ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 436 ปีศาจบุกฐาน
แม้ลูกศิษย์หลายหมื่นคนจะโง่เง่าปานใด บัดนี้ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า สำนักของพวกเขาถูกอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เพ่งเล็งเข้าแล้ว!
ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานฮึดฮัดในลำคอ เปล่งเสียงประหนึ่งสายฟ้าคำรามทันทีว่า “ช่างใจกล้าเสียจริง แม้แต่สมบัติล้ำค่าประจำสำนักของข้ายังกล้าเพ่งเล็ง เห็นสำนักวิหคชาดเรารังแกได้ง่ายหรือ!”
ครืน
ค่ายกลสีแดงมโหฬารเริ่มปรากฏให้เห็นเหนือยอดไม้ ปกคลุมเวหาในรัศมีหลายสิบลี้โดยสมบูรณ์
พลังของลูกศิษย์มากเหลือคณานับถูกชักนำให้รวมกันที่ค่ายกล
พญาหงส์สีแดงที่มีขนาดมหึมาตัวหนึ่งก่อตัวกลางค่ายกล กางปีกหลายลี้ บดบังท้องนภาทั้งผืน
เปลวไฟอันไม่สิ้นสุดทะลักออกจากร่างกายของพญาหงส์ ทำให้ท้องฟ้าบิดเบี้ยว กลายเป็นลูกคลื่นมือฟ้ามัวดินพุ่งใส่รอยแยกดำทะมึนนั่น
“เป็นเพราะสำนักวิหคชาดของพวกเจ้ารับมือได้ยาก ฉะนั้นเราจึงมา”
หญิงสาวที่มีรัศมีสีน้ำเงินปกคลุมทั่วกายจนเห็นโฉมหน้าไม่ชัดเจนก้าวออกจากรอยแยก
นางห่มชุดจักรพรรดิสีทอง หัวสวมมงกุฎ ด้านหลังแผ่แสงดาราสีน้ำเงิน ความหนาวเหน็บดุจพยากรณ์แห่งสวรรค์ ปกคลุมไปทั่วหล้า ทำให้หิมะโปรยปราย กำราบเปลวไฟของพญาหงส์อย่างสิ้นเชิง
มือขวาของนางกำราชลัญจกรเก่าแก่อันหนึ่ง มือซ้ายคว้าเปลวไฟพิโรธอันท่วมท้นที่ถาโถมเข้ามา
แกรก…
ลูกไฟนับไม่ถ้วนถูกแช่แข็งกลางเวหาประหนึ่งเป็นวัตถุของแข็ง ดุจรูปสลักน้ำแข็งอันงดงาม จากนั้นก็ค่อยๆ ระเหยหายไปช้าๆ
ในตอนนั้นเอง มังกรน้ำแข็งเก้าเศียรยาวหลายร้อยจั้งก็เริ่มเหาะออกมาจากรอยแยก ทุกเศียรล้วนแผ่ไอปราณที่น่ากลัวสุดแสน
เชือกสีทองด้านหลังของพวกมันลากจูงบัลลังก์น้ำแข็ง ด้านบนมีหญิงสาวที่เลอโฉมถือคทาสีขาวนั่งอยู่ ดวงตานิ่งเฉยของนางทอดมองหลายหมื่นชีวิตบนพสุธา ใบหน้าไม่บอกอารมณ์ ปานน้ำแข็งที่ยืนยงมานับหมื่นปี
มีหญิงผมเงินหลายร้อยคนถือคมน้ำแข็งยืนอยู่ข้างหลังนาง ทุกคนล้วนแต่แผ่กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ยวดยิ่ง
ม่อไห่เบิกตากว้าง อุทานว่า “คุณพระ! พวกนี้เป็นสาวหิมะทั้งนั้นเลยสินะ ทำไมแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์วิ่งโร่มาแย่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเราเสียได้ ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง!”
สีหน้าของหยางหยวนถมึงทึง เอ่ยขึ้นมาว่า “สังฆราชินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ รวมถึงองค์หญิงกว่าครึ่งของสามสิบหกตำหนักศักดิ์สิทธิ์…สุดยอดพลังแทบจะเคลื่อนไหวกันทุกคน สำนักวิหคชาดของเราลำบากเสียแล้ว…”
อันหลินจ้องสาวหิมะบนท้องนภาไม่วางตา พูดไม่ออกเช่นกัน
สาวหิมะเหล่านี้กำเริบเสิบสานขึ้นทุกวัน ช่วงก่อนยังเฮโลไปชิงคนที่สำนักเซียนหมื่นชีวิตอยู่เลย ตอนนี้กลับแห่กันมาแย่งเพลิงที่สำนักวิหคชาด ช่วยหยุดยั้งกันหน่อยไม่ได้หรือไง!
