ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 437 ศึกพิทักษ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์
สำนักวิหคชาดไม่มีผู้ใดกลัวสงคราม ความฮึกเหิมมหาศาลก่อตัวเป็นพลังที่มหัศจรรย์ สนับสนุนค่ายกล ทำให้อุณหภูมิรอ อบข้างพุ่งพรวดฉับพลัน
สังฆราชินีเมิ่งจือถอนหายใจเบาๆ ดวงตาฉาบด้วยน้ำแข็งอีกครั้ง ไร้ซึ่งอารมณ์ใดอีกครา
“เริ่มกันเถอะ…”
สิ้นคำพูดเย็นเยือก สาวหิมะผมเงินหลายร้อยคนก็เริ่มพุ่งตัวใส่เพลิงศักดิ์สิทธิ์
“เปิดศึก!” ผู้อาวุโสใหญ่เฉินซิ่นหรานตะโกนลั่น ผู้อาวุโสยี่สิบกว่าคนระเบิดพลังมวลมหาศาล กลายเป็นลำแสงสีรุ้ง ที่บาดตาอย่างยิ่งหลายเส้น คุ้มกันรอบเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ในบรรดาลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิต มีลูกศิษย์เหนือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสองพันกว่าคนเหาะไปหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ที่เหลือที่เหาะเหินไม่ได้ ต่างก็ระเบิดพลังทั้งหมดที่มีหลอมรวมกับค่ายกล ทำให้อาณาเขตของสำนักวิหคชาดกลายเ เป็นดินแดนแห่งเพลิง ชะล้างน้ำแข็งที่จู่โจมเข้ามาไม่หยุดหย่อน
เพลิงศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงอันตราย ปล่อยเปลวไฟสีขาวพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง ก่อตัวเป็นกระบี่สีขาวเล่มหนึ่ง ตวัด ฟันสาวหิมะหลายร้อยคนที่เหาะมา
พื้นที่สลัวแสงถูกแสงกระบี่สีขาวตัดแยกในพริบตา แสงกระบี่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งยิ่ง ฉีกทึ้งและละลายทุกสรรพสิ่ง งที่ขวางหน้ามันได้
เหล่าสาวหิมะสัมผัสกระบี่พิฆาตที่ทลายมิติ ขัดเกลาทุกสรรพสิ่ง สีหน้าต่างก็เปลี่ยนไปไม่น้อย เพราะพลังที่แฝงอยู ในกระบี่เล่มนั้นเหนือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว เป็นพลังที่เทียบเท่ารวมมรรคาแล้ว!
ไม่รู้ว่าเมิ่งจือมาอยู่ด้านหน้าสุดของกองทัพสาวหิมะหลายร้อยคนตั้งแต่เมื่อใด คทาชี้ปราณกระบี่ที่ไร้เทียมทาน น จู่ๆ ก็มีกล่องสีรุ้งขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นข้างหลัง สาดแสงเจ็ดสีโดยพลัน
สายรุ้งเจ็ดสีแฝงด้วยพลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเจ็ดชนิด พลังทุกชนิดล้วนเป็นตัวแทนของพลังยุทธ์ที่แก่กล้า สูงส่งยิ่ง พวกมันถาโถมใส่ปราณกระบี่สีขาว ดูดซับปราณกระบี่สีขาวอย่างสิ้นเชิงประหนึ่งเป็นสำลี จากนั้นลำแสงเจ็ด สีก็ขยายใหญ่อีกครั้ง กลายเป็นภูตเซียนที่แตกต่างกันเจ็ดตนพุ่งใส่เพลิงวิหคชาด!
