ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 438 เมิ่งจือที่งงเป็นไก่ตาแตก
บรรยากาศพิลึกยิ่งแล้ว เพราะไม่ว่าข้าศึกหรือฝ่ายเราต่างก็งวยงง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เสาอัสนีถึงจู่โจมเมิ่งจือ
สายฟ้าตรงปลายนิ้วอันหลินเริ่มสลายไป ปิดทองหลังพระ
ตอนแรกเขาอยากควบคุมภูตอัสนี แต่ภูตอัสนีมีพลังยุทธ์ คาถาเรียกสายฟ้าควบคุมไม่ได้ จึงทำได้แค่เลือกสิ่งที่รองล ลงมา ควบคุมเสาอัสนีพลังงานของภูตอัสนีแทน
ไม่คิดว่าจะทำร้ายเมิ่งจือได้จริงภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว
สวีเสี่ยวหลานเบนสายตามองอันหลินแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะละสายตากลับไปมองศัตรูตรงหน้า
เฉินซิ่นหรานฉวยจังหวะที่เมิ่งจือถอยกรูด ทลายพันธนาการ หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ ๆ…สวรรค์คุ้มครองสำนักวิหคชาด ผู้หญิ งอย่างพวกเจ้าล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะ!”
ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักวิหคชาดก็พลอยด่าทอตามจูหยวนโจไปด้วย สาวหิมะน่าชังเหลือเกิน และการโจมตีเมื่อสัก กครู่ก็สะใจเหลือเกิน
สีหน้าของเมิ่งจือเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วขมวดมุ่น การพันธนาการของผอบเทพวิถีถูกตัดขาด ผลาญพลังและเวลาของนางม มหาศาล ต้องเริ่มทำการผนึกใหม่ ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ประเด็นอยู่ที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เก กิดขึ้นอีกครั้งจะทำอย่างไร
นางลังเลครู่หนึ่ง ร่างกายแผ่พลังพิศาลดุจทะเลอีกครั้ง
“ภูตอัสนี ประจำที่!”
วิหคอัสนีที่มีสายฟ้าห้อมล้อมกายระเบิดเสาอัสนีพวยพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง อานุภาพสายฟ้าที่น่ากลัวทำลายทุกสรรพสิ่งใน นรัศมีสิบจั้งให้พินาศสิ้น
เฉินซิ่นหรานเห็นดังนั้นใจก็กระตุกวูบ พุ่งไปหาเมิ่งจืออีกครา
แต่หนนี้ เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเหาะไปหาเฉินซิ่นหราน และตรึงเขาไว้อย่างแน่นหนา
ชั่วขณะที่แสงอัสนีพุ่งขึ้นฟ้า ทิศทางของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ดุจกระบี่อัสนีที่แยกฟ้าดินเล่มหนึ่ง ฉีกทึ้งมิติด้วยอานุภาพที่ล้างบางสรรพสิ่ง พุ่งไปฟันเมิ่งจือ!
จู่ๆ ดวงตาของเมิ่งจือก็มีดวงดาราพันหมื่นฉายวาบ ภาพน้ำแข็งที่หมื่นผสกศิโรราบด้านหลังโชติช่วงชัชวาล กลายเป็นม ม่านแสงเจ็ดสีมาขวางด้านหน้า
เปรี้ยง
สายฟ้าฟาดเปรี้ยง พลังงานที่น่าพรั่นพรึงทลายมิติในรัศมีหลายลี้จนเป็นรอยแยกที่ดำทะมึนและลึกล้ำหลายทาง
แต่ม่านแสงเพียงแค่เกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงเท่านั้น ไม่ปริแตกแต่อย่างใด
ร่างมายาสีน้ำเงินของเทพีปรากฏกายด้านหลังเมิ่งจือ ลืมตาที่ครอบจักรวาลขึ้นส่ายตามองทั่วทุกสารทิศ สุดท้ายสายตาจั บจ้องที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง
เทพีเริ่มสลายหายไป นัยน์ตาของเมิ่งจือเริ่มมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น
อันหลินรู้สึกว่าตนถูกเพ่งเล็งแล้ว แข้งขาเริ่มอ่อนเปลี้ย
“เจ้าเองหรือ” เมิ่งจือจดจ้องอันหลิน น้ำเสียงเย็นเยือกประหนึ่งลมหนาว
ครานี้คนส่วนใหญ่ที่กำลังรบราต่างก็ชะงักงัน
พวกเขาเบนสายตามายังอันหลิน ใบหน้าตกตะลึงและอึ้ง
สาเหตุที่การจองจำเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดขาด พวกเขามีข้อสันนิษฐานมากมาย บางคนนึกว่าอาวุธลับในสำนักวิหคชาดทำง งาน บางคนนึกว่าเป็นฝีมือของผู้อาวุโสที่ลึกลับยิ่งใหญ่สักคน แต่แทบจะไม่มีใครคิดเลยว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้อง กับนักพรตระดับแปลงจิตคนหนึ่ง
“สังฆราชินี เข้าใจผิดแล้ว!”
