ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 435 วิกฤตไม่คาดฝัน
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตปรบมือโห่ร้องพร้อมกัน ยินดีกับม่อไห่ที่ดูดซึมแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ
จากนั้นลูกศิษย์มากมายก็มองจี้หย่งฟางด้วยความเห็นใจ จ้องตัวละครที่เป็นตำนานเพราะโศกนาฏกรรมคนนี้
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์ซึมเซาเฉพาะตอนที่เขาขึ้นแท่นพิธี โชคร้ายมากจริงๆ”
“ตอนแรกข้ายังรู้สึกแย่ที่อันหลินดูดซึมเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากไป เป็นเหตุให้ศิษย์พี่ม่อไห่ไม่ได้รับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ จากที่ดูตอนนี้ รู้สึกดีขึ้นเยอะโขแล้ว…”
“นี่ เจ้าคิดเช่นนี้ จะให้ศิษย์พี่จี้คิดอย่างไร”
“เขาร้องไห้ต่อหน้าลูกศิษย์หลายหมื่นคนสามครั้งแล้ว น่าเวทนาสิ้นดี”
“ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ม่อไห่บอกว่าศิษย์พี่จี้ขี้แยอันดับหนึ่งของสำนักวิหคชาด ข้ายังไม่เชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้วจริงๆ!”
“ระดับความน่าเวทนาแบบนี้ แทบจะเทียบเท่าศิษย์พี่ซ่างกวนอี้แล้วกระมัง”
“ใครว่าไม่ใช่เล่า พวกเราจะต้องอดทนให้ได้ ห้ามหัวเราะเขาอีก”
“ได้ พวกเราค่อยหัวเราะพรุ่งนี้…”
…
จี้หย่งฟางได้รับความกระทบกระเทือนต่อเนื่อง ตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ไม่กล้าโต้เถียงกับอันหลินอีก เพียงหวังให้พิธีการนี้สิ้นสุดโดยไว จากนั้นรีบไปจากที่นี่ให้เร็ว!
ผู้อาวุโสจี้กลับจ้องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความจดจ่อยิ่ง แต่สัมผัสอะไรไม่ได้เลย
สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจส่ายหน้า เบือนสายตามองที่อื่น
ม่อไห่กลับไปหาอันหลิน ใบหน้าคล้ายกำลังกลั้นขำ เอ่ยปากว่า “สหาย นายมันแน่จริงๆ ดูสิศิษย์พี่จี้ถูกเจ้ารังแกเป็นอย่างไรไปแล้ว คิดว่าเขาคงจดจำเจ้าไปชั่วชีวิตแล้วละ!”
อันหลินกลอกตาใส่ม่อไห่ “โทษนี้ข้าไม่รับนะ ตั้งแต่ต้นจนจบข้าไม่ได้ทำอะไรเลย เขาทำตัวเองทั้งนั้น อย่ามาโยนความผิดให้ข้า”
จี้หย่งฟางได้ยินคำนี้ก็ตัวเซเล็กน้อย เดินห่างออกไปอีกหลายก้าว
ม่อไห่หัวเราะอย่างชั่วร้าย “แบบนี้สิสุดยอดที่สุด”
ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานแห่งสำนักวิหคชาดก็พูดเสียงดังลั่นอีกครั้งว่า “คนที่หก ซ่างกวนอี้ เชิญขึ้นแท่นพิธี”
“ศิษย์พี่ซ่างกวนอี้ สู้เขา!” อันหลินพูดให้กำลังใจ
“ผ่อนคลายสักหน่อย เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจมากนัก” หลู่เจียจื้อก็พูดเช่นกัน
