไหลเป็นทาง น่าสงสารอย่างยิ่ง “ท่านพ่อ ทำไม…”
ผู้อาวุโสจี้ไม่อยากเห็นท่าทางแบบนี้ของจี้หย่งฟางเลย หากไม่ใช่เพราะต้องรับการถ่ายทอดพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ คงลากเจ้านี้ออกจากจัตุรัสไปแล้ว
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอันหลินเลย บางที…เจ้าอาจจะเสียใจเกินไปจริงๆ…” ผู้อาวุโสจี้พูดอย่างระอาใจ
จี้หย่งฟางชะงัก เศร้ามาจากภายใน ร้องไห้ ‘โฮๆ’ ออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
ผู้อาวุโสจี้เบือนสายตาขึ้นมองท้องฟ้า ไม่มองใบหน้าเลย
ลูกศิษย์ในจัตุรัสก็หัวเราะจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว พากันนวดคลึงใบหน้ากับท้องของตน
ม่อไห่ยังหัวเราะร่าไม่หยุด มองจี้หย่งฟางด้วยความนับถือ “ศิษย์พี่จี้ ถ้าเรื่องร้องไห้ ข้ายอมแค่ท่าน เป็นที่หนึ่งของสำนักได้แล้ว!”
อีกหนึ่งคนที่ยังหัวเราะไม่หยุดคือหลานเยียน นางเส้นตื้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางที่ร้องไห้ปานจะขาดใจของจี้หย่งฟาง ก็หัวเราะจนแทบจะสลบไสล
หัวเราะพลางด่าทอว่าจี้หย่งฟางเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม จะทำให้นาง ‘หัวเราะจนตาย’
สวีเสี่ยวหลานช่วยลูบหลังให้หลานเยียนด้วยสีหน้าเอือมระอา หลานเยียนจะได้ไม่หัวเราะจนตายไปจริงๆ
“อันหลิน ในเมื่อเจ้าไม่ได้การยอมรับจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ก็ลงมาเถอะ”
ขณะที่เหตุการณ์ค่อยๆ สงบลง ผู้อาวุโสจูก็เอ่ยเสียงนุ่ม พูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์
อันหลินพยักหน้า กำลังจะเก็บขนนกหงส์ไฟ จู่ๆ เพลิงศักดิ์สิทธิ์กลางนภาก็สว่างโชติช่วง
ครืน
เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวระเบิดโดยพลัน จากนั้นก็กลายเป็นรูปร่างหงส์ไฟสีขาวตัวหนึ่ง บินฉวัดเฉวียนใต้นภายามราตรีกาล
เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักวิหคชาดเห็นเช่นนั้นสีหน้าต่างก็เปลี่ยนไป แต่บรรดาลูกศิษย์กลับจ้องท้องฟ้าอย่างงุนงง
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์แปลงร่างด้วยตัวเองหรือ มันเพราะอะไรกัน” ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานพูดด้วยความตกใจ
อันหลินยืนอยู่บนแท่นพิธี ยังไม่แสดงท่าทีอะไร ทะเลปราณก็พลันเดือดพล่านรุนแรงขึ้นมา พญาหงส์สีขาวที่อยู่ภายในแผดร้องอย่างปีติ จากนั้นพลังมวลหนึ่งก็หลั่งไหลออกจากกายมัน ถ่ายทอดสู่หน้าผากของอันหลินผ่านทะเลปราณ จากนั้นก็พุ่งออกจากหว่างคิ้ว บินไปหามายาเพลิงวิหคชาดสีทอง
มายาเพลิงวิหคชาดสีทองค่อย ชัดเจนขึ้น จากนั้นกลายเป็นขนนกสีขาว ลอยอยู่กลางอากาศ
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตงงเป็นไก่ตาแตก รวมถึงอันหลินเองก็งวยงงด้วยเช่นกัน
“ทำไมกลายเป็นสีขาว หรือขนนกถอดสี”
“ข้าได้ขนนกปลอมมาหรือ เพลิงศักดิ์สิทธิ์เลยไม่ยอมรับ” อันหลินโพล่งขึ้นมา
ทุกคนได้ฟังก็พากันกลอกตา
หลานเยียนที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาเป็นปกติถูกกระตุกต่อมฮาอีกครั้ง หัวเราะแทบหงายหลัง มือค้ำเอวคอดกิ่วอย่างยากลำบาก ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป
ผู้อาวุโสที่เจนประสบการณ์บางส่วนกลับมองขนนกสีขาวที่แจ่มชัดอย่างตกตะลึง
“หรือนี่…จะเป็นขนหงส์ไฟเที่ยงแท้”
“คลื่นพลังลูกนี้ไม่ผิดแน่ ไหนจะขนนกที่กลายเป็นของจริงนั่นอีก เป็นขนหงส์ไฟเที่ยงแท้จริงๆ!”