อันหลินมองเมิ่งจืออย่างหน้าตาเฉย ชูมือทั้งสองขึ้นเป็นนัยว่ายอมศิโรราบ
สีหน้าของเมิ่งจือไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยเสียงเรียบว่า “แม้ข้าจะยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเจ้าแน่แท้ แต่จากการอนุมานของเท ทพีน้ำแข็งก่อนหน้านี้ มีเพียงเจ้าที่มีความเป็นไปได้ที่สุด”
นางชี้คทาไปที่อันหลิน ภาพน้ำแข็งด้านหลังพลันยืดยาวพันเมตร พลังโหมซัด สะเทือนทั่วทั้งมิติ
เสาแสงสีขาวพุ่งออกจากคทาของนางทะลุมิติหลายลี้ มุ่งหน้าไปหาอันหลินพร้อมกับปราณล้างผลาญ
เสาแสงสีขาวบดบังแสงสว่างของแดนดิน พลังอันชวนให้สิ้นหวังกระจายไปทุกหัวระแหง ผู้แข็งแกร่งแปลงจิตทั่วไปแตะต้องถึ งตาย มันเป็นพลังที่เพียงพอจะสังหารยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าในพริบตาได้!
“อันหลิน!”
เสียงตะโกนเหลือคณานับดังขึ้น
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า สังฆราชินีเมิ่งจือจะผลาญพลัง ใช้การโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้กับนักพรตแปลงจิตคนหนึ่งอย่าง อันหลิน
ผู้อาวุโสหลายท่านที่กำลังสู้รบเสี่ยงอันตรายที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ปล่อยพลังป้องกันสิบกว่าสายไปตรงหน้าอันหลิน น
ครืนๆ ๆ…
เสาแสงสีขาวดุจกระบี่แห่งการลงทัณฑ์ บุกหน้าปานผ่าลำไผ่ ทำลายพลังป้องกันสิบกว่าสายทีละชั้น
อานุภาพการโจมตีของเมิ่งจือถดถอยไม่ได้ แต่พลังนี้ก็สามารถทำอันตรายยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าได้แล้ว ส่วนนัก กพรตระดับแปลงจิต ก็จะถูกทำลายจนป่นปี้เป็นอนุภาคที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เสี้ยววินาทีนั้น อันหลินหยิบก้อนอิฐแรกกำเนิดออกมากำบัง
จากนั้นเขาก็กระดิกกระเดี้ยไม่ได้อย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเพราะมิติถูกคาถาพันธนาการ
ครืน
เสาแสงทะลวงฟ้าดิน แทงยอดไม้ของต้นเทวะเป็นโพรงขนาดใหญ่ ลึกจนมองไม่เห็นก้น
“อันหลิน!” สวีเสี่ยวหลานเหาะไปหาหลุมนั่นโดยไม่สนสิ่งใด
ผู้อาวุโสสำนักวิหคชาดสีหน้าย่ำแย่เหลือทน ตอนแรกพวกเขายังมีโอกาสขัดขวางการผนึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่คาดไม่ถึงว่ าเมิ่งจือจะลงมือเด็ดขาดเหลือหลาย เป็นเหตุให้อันหลินตาย พวกเขาไม่มีโอกาสอำลาครั้งสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ
เมิ่งจือใช้การจองจำของผอบเทพวิถีถูกขัดจังหวะทั้งสองครั้ง ตอนนี้ผลาญพลังปล่อยการโจมตีอีกครั้ง สีหน้าเริ่มซีด ดเซียวแล้ว แต่เพื่อเพลิงวิหคชาดแล้ว ขจัดปัจจัยไม่คาดฝันทั้งปวงทิ้งไป ทำถึงขั้นนี้คุ้มค่าแล้ว
นางจ้องเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ภูตอัสนี ประจำที่!”
เปรี้ยง
เสาแสงอัสนีพุ่งทะลุนภา พลังพันธนาการแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ลำแสงของเพลิงวิหคชาดหม่นแสงลงทุกที
ภูตวายุที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ล่องหนมาหาวิหคอัสนี พายุหมุนสีขาวเริ่มแผ่ออกจากร่างกายของมัน ยาวขึ้นเรื่อยๆ สุ ดท้ายเป็นดั่งงูน้ำที่เชื่อมต่อฟ้าดิน ขยับเรือนร่างที่ทำลายทุกสรรพสิ่ง
“ภูตวายุ ประจำที่”
“เทพวิถีจองจำ ทำงาน!”