ซ่างกวนอี้พยักหน้าให้พวกอันหลินเล็กน้อย นางเตรียมใจล้มเหลวมาตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ใบหน้าจึงไม่มีความกังวลมากนัก เยื้องย่างชดช้อย ก้าวไปทางแท่นพิธีอย่างเงียบงัน
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตก็เริ่มจับจ้องไปที่หญิงสาวชุดขาวคนนี้
หากพูดว่าอันหลินกับจี้หย่งฟางทำให้แตกตื่นทั้งจัตุรัสเหนือความคาดหมายของพวกเขา เช่นนั้นซ่างกวนอี้ก็คงเป็นปรมาจารย์ด้านความประหลาดใจที่อยู่ในความคาดหมาย เหล่าลูกศิษย์คิดว่าหากไม่เกิดเหตุอะไรสักหน่อยกับซ่างกวนอี้ มันจะไม่ค่อยปกติเท่าใดนัก
แม้แต่ผู้อาวุโสในตำแหน่งก็จดจ้องหญิงสาวบนแท่นพิธี เตรียมพร้อมต่างๆ นานาแล้ว
“ผู้อาวุโสเซียว อากาศเป็นอย่างไร มีคลื่นพลังงานที่ผิดปกติหรือไม่”
“ไม่มี อากาศในรัศมีร้อยลี้ปกติดี ไม่พบพลังงานผิดปกติ”
“ผู้อาวุโสจู ตรวจพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยเข้าใกล้หรือไม่”
“มีอสูรสามตัวเคลื่อนไหวในรัศมีสี่สิบลี้ แต่ถูกข้าเผาจนวอดวายแล้ว”
“ผู้อาวุโสหลิว…”
…
ซ่างกวนอี้ปล่อยขนนกหงส์ไฟชั้นสูงที่ได้มาออกไป จากนั้นก็แหงนหน้ามองเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหนือศีรษะดุจอุบาสิกาผู้เลื่อมใสศรัทธา
ลูกศิษย์ทั้งหลายอดกระซิบกระซาบกันไม่ได้
“พวกเจ้าว่าศิษย์พี่ซ่างกวนอี้จะได้การยอมรับจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
“คาดได้ยาก นางเคราะห์ร้ายมาตลอด…”
“อีกอย่างใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้เสียหน่อย แก่นแท้ของนางไม่มีวาสนาต่อธาตุไฟเลยสักนิด ร่างกายเช่นนี้จะได้รับการถ่ายทอดของแสงพลังงานเพลิงจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร”
“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ อุบัติที่เกิดขึ้นกับนางมีน้อยหรือ หากเป็นดั่งที่พวกเราคาดไว้ เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าอุบัติเหตุแล้ว ฉะนั้นครั้งนี้ศิษย์พี่ต้องทำได้แน่นอน!”
“ต่อให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็ไม่มีทางเป็นไปในทางที่ดีกระมัง…”
“เช่นนั้นจะมีเหตุไม่คาดฝันอะไรได้อีก เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะถูกนางแช่แข็งหรือไง”
…
ในตอนนั้นเอง ลูกไฟสีขาวบริสุทธิ์ก็สั่นระริกเบาๆ พลังเพลิงที่กลั่นกรองทุกสรรพสิ่งเริ่มแผ่กระจาย
พลังงานเส้นหนึ่งลอยลงมาจากนภา เริ่มกระตุ้นมายาเพลิงวิหคชาดให้ลอยขึ้นฟ้า จากนั้นถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เขมือบ!
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนตาลุกวาว ความคิดที่ตื่นเต้นมากประการหนึ่งผุดขึ้นในใจ ‘ซ่างกวนอี้…ทำสำเร็จแล้ว!’