“ไยจึงมีขนนกเที่ยงแท้โผล่มาที่นี่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อันหลินปล่อยภาพมายาออกมาแท้ๆ”
“มีพลังแผ่ออกจากร่างกายของเขา ทำให้มายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงกลายเป็นของจริง”
“ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เห็นขนนกเที่ยงแท้ที่นี่ คราวนี้น่าสนใจแล้ว…”
…
บทสนทนาของเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ปิดบัง ลูกศิษย์ส่วนใหญ่จึงพอจะเข้าใจปรากฏการณ์ประหลาดนี่บ้างแล้ว
ขนนกเที่ยงแท้เป็นอะไรไม่สำคัญ สรุปคือเลิศล้ำมากก็พอแล้ว!
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนพากันมองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวพลิ้วไหวกลางแท่นพิธีอีกครั้ง แววตามีความเลื่อมใสและเร่าร้อนเพิ่มมาหลายขุม
สวีเสี่ยวหลานมองชายหนุ่มผู้เป็นที่จับจ้องอย่างยิ้มแย้ม พึมพำว่า “ข้าว่าแล้ว เจ้าจะถอยอย่างหน้าม่อยคอตกได้อย่างไร มันไม่ใช่วิธีของเจ้า”
ในตอนนั้นเอง หงส์ไฟสีขาวกลางเวหาก็อ้าปาก ขนนกเที่ยงแท้สีขาวเหาะเหินอากาศไปหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขมือบมันในคำเดียว!
เสียงร้องกังวานอันสุขสมยิ่งดังออกจากปากของหงส์ไฟแล้วกลายเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
ทุกอย่างสงบลง ดุจว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
อันหลินมองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ก็มองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งกำลังรอคอยบางอย่าง
สองนาทีผ่านไป ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย…
“ให้ตายสิ กินแล้วไม่จ่ายเงินหรือ!”
อันหลินทนไม่ไหวอีกแล้ว อ้าปากด่าทอเพลิงศักดิ์สิทธิ์
“พรืด…” มีลูกศิษย์ไม่น้อยขำกับคำพูดที่ประหลาดของอันหลิน ในใจเกิดความรู้ดีขึ้นมากโข
หลานเยียนหัวเราะใจตัวสั่นอีกครั้ง ปากบอกว่าอันหลินสนุกสนานเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะสวีเสี่ยวหลานได้ไปก่อน นางจะตามจีบให้ได้แน่ๆ คำพูดนี้ทำให้สวีเสี่ยวหลานกลอกตาใส่หลานเยียนอย่างแรง ฮึดฮัดในลำคอไม่พูดไม่จา
ช่วยไม่ได้ หากจะบอกว่านางกับอันหลินไม่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อนสนิทเช่นนี้อันตรายเกินไปแล้ว แต่หากจะบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท เช่นนั้นก็เป็นการยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขากลายๆ น่ะสิ
สวีเสี่ยวหลานอัดอั้นจนหน้าแดง ดุจดอกท้อที่บานสะพรั่งยามวสันต์ สุดท้ายก็ทำได้เพียงเบะปากมองทางอื่นด้วยความโมโห
จี้หย่งฟางไม่ค่อยร้องไห้เท่าใดแล้ว เดินตาแดงบวมมองไปทางอันหลิน เมื่อเห็นอันหลินยังคงถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธดังเดิม ในใจก็โล่งขึ้นมาบ้างแล้ว กำลังจะอ้าปากพูด
เพลิงศักดิ์สิทธิ์กลางอากาศก็ปล่อยเสาแสงสีขาวลงมากระแทกอันหลินทันใด!