“ไหนๆ ก็มาแล้ว เช่นนั้นก็อยู่เสียเถอะ เทพลงทัณฑ์แห่งสรวงสวรรค์จวนมาถึงแล้ว พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่…” เสียงที่กึกก้องกว้างไกลดังขึ้นโดยพลัน
จากนั้นเปลวไฟสีทองมหาศาลก็เริ่มแผ่คลุมท้องฟ้า ฝ่ามือกว้างหลายลี้คู่หนึ่งครอบสาวหิมะหลายร้อยชีวิต กลายเป็นกรงขังเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงยิ่ง ผนึกพลังเหมันต์ทั้งปวง
“หัตถ์ผนึกฟ้า ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งลงมือแล้ว!”
ลูกศิษย์สำคัญบางส่วนเห็นเหตุการณ์กลางเวหา เอ่ยด้วยดวงตาที่ลุกวาว
บรรดาลูกศิษย์ที่ตื่นกลัวกับพลังของสาวหิมะบนท้องฟ้าต่างก็ฮึกเหิมกันระนาว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนในใจ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกวางใจ
ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งเป็นบุคคลในตำนานแห่งสำนักวิหคชาด เป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งระดับรวมมรรคาตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว
ชื่อเสียงบารมีของเขาสูงกว่าเจ้าสำนักมากโข เป็นเข็มสยบทะเล[1]แห่งสำนักวิหคชาด
ขอเพียงมีเขาอยู่ สำนักวิหคชาดจะไม่มีทางแพ้พ่าย! ยิ่งไม่เกรงกลัวศัตรูหน้าไหน!
หญิงสาวที่ถูกรัศมีปกคลุมโยนราชลัญจกรเก่าแก่ในมือขวาใส่ท้องนภา เอ่ยเสียงเรียบว่า “เทพลงทัณฑ์ของสรวงสวรรค์พวกเราต้านทานไม่ไหวก็จริง แต่ข้าถ่วงเวลาของพวกเขาได้ ในระยะเวลานี้ ข้าทำอะไรได้ตั้งมากมาย…”
“ตราจักรพรรดิ ฝุ่นแยกอนุภาค!”
ครืน
ฟ้าดินมืดลงทันใด อานุภาพที่เปิดฟ้าแปรตะวันแผ่คลุมพื้นที่ในรัศมีร่วมร้อยลี้ จากนั้นหลุดออกไปจากแผ่นดินนี้ในพริบตา!
อันหลินรู้สึกว่าโลกหมุนขึ้นมาทันที ต่อมาพบว่าอยู่ในมิติที่ขมุกขมัวแห่งหนึ่งแล้ว ที่นี่ไม่มีแสงดาว ไร้ทิศทาง มีเพียงความสลัวตราบนิรันดร์!
“สังฆราชินี! เจ้าอาจหาญผลาญพลังของตราจักรพรรดิเช่นนี้ ชะตาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์เจ้าไม่เอาแล้วหรือ!” เสียงที่เจือโทสะของซือถูเฟิ่งดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกินการควบคุมของเขาแล้ว
“แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์อยู่ในชายขอบของความพินาศแล้ว เพื่อกอบกู้แดนศักดิ์สิทธิ์ แม้ผลาญชะตาแว่นแคว้นที่มีมาหลายพันปีจะมีอะไรให้เสียดาย” แสงดาราสีน้ำเงินด้านหลังสังฆราชินีขยายใหญ่ขึ้น ความหนาวเหน็บมวลมหาศาลมาเยือน พลังสีครามลุกลามไปทั่วทุกสารทิศ ทุกพื้นที่ที่ผ่านล้วนแข็งตัว
ชายหนุ่มที่สวมชุดแดง ผมขาวโพลน ใบหน้ากลับงดงามคนหนึ่งปรากฏกายกลางอากาศ ยื่นมือออกไปคว้าราชลัญจกรเก่าแก่ที่ลอยกลางหาว
ฝ่ามือส่องแสงทองโชติช่วง ประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่สว่างเจิดจ้าท่ามกลางมิติอันขมุกขมัว ชนโครมเข้ากับราชลัญจกร
คาดไม่ถึงว่าพลังที่สามารถแช่แข็งเวลาจะโผล่มากะทันหัน โอบล้อมราชลัญจกรไว้ ทำให้ฝ่ามือของชายคนนั้นเข้าใกล้ไม่ได้เลย
ครืน…
หัตถ์เพลิงกับพลังของราชลัญจกรชนกัน พลังสีทองที่น่ากลัวกระจายออกไปทั่วทุกหนแห่ง เพียงพอจะหลอมทุกสรรพสิ่งในรัศมีสิบลี้ให้ละลาย
