ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 433 บรรลุจุดสูงสุดของชีวิต
เมื่อพลังเพลิงหลั่งไหลเข้าสู่ทะเลปราณอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดอันฉีหลินกับหงส์ขาวก็หยุดวิวาทกัน
ประหนึ่งพวกมันจะเห็นพ้องต้องกันว่า ดูดซึมพลังเพลิงข้างๆ ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
หงส์ขาวดูดซึมพลังเพลิงอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ขนนกเริ่มอุดมสมบูรณ์ อานุภาพมหาศาลแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ พุ่งชนทะเลปราณอันกว้างใหญ่
อันฉีหลินกลับทำเหมือนดื่มนมวัว ค่อยๆ กลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวที่ลอยกลางอากาศลงท้องช้าๆ แถมยังทำปากแจ๊บๆ บ่อยครั้ง ใบหน้าสุขใจและชื่นมื่น
ในที่สุดอันหลินก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง เงยหน้ามองเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลางเวหา หวังว่ามันจะฮึกเหิมสักหน่อย อย่าหยุดถ่ายทอดพลังไวปานนั้น อย่างน้อยให้อันฉีหลินอิ่มก่อนค่อยว่ากัน
ความจริงก็เหมือนจะเป็นดังที่เขาปรารถนา ครั้งนี้แสงสีขาวสาดลงมาค่อนข้างยาวนาน
สามนาทีผ่านไปแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย!
ห้านาทีผ่านไปแล้ว แสงสว่างยังไม่หยุดเทกระหน่ำ…
อันหลินเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว จึงนั่งลงบนแท่นพิธีเสียเลย
เหล่าผู้อาวุโสมองแสงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งไหลลงมาดุจธารน้ำไม่ขาดสาย มุมปากกระตุกยิกๆ เกิดความรู้สึกปวดใจชอบกล
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตกลับยิ่งอิจฉาริษยาแค้นเคือง จ้องชายหนุ่มกลางแท่นพิธี แทบอยากจะเข้าไปแทนที่
ม่อไห่พูดอย่างอิจฉาว่า “ขนนกหงส์ไฟชั้นกลางจะส่องแสงเป็นเวลาราวๆ หนึ่งนาที ขนนกหงส์ไฟชั้นสูงสามนาที ครั้งนี้อันหลินดูดซึมกว่าห้านาทีแล้วยังไม่มีทีท่าจะหยุด…เฮ้อ…ข้าไม่รู้ควรพูดอะไรแล้ว!”
“ศิษย์น้องอันหลินเป็นคนมีวาสนา” หยางหยวนยิ้ม
“มีวาสนากว่าข้าเยอะเลย” ซ่างกวนอี้เอ่ยนิ่งๆ
หลู่เจียจื้อเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง คิดในใจว่าแบบนี้มันเหลวไหลไม่ใช่หรือไง
จี้หย่งฟางมองอันหลินอึ้งๆ พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
อันหลินแยกจิตสังเกตสถานการณ์ของทะเลปราณตลอดเวลา กังวลว่าทั้งสองที่อยู่ข้างในจะทะเลาะกันอีก
ระหว่างที่อันฉีหลินกินไม่หยุดหย่อน ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ท้องป่องนูน
ครืน
ทะเลปราณสั่นสะเทือนฉับพลัน
จากนั้นหน้าผากของทารกสีทองก็มีรอยประทับรูปเปลวไฟสีขาวปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันก็มีตัวเลขฉายวาบบนหน้าอกของเขา ค่าตัวเลขกระโดดจาก 1.82 เป็น 2 และมีอักษรบรรพกาลปรากฏว่า ‘เพลิงเต็มแล้ว’
ท้องของอันฉีหลินนูนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายระเบิดทันใด กลายเป็นแสงทองนับไม่ถ้วนแทรกซึมไปในเส้นชีพจรของอันหลิน
จู่ๆ ร่างของอันหลินก็เปล่งแสงสีทอง จากนั้นก็มีเสื้อคลุมสีทองห่มกาย ดุจสวมชุดศักดิ์สิทธิ์
เขาลืมตาที่แฝงด้วยอัสนีสีทองขึ้น อานุภาพแห่งเจ้าอัสนีปะทุทันใด แผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศ ชวนให้ตะลึงพรึงเพริด
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตรู้สึกว่าชายหนุ่มกลางแท่นพิธีสูงใหญ่ขึ้นมาในพริบตา
“คุณพระ! นั่นมันอะไรกันแน่ แสบตานัก!”
“ช่างเป็นอานุภาพที่น่ากลัวเสียจริง หรือจะเป็นคุณสมบัติพิเศษของเพลิงศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าโง่หรือไง เจ้าไม่เห็นอัสนีสีทองตามเนื้อตัวของเขาหรือ มันเป็นพลังสายฟ้าที่น่ากลัวอย่างมหันต์ เกี่ยวกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน!”
“อันหลินเลิศล้ำจริงๆ ด้วย ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้หลังรับการชำระล้างจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วย!”
…
ขณะที่เสื้อทองคลุมกายอันหลิน พลันก็หยั่งรู้อันฉีหลินไปอีกขั้น เคล็ดวิชาหนึ่งประทับลงในสมอง และแฝงด้วยแก่นแท้ของอัสนีทั้งหลายในเวลาเดียวกัน
เขาหลับตาลง ชุดสีทองค่อยๆ สลายไป ไอปราณก็เก็บงำอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำก็นิ่งสงบดุจทะเลสาบ ไม่เกิดระลอกคลื่นอีกต่อไป
ราวกับทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนรู้สึกคลายความกดดัน ต่างก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
“ฟู่…เมื่อครู่น่าตกใจจริงๆ ช่วยรับการชำระล้างจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้ง่ายหน่อยไม่ได้หรือไง…”
“มีแต่คนวิปริตอย่างศิษย์น้องอันหลินเท่านั้นที่ทำให้เหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ ขอข้าพักหายใจหน่อย…”
ลูกศิษย์มากมายหัวใจปั่นป่วนเพราะปรากฏการณ์บนแท่นพิธี ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พักหายใจหายคอ ไม่คิดเลยว่าปรากฏการณ์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง แผ่นดินสั่นสะเทือนทันใด!
จากนั้นปราณฟ้าดินในรัศมีสิบลี้ก็กระเพื่อมรุนแรง ก่อเป็นกระแสวนขนาดใหญ่ แผ่คลุมใต้ผืนฟ้ายามราตรี
พลังปราณมวลมหาศาลกลายเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ พุ่งกระฉูดเข้าไปในตัวอันหลินพร้อมกับอานุภาพฟ้าดิน!
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ บางคนถึงกับคนขยี้ตาไม่ได้ บางคนถึงขั้นยกมือกุมอก ราวกับว่ามุมมองบางอย่างได้รับการกระทบกระเทือน
ม่อไห่พูดอย่างตะลึงว่า “ใครก็ได้บอกข้าทีว่ามันเรื่องอะไรอีกแล้ว”
หลู่เจียจื้อกะพริบตาปริบๆ “มันชัดเจนไม่ใช่หรือ ศิษย์น้องอันหลินทะลวงขั้นแล้ว…”
ม่อไห่ร้องเสียงหลง “ข้าไม่ได้ตาบอด! ข้าหมายถึงว่าเขาทะลวงขั้นได้อย่างไร!”
หลู่เจียจื้อพูดอย่างเหม่อลอยว่า “แน่นอนว่ารับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดการหยั่งรู้ ถึงได้บรรลุในอึดใจเดียว ข้าเป็นแค่ปลาเค็ม เจ้าถามข้า ข้าก็ตอบได้เท่านี้…”
ม่อไห่ “…”
“ศิษย์น้องอันหลินจะบรรลุระดับแปลงจิตขั้นกลางสินะ บรรลุระดับนี้ตั้งแต่อายุยี่สิบทำลายสถิติของสำนักวิหคชาดแล้ว ท่าทางอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักวิหคชาดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา” หยางหยวนเอ่ยยิ้มๆ
จี้หย่งฟาง “ไม่จริง เรื่องหลอกลวงทั้งนั้น…”
พลังปราณของอันหลินไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าเป็นเพราะน้ำหนักของอันฉีหลินขึ้นถึงสองชั่ง ภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงได้เลื่อนขั้นสำเร็จ เตรียมใจมานานแล้ว สีหน้าจึงนิ่งเฉยอย่างยิ่ง
เหล่าผู้อาวุโสสำนักวิหคชาดแม้จะมากด้วยประสบการณ์ แต่ก็อดคิดว่าเหตุการณ์นี้เข้าใจได้ยากเช่นกัน
พิธีกรของพิธีนี้อย่างผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานหันหน้าไปพูดกับจูหยวนโจวว่า “ผู้อาวุโสจู บุคลากรที่เจ้าหามาน่าตะลึงเกินไปแล้วกระมัง เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน สำนักวิหคชาดทั้งเบื้องบนเบื้องล่างล้วนแต่ตกตะลึงเพราะเขา”
จูหยวนโจวหน้าแดงก่ำ ลูบเคราสีแดงพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โธ่ คู่ครองของหลานสาวข้าไม่ยอมหยุด มักชอบก่อแต่เรื่องใหญ่ ครั้งหน้าข้าจะให้เขาเก็บสงวนท่าทีสักหน่อย!”