ครืน
จี้หย่งฟางร้องไห้จนอ่อนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความสะเทือนใจอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้เขาล้มคะมำกับพื้นทันที
ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย เคราะห์ดีที่ผู้อาวุโสลงมือทันการ จึงไม่เกิดความเสียหายอะไร
ทุกคนมองอันหลินที่อยู่กลางแท่นพิธีอย่างตะลึงพรึงเพริด พูดอะไรไม่ออก
อันหลินที่อยู่กลางเสาแสงไม่ได้รับผลกระทับใดเลย แสงสีขาวเป็นดั่งอสูรน้ำหลาก พุ่งเข้าไปในร่างกายของเขาไม่หยุดหย่อน กลายเป็นพลังเพลิงที่บริสุทธิ์ที่สุด
“นั่น…นั่นเป็นการมอบพลังของเพลิงศักดิ์สิทธิ์หรือ” ลูกศิษย์คนหนึ่งขยี้ตาพลางพึมพำ
“น่าจะใช่ ข้าอยู่สำนักวิหคชาดมาหลายร้อยปี ไม่เคยเห็นการมอบพลังที่น่าพรั่นพรึงเช่นนี้มาก่อน มันไม่สมเหตุสมผลเสียแล้ว คนวิปริตเห็นแล้วเงียบ อัจฉริยะเห็นแล้วหลั่งน้ำตา!” ลูกศิษย์คนสำคัญอุทาน
“ช่างน่าตกใจเหลือเกิน อันหลินรับไหวหรือ” ลูกศิษย์บางส่วนแสดงความกังวล
หากพูดว่าพลังที่ได้จากมายาเพลิงวิหคชาดชั้นกลางเป็นการจุ่มน้ำ พลังที่ได้จากมายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงเป็นน้ำโซมกาย เช่นนั้นการถ่ายทอดพลังของอันหลินก็คือการเทน้ำใส่อย่างรุนแรง…
จี้หย่งฟางงงเป็นไก่ตาแตก รำพึงรำพันว่า “ทำไมเป็นเช่นนี้ ทำไมถึง…”
อันหลินก็งงเช่นกัน มองเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้วเจรจาว่า “ขอร้องช้าหน่อย เร็วเกินไปร่างกายข้ารับไม่ไหว”
จี้หย่งฟางแทบจะกระอักเลือด แม้แต่ลูกศิษย์สำนักทั้งหลายก็แน่นหน้าอกเช่นกัน
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักวิหคชาดก็กลอกตา แต่ไม่ได้ลงมือขัดจังหวะเรื่องนี้
อันหลินสัมผัสได้ว่าพลังเพลิงหลั่งไหลเข้าตัวอย่างไม่ขาดสาย ผสานกับสี่เพลิงเทวะ บริสุทธิ์และชัดเจนยิ่งขึ้น กำลังเติบโตไปในขั้นที่สูงกว่าอยู่รำไร
ในขณะเดียวกัน เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวก็ปรากฏในทะเลเพลิง
พญาหงส์ในทะเลปราณแผดร้องดีใจ พุ่งโฉบใส่เพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
อันฉีหลินก็ตาลุกวาว อ้าปากพุ่งใส่เพลิงศักดิ์สิทธิ์
ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสองจะเกิดความสันติชั่วเวลาอันสั้น ตอนนี้เมื่อมีสัมพันธ์คู่แข่งแล้ว เริ่มวิวาทกันอีกแล้ว
ครืน…
ทะเลปราณเกลือกกลิ้ง ลูกไฟสีขาวกำเริบเสิบสาน อัสนีคำรนคำราม
อันหลิน “…”