ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 434 ทำไมคนที่เจ็บปวดเป็นข้าเสมอ
อันหลินมองแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ หดตัวหายไป หยัดกายลุกขึ้นช้าๆ แล้วบิดขี้เกียจ
จัตุรัสค่อนข้างเงียบงัน ผู้คนแทบจะลืมหายใจและปรบมือ เพียงแค่เหม่อมองอันหลินอยู่แบบนั้น ดุจกังวลว่าอันหลิน ยังมีอะไรทำให้พวกเขาตกใจอีก
อันหลินแย้มยิ้ม คำนับลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตกับผู้อาวุโสทั้งหลายในจัตุรัสอย่างตั้งใจ ถึงลงจากแท่นพิธีด้วยคว วามรู้สึกที่ยังไม่ค่อยหนำใจ
จบแล้วเหรอ
บรรดาลูกศิษย์ถึงได้สติ บรรยากาศในจัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ฮือฮาในพริบตา ลูกศิษย์หลายหมื่นปรบมือแสดงความยินดี บา างคนถึงขั้นตะโกนเรียกชื่ออันหลินดังลั่น
ถึงอย่างไรอันหลินก็เป็นลูกศิษย์สำนักวิหคชาด เป็นคนกันเอง แม้พวกเขาจะอิจฉาริษยาอยู่บ้าง แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยั งแสดงความยินดีและความตกใจของตนอย่างไม่ตระหนี่อยู่ดี
อันหลินไปหาพวกม่อไห่ รำพันอย่างพึงพอใจว่า “ประโยชน์ในครั้งนี้นับว่าไม่เลว”
หลู่เจียจื้อหน้ากระตุกยิกๆ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ขอร้องล่ะ…อย่างเจ้าเรียกว่าประโยชน์เหนือธรรมชาติแล้ว! ห หากเรียกว่าไม่เลว งั้นข้าก็กลายเป็นยากจนข้นแค้นไปแล้วสิ”
ม่อไห่มองอันหลินด้วยความนับถือพลางเอ่ยว่า “ตอนแรกเจ้าบอกว่าจะบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าภายในสิบปี ข้านึ กว่าเจ้าแค่เก๊กตามปกติ แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว เจ้าเป็นพี่ชายของข้าแท้ๆ เลย สุดยอด! วันใดได้ดีแล้ว อย่าลืมข ข้าละ!”
อันหลินยิ้มร่า “ไม่ต้องห่วง ต่อไปพี่จะดูแลเจ้าเอง!”
ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คนที่สี่ จี้หย่งฟาง เชิญขึ้นแท่นพิธี!”
ครั้นจี้หย่งฟางได้ยิน หัวใจก็สั่นสะท้าน ตื่นจากภวังค์ของความล้มเหลวเมื่อก่อนหน้านี้
เขามองอันหลินแวบหนึ่ง ความเจ็บใจอย่างรุนแรงบังเกิดขึ้น แต่ไม่มีความคิดอยากต่อต้านใดอีก
เขาเดินไปยังแท่นพิธี เดิมทีควรเป็นช่วงเวลาที่ทุกสายตาจับจ้อง แต่ลูกศิษย์รอบข้างยังคงวิจารณ์เรื่องอันหลินอ อยู่ จดจ้องอันหลินที่อยู่นอกแท่นพิธีไม่หยุดหย่อน
จี้หย่งฟางกัดฟันปล่อยมายาเพลิงวิหคชาดออกมา มันเป็นขนนกสีแดง บ่งบอกว่ามันเป็นชั้นกลาง เป็นเช่นเดียวกับหลู่ เจียจื้อ
เหล่าลูกศิษย์ที่มุงดูก็ไม่แสดงสีหน้าแปลกใจมากนัก เพราะจี้หย่งฟางอยู่แค่ในระดับแปลงจิตขั้นต้น ต่อให้ใช้อาวุ ธลับที่พิเศษ ก็ยากจะเอาชนะอสูรระดับเพลิงสวรรค์ได้ ดังนั้นขนนกชั้นกลางก็สมกับความสามารถของเขาแล้ว
เสียงวิจารณ์ในจัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เงียบลง นี่เป็นการให้เกียรติต่อลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนัก
ทุกคนต่างก็มองไปยังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ รอคอยการกระตุ้นของเพลิงศักดิ์สิทธิ์
จี้หย่งฟางก็มองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความประหม่าเช่นกัน ภาวนาในใจไม่หยุดว่าต้องยอมรับตน มิเช่นนั้นจะแพ้ยับเยิน นอย่างแท้จริง…
ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือไม่ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวกลางอากาศแลดูเซื่องซึม ราวกับว่าหมดเรี่ยวแรง หลังผ่านการรบครั้งใหญ่
คลื่นมหัศจรรย์ลูกหนึ่งมาเยือนโดยพลัน ดูดขนนกหงส์ไฟชั้นกลางลอยขึ้นฟ้า หลอมเป็นหนึ่งกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์
จี้หย่งฟางกำมือแน่น ร่างกายสั่นระริก ในใจดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
สำเร็จแล้ว ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!