บัดนี้ซ่างกวนอี้ปานบงกชสีขาวที่งดงามเบ่งบานกลางท้องฟ้ายามราตรี
นัยน์ตาของนางแดงเรื่อ หัวใจปั่นป่วนอย่างรุนแรง แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
กี่ปีมาแล้วที่นางเฝ้าคอยบางสิ่งตลอดมา พยายามมุ่งสู่บางอย่างเสมอ…
นางรักสำนักวิหคชาดยิ่งกว่าผู้ใด และต้องการใช้วิชาอาคมธาตุไฟกว่าทุกผู้ทุกคน
มาวันนี้ ในที่สุดนางก็ได้การยอมรับจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้ว! การสาดทอของแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทำให้พลังงานเพลิงขุดลอกเส้นชีพจร รวมพลังเพลิงในทะเลปราณ จากนั้นจะสามารถใช้วิชาธาตุไฟอย่างแท้จริง!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเริ่มเคลื่อนไหว เตรียมจะปล่อยแสงพลังงานเพลิงสีขาวแล้ว
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เปลวไฟของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ลุกโชน แสงสีขาวมหาศาลส่องท้องฟ้ายามราตรีให้สว่างโร่ประหนึ่งทิวาวัน
จากนั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นกระบี่ยาวร่วมพันเมตร ลอยอยู่บนฟากฟ้า
ทุกคนตะลึงงัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ร่างอรชรของซ่างกวนอี้เซ ในใจเกิดความรู้สึกขมขื่นเป็นระยะๆ ทำไมถึงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่ได้
ผู้อาวุโสยี่สิบกว่าคนในที่นั่งผู้อาวุโสชะงักงัน ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมเพรียง ปราณทั่วสรรพางค์กายปะทุ มหาศาลและเหิมเกริมอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสสิบคนในนั้นบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว พลังปราณที่น่ากลัวเหล่านั้นผสานกันเพียงพอจะถล่มผืนฟ้าแล้ว
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนทิศทางไปยังตำแหน่งหนึ่งของเวหา แล้วพุ่งออกไป
ครืน
กระบี่เปลวไฟสีขาวทอดผ่านนภาประดุจดาราจักร ตัดท้องฟ้าเป็นสองซีกยาวกว่าร้อยลี้!
ประชาชนกว่าครึ่งในแดนไป๋หัวต่างก็เห็นลำแสงกระบี่ที่น่ากลัวเส้นนี้ มันเจิดจ้าพร่างพรายยามรัตติกาล ไร้เทียมทานปานนั้น ราวกับว่าจะแผดเผานภาลัยทั้งผืนให้วอดวาย
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนต่างก็ตะลึงงัน ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในใจอันหลินสั่นสะท้านอย่างกระวนกระวายทันใด ดุจว่ามีพลังงานที่น่ากลัวอย่างมหันต์กำลังเข้ามาใกล้
เขาชักกระบี่พิชิตมารออกมาเงียบๆ เพ่งสายตามองตำแหน่งหนึ่งของนภา
แสงกระบี่สลายไป ทุกหนแห่งที่อานุภาพย่ำผ่านจะแตกออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ยิ่ง มีเลือดสีน้ำเงินค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ กลิ่นหอมที่เจือกลิ่นคาวอบอวลไปทั่วอากาศ
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์วิหคชาดสมคำร่ำลือจริงๆ แค่หนึ่งการโจมตีก็สังหารอสูรมิติของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์ข้าได้ แต่มันก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี…”
เสียงที่แฝงด้วยอานุภาพมหาศาลดังขึ้น ชวนให้เกิดความรู้สึกศิโรราบเมื่อได้ฟัง สุระเสียงที่สูงส่งเช่นนี้ ราวกับว่านอกจากนางแล้ว ใต้หล้าล้วนเป็นเพียงมดตุ่นกระจ้อยร่อย
รอยแยกค่อยๆ ลุกลามออกไป จากไม่กี่สิบจั้งในตอนแรก กลายเป็นรอยแยกสีดำมหึมากว้างสิบกว่าลี้
เมื่อมองไป ก็เป็นเหมือนรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ของเวหาที่ถูกพลังมหาศาลตัดให้ขาดสะบั้น
“ทุกท่านแห่งสำนักวิหคชาด ขอยืมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช้สักหน”
เสียงเย็นชาอีกหนึ่งเสียงดังขึ้น แฝงด้วยอานุภาพอันน่ากลัวยิ่งเช่นกัน เพียงแต่อ่อนวัยกว่าเล็กน้อย
เมื่ออันหลินได้ยินเสียงนี้รูม่านตาก็หดตัว นิ่งงันไปอีกครั้ง ในใจเกิดความระส่ำระสาย
คุณพระ! ทำไมเป็นพวกเขาอีกแล้ว!