คทาของเมิ่งจือเปล่งแสงสีขาวสว่างไสว ปล่อยพลังงานที่มหาศาลไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง
ผอบสีรุ้งแผ่คลื่นเจ็ดสีพุ่งทะลุมิติ หลอมรวมกับร่างของภูตเซียนทั้งเจ็ด
ภูตเซียนเริ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้า ภาพมายาของสตรีที่สวมชุดสีรุ้งปรากฏกลางเวหา
นางสูงร่วมพันจั้ง ไอปราณที่เปี่ยมด้วยอานุภาพเทพวิถีแผ่คลุมทั่วมิติ ทำให้ทุกคนล้วนเกิดความรู้สึกไร้กำลังต้ านทาน ราวกับว่าเบื้องหน้าพวกเขาเป็นเทพเจ้าที่สูงส่งยวดยิ่ง
สตรีผู้นั้นคือเจ้าเหมันต์ บรรพชนผู้บุกเบิกแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์!
เจ้าเหมันต์ยื่นมือไปหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้วกำเล็กน้อย
ชั่ววินาทีที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์อันขาวบริสุทธิ์ลุกโชน ถูกพลังที่น่ากลัวบีบอัดจนกลายเป็นลูกไฟทรงกลมสีขาว
ลูกไฟสีขาวถูกชักนำ จึงเริ่มลอยไปหาจานรวมอัคคีกลางท้องฟ้า
นี่เป็นขั้นสุดท้ายแล้ว การหยิบยืมพลังของเจ้าเหมันต์สิ้นเปลืองพลังงานยิ่งนัก เมิ่งจือกัดฟันกรอด กระตุ้นผอบเทพวิ ถีสุดชีวิต
ในตอนนั้นเอง เสาแสงอัสนีที่เชื่อมต่อฟ้าดินเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง ประดุจกระบี่ตัดนภา ฟาดใส่เมิ่งจือด้วยพลังทำลา ายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
เปรี้ยง
สายฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลปะทุ เปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นทะเลอัสนี กระแทกเมิ่งจือกระเด็นออกไปหลายลี้อีกครั้ง!
สำนักวิหคชาดกับสาวหิมะเงียบงันอีกหน จ้องเมิ่งจือด้วยความตะลึง
กระบี่ที่เจิดจ้าดุจหิมะของเมิ่งจือดำเกรียมบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ชุดสังฆราชินีขาดรุ่งริ่ง ควันดำผุดออกจากร่างกา าย มองดูสิ้นท่าอย่างยิ่ง
ใบหน้าที่งามสะคราญเปื้อนคราบเลือด กวาดสายตามองรอบๆ ด้วยความงุนงง สุดท้ายจดจ้องไปที่หลุมดำนั่น ตรงนั้นมีหญิงสาว วรูปงามคนหนึ่งกำลังประคองชายหนุ่มที่บาดเจ็บสาหัสอยู่
ชายหนุ่มชูนิ้วกลางให้นาง เสียงก้องทะลุชั้นเมฆ “สาวหิมะสวะ! ทำกับนักพรตแปลงจิตอย่างข้ารุนแรงปานนี้ นอกจากรัง งแกคนอ่อนแอกว่า ใช้กำลังข่มเหงแล้วยังทำอะไรเป็นอีก!”
“ไม่ว่าวิหคอัสนีนกโง่นั่นจะปล่อยเสาอัสนีอีกกี่ครั้ง อันหลินคนนี้ก็จะทำให้มันฟาดเจ้าเอง!”
สำนักวิหคชาดกับกองทัพสาวหิมะได้ยินคำพูดของอันหลิน ต่างก็อึ้งงัน
เมิ่งจือโมโหจนแน่นหน้าอก เผยอปากน้อยๆ อยากโต้กลับไป แต่พบว่าไม่มีคำศัพท์อะไรเลย และไม่เหมาะสมกับฐานะ ทำได้เ เพียงยืนโกรธเกรี้ยวกลางอากาศ ไฟโทสะในดวงตาคล้ายว่าจะแผดเผาอันหลินให้วอดวาย
สาวหิมะหลายร้อยชีวิตดุจเห็นตัวประหลาด จ้องอันหลินไม่วางตา ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“อะ…อหังการ!” ม่อไห่สรรหาคำอื่นมานิยามไม่ได้แล้ว
“ที่แท้อันหลินก็เป็นบุคคลที่สุดยอดแบบนี้นี่เอง…” หลู่เจียจื้อพึมพำ
“อันหลินต้องชนะ!”
“สำนักวิหคชาดต้องชนะ!”
จู่ๆ ลูกศิษย์หลายหมื่นคนก็ตะโกนให้กำลังใจดังสะเทือนเลือนลั่น ความฮึกเหิมแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
พวกเขาเหิมฮึกจนตาแดงก่ำ ชั่วขณะที่จวนปราชัย เป็นอันหลินที่ลุกขึ้นมาจุดไฟแห่งชัยชนะให้พวกเขา และตอบโต้ศัตรู อย่างรุนแรงที่สุด!
ในสายตาของลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิต บัดนี้อันหลินกำลังเปล่งประกาย!