เฉินซิ่นหราน “…”
หลานเยียนเบิกตากว้าง จ้องอันหลินที่กำลังทะลวงขั้นแล้ว จิปากชมเปาะว่า “เสี่ยวหลาน เจ้าต้องระวังตัวแล้ว ต่อไปอันหลินคนนี้อาจมีผีเสื้อมากมายมาดอมดมนะ”
สวีเสี่ยวหลานกลอกตาใส่หลานเยียนแล้วมองชายหนุ่มกลางแท่นพิธีต่อ ในใจเจือความหดหู่
อันหลินวิ่งไวปานนี้ นางตามทันได้ยากเหลือเกิน
ไม่นานพลังปราณของอันหลินก็ทลายประตูของระดับแปลงจิตขั้นกลาง เข้าสู่ระดับแปลงจิตขั้นกลางอย่างเป็นทางการ!
พายุหมุนปราณกลางนภาหายไปแล้ว แต่แสงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลับไม่จางหาย
อันหลินว่างไม่มีอะไรทำ จึงกินยาวิญญาณมังกร ยาเซียนขั้นเจ็ดหนึ่งเม็ด
ยาวิญญาณมังกรเป็นยาเซียนที่เขาได้มาหลังสังหารราชินีอ้านเย่ สามารถเพิ่มพลังจิตวิญญาณของผู้ใช้ได้ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระดับแปลงจิตได้อีกด้วย เขากินตอนนี้เหมาะสมพอดี
เม็ดยาเป็นสีขาวแวววาว พลังแห่งวิญญาณมังกรแผ่เป็นริ้วคลื่น และมีเสียงมังกรคำรามดังรอบๆ เป็นระยะๆ
ลูกศิษย์สำนักในจัตุรัสมองออกในปราดเดียวว่านั่นเป็นปรากฏการณ์ที่มีเฉพาะในยาเซียน จากนั้นพวกเขาก็เห็นอันหลินกลืนเข้าไปสบายๆ แล้วนอนลงบนแท่นพิธี
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนตาร้อนแล้ว เพลิงศักดิ์สิทธิ์ดุจสายธาร ทะลวงขั้นเหมือนกินข้าว กินยาเซียนเป็นลูกกวาด… อย่ามีความสุขขนาดนี้ได้ไหม อย่าทำให้สะเทือนใจได้ไหม!
“ศิษย์น้องอันหลินสมคำร่ำลือจริงๆ วีรกรรมในสรวงสวรรค์ของเขาตอนแรกข้าไม่เชื่อ ตอนนี้เริ่มเชื่อแล้ว”
“กรี๊ด…ข้าตื่นเต้นนัก พรุ่งนี้ข้าจะไปขอยันต์ส่งสารกับเขา!”
“พวกเจ้าว่า เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน”
“ให้ตายสิ! เจ้าไม่พูดข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย สิบนาทีเป็นอย่างต่ำ!”
“ข้าคำนวณเวลาดูแล้ว สิบแปดนาทีแล้ว…”
“เวลาเป็นหกเท่าของมายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูง อืม รังแกกันจริงๆ…”
ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานทำหน้าปวดใจ พูดกับบุรุษข้างกายอีกครั้งว่า “ผู้อาวุโสจู อันหลินคนนี้น่ากลัวจริงๆ เมื่อใดจะจบสิ้นกันเนี่ย!”
ใบหน้าของจูหยวนโจวก็ฉายความลำบากใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะดูดซึมแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากไปหน่อยแล้วจริงๆ
…
ขณะที่ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตวิจารณ์กันเซ็งแซ่ หงส์ขาวในทะเลปราณของอันหลินก็แผดร้อง เสร็จสิ้นการแปรสภาพ อานุภาพเพิ่มอบอวลไปทั่วทะเลปราณ เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวที่พรั่งพรูเข้ามาไม่หยุดก่อตัวเป็นปุยเมฆสีขาว ลอยอยู่เหนือทะเลปราณ สงบสันติ ไม่มีท่าทีของเปลวเพลิงเลยสักนิด
คล้ายว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะสัมผัสได้ เสาแสงสีขาวเริ่มหดตัวช้าๆ เล็กลงเรื่อยๆ
ลูกศิษย์และผู้อาวุโสเห็นดังนั้นต่างก็พากันโล่งใจ การชำระล้างครั้งนี้สิ้นสุดสักที!