บัดนี้ จู่ๆ ต้นไม้เทวะใต้จัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องแสงสีขาวระเรื่อ หักล้างคลื่นพลังลูกนั้น ปกป้องลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตของสำนักบนพสุธา
“เคลื่อนไหวเถอะ”
สังฆราชินีกล่าวเสียงเรียบ สั่งการแล้วเท้าย่ำอากาศ เป็นฝ่ายเดินไปหาซือถูเฟิ่งเอง
มังกรน้ำแข็งเก้าเศียรเริ่มกระโจนใส่พญาหงส์พิทักษ์ค่ายกล ทั้งสองเปิดฉากสู้รบโรมรันแล้ว
สังฆราชินีที่ถือคทาสีขาวเท้าย่ำอากาศ เดินไปหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์ทีละก้าว
“เจ้าสำนักจูซวี่เจ๋ออยู่ในแดนมรณะเพลิงปีศาจ กลับมาเร็วๆ นี้ไม่ได้ พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“แดนศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่มีเจตนาจะสู้รบ เพียงอยากยืมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักท่านสิบปี สิบปีให้หลังย่อมประคองมาคืนด้วยสองมือ อีกอย่างจะมอบไขกระดูกจักรพรรดิชดเชยให้ ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคิดเห็นอย่างไร” นัยน์ตาของเมิ่งจือจ้องมองเฉินซิ่นหรานพลางพูดนิ่งๆ
อันหลินมุมปากกระตุกยิกๆ เมื่อได้ฟังบทพูดนี้
ครั้งก่อนฉวยจังหวะที่เจ้าสำนักเซียนหมื่นชีวิตถูกสังฆราชินีควบคุม ปรมาจารย์เก็บตัวบำเพ็ญบุกมาถึงถิ่น
ครั้งนี้ฉวยโอกาสที่เจ้าสำนักวิหคเซียนอยู่ต่างแดนกลับมาไม่ได้บุกมาถึงถิ่น…
สาวหิมะเหล่านี้เหมาะสมกับฉายาปีศาจบุกฐานอย่างแท้จริง บุกจู่โจมฐานจนติดเป็นนิสัยแล้ว!
“พับผ่าสิ บุกมาถึงถิ่นแล้ว ยังจะต่อความยาวสาวความยืดกับสตรีพวกนี้ไปทำไม!”
เฉินซิ่นหรานยังไม่ทันพูดจา ผู้อาวุโสจูก็บันดาลโทสะ ออกปากด่าสาดเสียเทเสีย
เมิ่งจือไม่สนใจคำพูดของผู้อาวุโสจู แต่จับจ้องไปที่เฉินซิ่นหราน รอคำตอบของเขา
ปรมาจารย์ถูกสังฆราชินีควบคุม สุดยอดพลังต่อสู้ของพวกนางมีมากกว่าสำนักวิหคชาด หากจัดการได้ด้วยสันติ นางก็ไม่อยากสู้รบ ยั่วยุบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
เฉินซิ่นหรานยิ้มบางๆ “ไขกระดูกจักรพรรดิล้ำค่าอย่างยิ่ง มูลค่าของมันไม่ด้อยกว่าอาวุธเทวะเลย แต่ว่า เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นความเชื่อของสำนักข้า เป็นกระดูกสันหลังของสำนักข้า! อย่าว่าแต่ยืมสิบปีเลย ต่อให้ยืมหนึ่งวัน ยืมชั่ววินาที พวกเราก็ไม่ยอม! ลูกศิษย์ของสำนักเรายอมรบสักตั้ง!”
“ปกป้องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยชีวิต!”
“ยอมตายไม่ยอมถอย!”
ลูกศิษย์หลายหมื่นคนฮึกเหิม คำรามลั่นพร้อมเพรียงกัน สุ้มเสียงดุจกระแสน้ำไหลบ่า กึกก้องไปทั่วมิติ
ราวกับมีเปลวไฟกำลังแผดเผาร่างของพวกเขา ศรัทธาที่หนักแน่นประการหนึ่งไม่มีวันล่มสลาย เพลิงศักดิ์สิทธิ์ชิงไม่ได้ สำนักยิ่งลบหลู่ไม่ได้!
ความภาคภูมิใจของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่ถอยเด็ดขาด แม้จะประจันหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่
ต่อให้เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ก็จะใช้ร่างกายแผ่รัศมีสุดท้ายออกมา!
[1] เข็มสยบทะเล หมายถึง บุคคลที่มีบทบาทสำคัญ สามารถสยบทุกปัญหาได้