“เอาแม้แต่ผอบเทพวิธีอันเป็นสมบัติของเจ้าแห่งเหมันต์มาด้วย สมบัติแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองอย่างประทับจักรพรรดิกั บผอบเทพวิถีปรากฏกายพร้อมกัน…” ผู้อาวุโสจี้ทำหน้าตกใจ ความกลัวผุดขึ้นในใจอย่างที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง
เฉินซิ่นหรานไม่พูดไม่จา เสกมังกรเพลิงยาวพันจั้งตัวหนึ่งคอยคุ้มกันเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เขายืนอยู่หน้าสุด มองกองทัพสาวหิมะที่เฮโลกันมาด้วยใบหน้าที่เจือความเด็ดเดี่ยว
มังกรเพลิงพันจั้งตัวนั้นอ้าปากพ่นไฟท่วมท้นนภาที่ก่อตัวเป็นสายธาร พุ่งไปหาสาวหิมะด้วยอานุภาพที่แผดเผาท้อง งฟ้าวอดวาย
ผู้อาวุโสที่เหลือก็พากันพุ่งไปหาสาวหิมะที่บุกเข้ามาเช่นกัน เปิดฉากการจู่โจมที่ดุเดือด เปลวเพลิงเกลือกกลิ้ง ดุจท้องสมุทร กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดหลายสิบลี้กดทับศัตรูทันที
เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบหกล้วนเป็นยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า พวกนางมาพร้อมกับเหมันต์ ไม่กลัวเกรงท ทะเลเพลิงหลายสิบลี้นั่นเลย
มิติทั้งผืนกลายเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็งและอัคคีในพริบตา ฟากหนึ่งเปลวไฟลุกโชน อีกฟากน้ำแข็งปกคลุมสุดลูกหูลูกตา
มีเพียงภูตเซียนมหัศจรรย์เจ็ดตนที่เมินเฉยทุกการโจมตี พุ่งใส่เพลิงวิหคชาดโดยตรง!
ภูตเซียนที่แฝงพลังยุทธ์เหล่านี้เป็นการสำแดงพลังของผอบเทพวิถี ต้านทานการโจมตีจากวิชาอาคมทั้งปวงได้ มีเพียงผ ผู้ดำรงอยู่ที่รวมมรรคาสำเร็จเท่านั้นที่จะโจมตีภูตเซียนเหล่านี้ได้ พวกมันเป็นพลังแห่งการจองจำที่ยิ่งใหญ่ ถู กควบคุมโดยเมิ่งจือ ถึงขั้นว่าสามารถจองจำยอดฝีมือรวมมรรคาที่พลังอ่อนด้อยได้
เฉินซิ่นหรานพยายามโจมตีเมิ่งจือที่ควบคุมผอบเทพวิถี คาดไม่ถึงว่ากลับถูกเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ตามตอแยสุด ชีวิต
ผู้อาวุโสระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเก้าคนก็ถูกเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสามตรึงเอาไว้ ทลายแนวป้องกันไม่ได้ เลยสักนิด
ผู้อาวุโสแปลงจิตกับลูกศิษย์สำคัญที่เหลือก็ร่วมรบกับสาวหิมะแปลงจิตร่วมร้อยเช่นกัน คลื่นลูกหลงทำให้ท้องนภ ภากลายเป็นแดนมรณะอันหนาวเหน็บ
ลูกศิษย์หล่อเลี้ยงวิญญาณสองพันกว่าชีวิตกลับแยกกันเป็นกลุ่มหลายสิบคน กลายเป็นขบวนทัพร่วมโจมตี ต่อสู้กับสาว วหิมะที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่งเหล่านั้น ได้เปรียบกว่าอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ทำอะไรภูตทั้งเจ็ดไม่ได้เลย
พลังใดก็ตามที่จู่โจมภูตเซียน ล้วนจะถูกพลังนิรนามทำให้ว่างเปล่า
อันหลินกางปีกวายุ ใช้กระบี่แห่งสายลมฟันสาวหิมะแปลงจิตคนหนึ่งให้ตกลงพสุธา จากนั้นก็เบนสายตามองเพลิงวิหค ชาดกลางอากาศ
ละแวกเพลิงวิหคชาดกลายเป็นสมรภูมิรบของยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่า ผู้อาวุโสจูกับผู้อาวุโสจี้ก็อยู่ด้วยเช่นกัน น แต่พวกเขาก็ขัดขวางภูตเซียนทั้งเจ็ดให้เข้าใกล้ไม่ได้เช่นกัน