ผู้อาวุโสจี้บนที่นั่งผู้อาวุโสก็พรูลมหายใจเบาๆ ยังดีที่ลูกชายของตนไม่ทำให้อับอายขายหน้า
เมื่อขนนกหงส์ไฟผสานกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แสงสีขาวก็เริ่มลอยไปหาจี้หย่งฟาง
แสงสว่างเหมือนควันขาว ค่อยๆ แนบไปตามผิวหนังของจี้หย่งฟาง เริ่มสลายไปในสิบวินาทีให้หลัง
จี้หย่งฟางตัวแข็งทื่อ
ทั้งจัตุรัสเงียบสงัด
ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนต่างก็เบิกตากว้าง จ้องจี้หย่งฟางกลางแท่นพิธีด้วยความตะลึง
“ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม เขาใช้ขนนกชั้นกลางไม่ใช่หรือ ทำไมแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ส่องแค่สิบวินาทีก็สิ้นแล้วล่ะ ค ควรยาวถึงหนึ่งนาทีไม่ใช่หรือ!”
“ส่องไม่กี่วินาทีไม่พอ อีกทั้งปริมาณของแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถ่ายทอดต่อหนึ่งหน่วยของเวลาก็ดูจะน้อยเป็นพิเ เศษ”
“เมื่อมองเช่นนี้ ดูเหมือนจะมีแค่ขนนกชั้นล่างที่เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้กระมัง”
“ขนนกชั้นล่างหรือ ฮะ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นขนนกชั้นล่างในสำนัก…”
“ศิษย์พี่จี้ที่น่าสงสาร...”
…
ผู้อาวุโสจี้บนที่นั่งผู้อาวุโสตบโต๊ะอย่างแรง “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!”
ผู้อาวุโสที่เหลือก็มองหน้ากันด้วยท่าทางงุนงงเช่นกัน
สุดท้ายผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานก็กระแอมเบาๆ ชี้แจงด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังว่า “พวกเจ้าไม่เห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห หรือ แสงสว่างค่อนข้างหม่นหมอง อาจเพราะผลาญพลังเพลิงมากไปตอนช่วยอันหลินหล่อหลอมพลังเพลิง เหนื่อยล้าเกินไป จึง งเกิดสถานการณ์เช่นนี้”
คำพูดของเฉินซิ่นหรานกระจายไปทั่วจัตุรัสประหนึ่งสายธาร หากพูดว่าอธิบายให้ผู้อาวุโสจี้ ไม่สู้พูดว่าชี้แจงให้ก กับลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิต
ลูกศิษย์ทั้งหลายทำหน้าตะลึงงัน อธิบายเช่นนี้ได้ด้วยหรือ
แต่ฟังแล้วกลับสมเหตุสมผลเหลือเกิน!
จี้หย่งฟางก็ได้ยินคำแถลงไขของเฉินซิ่นหรานเช่นกัน หัวสมองดังวิ้ง
ดวงตาของเขาเลื่อนลอย พึมพำว่า “ทำไมเป็นแบบนี้…ทำไมเป็นแบบนี้…ทำไมคนที่เจ็บปวดถึงเป็นข้าเสมอ…”
ไม่รู้ว่าเพราะร้องไห้จนชินหรือไม่ น้ำตาสองสายไหลออกจากตาอีกครั้ง หยุดไม่ได้เลย
เขามองอันหลินด้วยความโกรธแค้น ตวาดลั่นว่า “เป็นเพราะเจ้า! ทำไมปัญหาที่เจ้าสร้าง ไยต้องให้ข้ามารับเคราะห์แท ทนด้วย ข้าบริสุทธิ์!”
อันหลินกลอกตา คร้านจะพูดกับจี้หย่งฟาง
ม่อไห่กลับถอนหายใจอย่างเศร้าโศก “เฮ้อ…ศิษย์พี่จี้ ท่านเลิกยืนบื้ออยู่ตรงนั้นได้แล้ว ได้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ น้อยไปหน่อย บ่งบอกว่าท่านโชคไม่ดี ในฐานะของศิษย์น้องข้าเสียใจยิ่งนัก! แต่ไม่ใช่ของท่านถึงอย่างไรก็ไม่มีทาง ได้มาครอง รีบลงมาเถอะ!”
ตอนแรกลูกศิษย์ทั้งหลายยังเห็นใจจี้หย่งฟางอยู่บ้าง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของม่อไห่ กลับหัวเราะอย่างควบคุมตัว วเองไม่ได้ เพราะมันเป็นถ้อยคำที่จี้หย่งฟางพูดกับอันหลินก่อนหน้านี้
จี้หย่งฟางฟังคำพูดของม่อไห่กับเสียงหัวเราะของลูกศิษย์บางส่วน ได้รับการกระทบกระเทือนอีกครั้ง โมโหจนหน้ามืด แทบ บจะสลบเหมือด
เขากัดฟันเดินโซเซลงจากแท่นพิธี ถลึงตาพูดกับม่อไห่อย่างเจ็บแค้น “เจ้าก็อย่าดีใจไวไปหน่อยเลย เพลิงศักดิ์สิท ทธิ์เซื่องซึม เจ้านึกว่าเจ้าจะรอดพ้นหายนะหรือ คนต่อไปเป็นเจ้า ข้ารอดูเรื่องสนุก!”
สีหน้าของม่อไห่ชะงัก ดีใจไม่ออกอีกแล้ว
คุณพระ! จี้หย่งฟางพูดได้มีเหตุผลนัก ทำอย่างไรดี!
เขานิ่วหน้ามองอันหลิน “สหาย ข้าซวยเพราะเจ้าแล้ว!”
มุมปากอันหลินกระตุกยิกๆ เงยหน้าขึ้นนับดาว แสร้งทำเป็นหูทวนลม
จี้หย่งฟางยิ้มหยัน “เหอะๆ ศิษย์น้องอันหลินทำร้ายผู้อื่นไม่เบาเลยจริงๆ เห็นแก่ตัว คิดแต่จะดูดซึมแสงเพลิงศักดิ สิทธิ์ กลับทำร้ายอัจฉริยะสำนักวิหคชาดที่อยู่ข้างหลังอย่างพวกเรา!”
เขาจงใจใช้วิชาเซียนขยายเสียงอีกครั้ง ให้คำพูดดังทั่วจัตุรัส
ลูกศิษย์ทั้งหลายรู้ว่าจี้หย่งฟางตั้งใจเล่นงานอันหลิน ต่างก็แสดงท่าทีต่อต้านด้วยความไม่พอใจ
แต่ก็มีบางส่วนที่เงียบงำ เพราะคำพูดของจี้หย่งฟางก็มีเหตุผลพอสมควรเช่นกัน แม้อันหลินจะควบคุมการถ่ายทอดพลังงาน นของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่หากกล่าวจากผลลัพธ์แล้ว ก็กระทบต่อการดูดซึมพลังเพลิงของลูกศิษย์อัจฉริยะข้างห หลังจริงๆ
เสียงของผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานดังขึ้นอีกครั้ง “คนที่ห้า ม่อไห่ เชิญขึ้นแท่นพิธี!”
ม่อไห่ยิ้มบางๆ ตบไหล่อันหลินปุๆ “สหายข้าเป็นคนดีมีเมตตา จะไม่โทษเจ้าแล้วกัน เพราะเจ้าทำให้จี้หย่งฟางร้องไห้ สองครั้ง ข้าดีใจมาก ฮ่าๆ ๆ…”
อันหลิน “…”
จี้หย่งฟางแน่นหน้าอก เลือดอัดอั้นอยู่ในใจ
ม่อไห่เดินไปยังแท่นพิธี ปล่อยขนนกหงส์ไฟชั้นสูงออกมา
เพลิงศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นขนนกเพลิงอีกครั้ง จากนั้นเขมือบ
ม่อไห่ที่เห็นภาพนี้พรูลมหายใจ อย่างน้อยก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวแล้ว ได้ปริมาณแสงของขนนกชั้นกลางหรือขนนกชั้นล่าง งก็ไม่เลวทั้งนั้น
เพลิงศักดิ์สิทธิ์สว่างโชติช่วง สาดแสงสีขาวให้กับม่อไห่
ลำแสงทำให้ร่างของม่อไห่ถูกเสื้อสีขาวปกคลุมหนึ่งชั้น พลังเพลิงที่ยิ่งใหญ่เข้มข้นอย่างยิ่งหลั่งไหลเข้าสู่ร่า างกายของเขาไม่หยุด
ม่อไห่กะพริบตาปริบๆ ค่อนข้างอึ้ง เหมือนว่าปริมาณจะเยอะไปสักหน่อย
ลูกศิษย์ที่เหลือก็เห็นปัญหานี้เช่นกัน ปริมาณพลังเพลิงของม่อไห่เหมือนของหยางหยวน ไม่มีเค้าว่าจะอ่อนแรงแต่อ อย่างใด
อันหลินแย้มยิ้ม ตนไม่ได้ทำให้ม่อไห่เดือดร้อนก็ดีแล้ว
ทางด้านจี้หย่งฟางกลับตะลึงงัน อ้าปากอีกครั้ง
สุดท้ายระยะเวลาของการถ่ายทอดแสงสีขาวก็ดำเนินอยู่สามนาที จึงค่อยๆ สลายไปช้าๆ
อืม ไม่ต่างอะไรกับปริมาณแสงพลังเพลิงของหยางหยวนเลย ปกติดีมาก!
จัตุรัสตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ปกติมาก แต่สีหน้าของทุกคนกลับตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ผู้อาวุโสจี้นวดหว่างคิ้วพลางเอ่ยว่า “ไยปกติแล้วล่ะ มีคนเล่นงานลูกชายข้าหรือ”
เฉินซิ่นหรานสูดหายใจลึก “เพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้พักผ่อนสักระยะ คงจะดีขึ้นแล้ว แสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้จึง งกลับมาเป็นปกติ”
วาจาของเขากระฉ่อนทั่วจัตุรัส
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนได้ฟังก็คิดว่าไม่มีปัญหา มีเหตุผลอย่างยิ่ง!
จี้หย่งฟางนิ่งงันกับที่อีกครั้งเมื่อได้ฟังคำชี้แจงของเฉินซิ่นหราน สมองดังวิ้ง
ดวงตาของเขาเลื่อนลอย มองม่อไห่สลับกับเงยหน้ามองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ งึมงำว่า “ทำไมเป็นแบบนี้…ทำไมเป็นแบบนี้ …ทำไมคนที่เจ็บปวดมักเป็นข้าเสมอ…”
ความน้อยใจล้นเหลือพรั่งพรูเข้ามาในใจ เขาร้องไห้อีกแล้ว นัยน์ตาแดงก่ำ ร้องไห้งอแงเหมือนเด็กอ้วนคนหนึ่ง