สวีเสี่ยวหลานก็อยู่ไม่ไกลจากเขา กำลังประมือกับสาวหิมะแปลงจิตขั้นกลางคนหนึ่ง
เขตอาคมของนางงดงามนัก ในรัศมีสิบจั้งถูกเปลวไฟเคล้าสายฟ้าโอบล้อม มีมังกรอัสนีแหวกว่ายรอบทิศ มีพญาหงส์สีทอง งบินฉวัดเฉวียนด้านนอก พลังมังกรและพญาหงส์ผสานกัน ทำให้วิธีการโจมตีของนางเปลี่ยนแปลงไม่ขาดสาย และทุกกระบวนท่ าล้วนแฝงอานุภาพอันยิ่งใหญ่
แม้ศัตรูจะเป็นสาวหิมะแปลงจิตขั้นกลาง สวีเสี่ยวหลานก็กำราบได้แน่นอนอยู่ดี
แต่นางก็เหลือบมองเพลิงวิหคชาดกลางอากาศเช่นกัน ความกังวลฉายวาบในดวงตา
ไม่นานพยัคฆ์เปลวไฟตัวหนึ่งก็กระโจนไปยังตำแหน่งของเพลิงวิหคชาด ปล่อยเสาเพลิงให้พวยพุ่งขึ้นฟ้า ตัดขาดพลังทั้ งปวงในรัศมีสิบจั้ง
“ภูตอัคคี ประจำที่”
เต่าภูผาตัวหนึ่งเหาะไปเคียงข้างพยัคฆ์ กลายร่างเป็นขุนเขาใหญ่
“ภูตธรณี ประจำที่”
มังกรวารินสีน้ำเงินตัวหนึ่งพุ่งไปหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไปอยู่ตรงหน้าพยัคฆ์ กลายเป็นเสาน้ำพุ่งขึ้นฟ้า ตัดขาดพลัง งทั้งปวงที่ป้องกันสิบลี้ด้วยเช่นกัน
“ภูตวารี ประจำที่”
น้ำกับไฟประสานกัน ปล่อยเจตจำนงแห่งการกำราบอันน่ากลัว
ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นว่า เปลวไฟของเพลิงวิหคชาดหม่นแสงลงไม่น้อย
สีหน้าของลูกศิษย์สำนักหลายหมื่นชีวิตฉายความเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว ตะโกนพร้อมกับปล่อยพลังในตัว ด้วยหวังว่า จะขับไล่พลังที่หนาวเหน็บให้สิ้นซากได้
สงครามบนท้องนภาดุเดือดยิ่งขึ้น สาวหิมะคนแล้วคนเล่าถูกเปลวไฟแผดเผาจนสูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง และมีลูกศิษย ย์ของสำนักถูกความเย็นแช่แข็ง ลมหายใจดับดิ้นด้วยเช่นกัน
กระบี่สีขาวเล่มหนึ่งลอยอยู่ข้างมังกรวารี เจตจำนงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดพุ่งขึ้นฟ้า เย็นเยือกไร้เทียมทาน
“ภูตทอง ประจำที่”
ภูตต้นไม้สีขาวลอยมาข้างขุนเขาใหญ่พร้อมกับแสงสีเขียว ปล่อยเสาแสงสีเขียวออกมา พลังชีวิตอันเข้มข้นกระจายออกมา แ แผ่ไปทั่วสิบลี้ ทำให้อาการบาดเจ็บของลูกศิษย์สำนักวิหคชาดกับสาวหิมะได้รับการฟื้นฟูไม่น้อยเลย
“ภูติพฤกษา ประจำที่”
เมื่อปัญจธาตุประจำที่แล้ว ค่ายกลวิเศษอันมโหฬารยวดยิ่งก็เริ่มก่อตัวใต้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลังจองจำอันน่ากลัว ทำให้หมื่นเพลิงในหล้าหม่นหมองไปตามกัน ลำแสงของเพลิงวิหคชาดสว่างไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตอนแรกด้วยซ้ำ
จานสีดำปรากฏเหนือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แหวกออกเล็กน้อย ข้างในมืดสนิทลึกล้ำประหนึ่งจะเขมือบทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า
สุดท้ายใจของเฉินซิ่นหรานก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นจานสีดำนั่น มันคือจานรวมอัคคี ศาสตราวุธบรรพกาล! ว่า ากันว่าเป็นศาสตราวุธที่ตกทอดมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ บรรจุเพลิงเทวะทั้งหลาย ผนึกพลังของเพลิงศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง
มันเป็นสิ่งที่สำนักวิหคชาดตามหามาโดยตลอด ไม่คิดว่าจะอยู่ในมือของสาวหิมะ…
หากอาศัยจานรวมอัคคีกับผอบเทพวิถี สาวหิมะสามารถจองจำเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไว้ในจานรวมอัคคี จากนั้นนำไปยังแดน ศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ได้…
เฉินซิ่นหรานทำหน้าตกใจ บีบประคำสีแดงในมือจนแตก เนื้อตัวระเบิดเพลิงสีแดงดุจโลหิต พลังปราณเพิ่มพูนอีกครั้ง ง พุ่งใส่เมิ่งจืออย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์สามคนล้วนถูกเพลิงสีแดงที่พุ่งมาชนกระเด็น ใบหน้าฉายความตกตะลึง
เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งถึงขั้นว่าถูกเปลวไฟสีแดงเผาแขนท่อนหนึ่งให้ละลาย เลือดสีน้ำเงินทะลักออกมา เพล ลิงสีชาดเป็นดังโรคร้ายที่กำจัดได้ยาก กัดกร่อนร่างกายของนางไม่หยุด ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด
เฉินซิ่นหรานพาเพลิงสีชาดที่แผดเผามิติพุ่งไปหาเมิ่งจือที่กำลังควบคุมผอบเทพวิถี กำมือข้างเดียวแล้วปล่อยหม มัดออกไป
ม่านแสงก่อตัวด้านหลังเมิ่งจือ มันเป็นภาพน้ำแข็งที่หมื่นผสกศิโรราบ
นางชี้คทาใส่เฉินซิ่นหราน พลังแห่งความศรัทธาอันไม่สิ้นสุดแผ่ออกจากคทา กลายเป็นไอเย็นเยือกแช่แข็งทุกสิ่งในรั ศมีหนึ่งลี้ รวมถึงเฉินซิ่นหรานที่พุ่งมาก็หยุดนิ่งกับที่เช่นกัน
ใบหน้าของเฉินซิ่นหรานมีความเจ็บใจ เมิ่งจือกลับทำหน้าไร้อารมณ์ ริมฝีปากเย็นเฉียบเปล่งเสียงเบาๆ ว่า “ภูตอัสนี ประจำที่”
ข้างๆ กระบี่สีขาวเล่มนั้น วิหคอัสนีตัวหนึ่งปล่อยเสาสายฟ้าพวยพุ่งขึ้นฟ้า
สัตตธาตุประจำที่แล้วหกธาตุ ลูกศิษย์สำนักส่วนใหญ่ทำหน้าเศร้าสลด แต่กลับทำอะไรไม่ได้
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็เกิดความรู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจ
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสาอัสนีที่พุ่งขึ้นฟ้าก็หันเหทิศทาง ประดุจงูน้ำที่พาดผ่านท้องฟ้า พุ่งเฉียดไหล่เฉิ นซิ่นหรานไปทลายเขตอาคมเหมันต์ กระแทกร่างของเมิ่งจือ
สายฟ้าทิ้งวงโคจรแห่งการทำลายล้างกลางเวหา ชนเมิ่งจือให้ร่นถอยพันจั้ง!
ฟ้าดินเงียบสงัดทันใด ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน
ไม่ว่าจะเป็นสาวหิมะ หรือผู้อาวุโส ลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาดต่างก็จับจ้องไปที่สังฆราชินีเมิ่งจือ
ชุดสีขาวของเมิ่งจือดำเกรียมขาดรุ่งนิ่ง เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะ บางที่ยังมีร่องรอยไหม้เกรียมให้เห็นอยู่ ไรๆ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย
ผมสีเงินของนางโบกสะบัด นัยน์ตาสีทองมองภูตอัสนีตัวนั้นด้วยความฉงนสนเท่ห์
วิหคอัสนีกะพริบตาปริบๆ ใช้ปีกเกาศีรษะด้วยความงุนงง ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตก ตัวเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน