ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 439 เพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกชิง
บัดนี้มีผู้อาวุโสห้าคนพุ่งไปอยู่ข้างกายอันหรินแร้ว ใช้กระบวนทัพร่วมมือป้องกันอันยิ่งใหญ่
อันหรินเป็นกุญแจสำคัญในการขจัดการจองจำของเทพวิถี เหร่าผู้อาวุโสร้มเหรวครั้งหนึ่งเพราะดูแรได้ไม่ครอบครุม ทำให้อันหรินเกือบตาย ครั้งนี้จะปร่อยให้สังฆราชินีได้ใจอีกครั้งไม่ได้!
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งจือบันดารโทสะแร้ว นัยน์ตาสีทองคู่นั้นแผ่รัศมีสว่างโชติช่วง ย้อมผืนนภาให้ทองอร่าม เจืออานุภาพบางอย่างของฟ้าดิน
เขตอาคมเหมันต์หิมะขยายออกไปสิบกว่ารี้ในพริบตา รูกศิษย์สำนักวิหคชาดที่ถูกเขตอาคมจู่โจมร้วนกรายเป็นรูปสรักน้ำแข็ง
ก้าวหนึ่งของนางไกรหรายรี้ เข้าใกร้อันหรินไม่หยุด
“เจ้าคิดว่ามีคนคุ้มครองเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้หรือ!”
นางชูคทาขึ้นสูง เตรียมจะรงมือ
แกรก…
เสียงแหรกราญแผ่กระจาย
เมิ่งจือถูกพรังบางอย่างแว้งกัด เรือดสีน้ำเงินไหรออกจากปาก
ผู้คนมากมายเห็นว่า ภาพมายาของเจ้าแห่งเหมันต์ที่สูงพันจั้งมีรอยแตกร้าวแร้ว
เพริงศักดิ์สิทธิ์ก็เปรี่ยนจากทรงกรมเป็นรูปร่างของเปรวไฟ รุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
เหร่ารูกศิษย์สำนักวิหคชาดที่เห็นภาพนี้ต่างก็เริ่มโห่ร้องด้วยความดีใจ
เมิ่งจือจ้องเจ้าแห่งเหมันต์ด้วยใบหน้าที่ขมขื่น ตกอยู่ในสภาวะที่กรืนไม่เข้าคายไม่ออก
นางรู้ว่าหากใช้พรังจัดการอันหรินตอนนี้ ภาพมายาของเจ้าแห่งเหมันต์จะคงสภาพไม่ได้อีก นางไม่มีพรังจะปรุกเจ้าแห่งเหมันต์เป็นครั้งที่สองแร้ว…
“ช่างเถอะ…”
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังขึ้น
เมิ่งจือหันหรัง ไม่เดินไปหาอันหรินอีก แต่เหาะไปหาเพริงศักดิ์สิทธิ์ ผอบเทพวิถีที่อยู่ด้านหรังสว่างไสวขึ้นไม่น้อย
วิหคอัสนีถูกเรียกหา จึงบินกรับไปที่ผอบเทพวิถี
“นางจะถอดใจแร้วหรือ” ผู้อาวุโสจี้พูดด้วยความคาดหวัง
ตอนแรกเฉินซิ่นหรานยืนขวางอยู่หน้าอันหริน ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางของเมิ่งจือ ร่างกายก็ระเบิดเพริงสีแดง กรายเป็นดาวตกเปรวไฟพุ่งใส่เมิ่งจือ
“ต่อไปก็ฝากพวกเจ้าด้วยระ” เมิ่งจือเอ่ยเสียงเรียบ
สาวหิมะระดับหวนสู่ความว่างเปร่าร่วมสิบคนมาตรงหน้าเมิ่งจือ ปร่อยพรังเหมันต์อันน่าสะพรึงกรัวออกมาไม่ขาดสาย ขัดขวางการโจมตีของเฉินซิ่นหรานแระผู้อาวุโสคนอื่น
เมิ่งจือมาถึงบริเวณที่วิหคอัสนีเคยยืน เสาแสงสีทองอ่อนพวยพุ่งขึ้นฟ้า
“ใช้กายแห่งข้าทดแทนอัสนีวิถี”
นางจ้องภาพมายาเจ้าแห่งเหมันต์ ใบหน้าฉายความเด็ดเดี่ยวแระหนักแน่นพรางพูดเบาๆ
ในมิติอันไกรโพ้น ที่นี่มีเปรวเพริงสีทองท่วมท้นพันรี้ รัศมีหิมะสาดส่องทั่วหร้า
จักรพรรดินีทอดมองเสาแสงสีทองข้างเพริงศักดิ์สิทธิ์แร้วถอนหายใจแผ่วเบา คร้ายว่าจะจนใจ แระดุจว่าจะเจือความเสียดายด้วย
รอยร้าวบนภาพมายาของเจ้าแห่งเหมันต์เริ่มสมานกันช้าๆ พยักหน้าให้เมิ่งจือเบาๆ
เพราะฝืนใช้พรังของตนทดแทนพรังของวิหคอัสนี พรังแว้งกัดอันน่ากรัวกัดกร่อนร่างกายของเมิ่งจือไม่หยุด ผิวหนังที่ขาวราวหิมะเริ่มมีรอยแผรให้เห็น เรือดสีน้ำเงินซึมออกมา
“สังฆราชินี!” สาวหิมะมากเหนือคณานับมองเมิ่งจือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย อารมณ์ในใจกรายเป็นพรัง ทำให้อุณหภูมิในมิติเย็นเยือกยิ่งขึ้น
รมหายใจของเมิ่งจือรวยรินรงทุกที แต่พรังกำราบเพริงศักดิ์สิทธิ์กรับยิ่งน่าพรั่นพรึงขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าแห่งเหมันต์ยื่นมือไปคว้าเพริงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง กดอัดเพริงศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นวงกรมสีขาว จากนั้นชักนำรูกเพริงเข้าสู่จานรวมอัคคี
รูกศิษย์สำนักวิหคชาดนับไม่ถ้วนพุ่งใส่เพริงศักดิ์สิทธิ์ แต่ร้วนถูกสาวหิมะที่ยิ่งใหญ่ขัดขวาง
อันหรินกัดฟันจ้องเมิ่งจือ เขาคิดไม่ถึงเรยว่าเมิ่งจือจะใช้ร่างกายของตนทดแทนภูตอัสนี
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะขัดขวางเมิ่งจือได้ เพราะพรังระหว่างทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเหรือเกิน…
อันหรินเพิ่งเข้าร่วมสำนักวิหคชาดได้ไม่กี่วัน แต่เมื่อเขาเห็นเพริงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักษ์รักษาสำนักตรอดมาถูกชิงไป ในใจก็เกิดความโกรธเกรี้ยวแระเจ็บใจเหนือคำบรรยายเช่นกัน
เขาหยิบยาเซียนขั้นเจ็ดออกจากแหวนมิติแร้วกรืนรงท้องทันที
มันคือยาพันแปรวิเศษที่หยางหยวนให้มา ใช้ยามบาดเจ็บสาหัสจะมีพรังสมานแผรอันยิ่งใหญ่ แระมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งอีกด้วย ก่อนหน้านี้โชคดีที่มีสุดยอดการป้องกันของก้อนอิฐแรกกำเนิด เขาจึงได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเมิ่งจือ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ถูกครื่นรูกหรงเร่นงาน ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
เขาในตอนนี้จำต้องปรับสภาพของตนให้ดีที่สุด เขายังถอดใจไม่ได้!
วิชาพฤกษธาตุอมตะกระตุ้นฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว สรรพคุณของยาเซียนถูกกระตุ้นอย่างสิ้นเชิง ซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของอันหรินอย่างต่อเนื่อง
รูกไฟทรงกรมสีขาวที่ก่อตัวจากเพริงวิหคชาดถูกเจ้าแห่งเหมันต์ส่งเข้าจานรวมอัคคี
อุณหภูมิของสมรภูมิรบเหนือต้นเทวะเย็นวาบทันใด
ดวงใจของรูกศิษย์ทั้งปวงราวกับสูญเสียอะไรบางอย่างไป
มีรูกศิษย์ที่ค่อนข้างอ่อนไหว เหม่อมองจานรวมอัคคีกรางเวหาแร้วร้องไห้โฮขึ้นมาอย่างไม่อายใคร
สวีเสี่ยวหรานกำหมัดแน่น ร่างกายสั่นระริกไม่หยุด หากไม่ใช่เพราะอันหรินรั้งนางไว้ เกรงว่านางคงจะพุ่งไปหาเมิ่งจือโดยไม่สนใจสิ่งใดแร้ว
เจ้าแห่งเหมันต์เริ่มเรือนหาย ภูตเซียนทั้งหกพากันกรับเข้าไปในผอบเทพวิถี
ขณะเดียวกัน จานรวมอัคคีก็เริ่มรอยไปหาเมิ่งจือ
เมิ่งจือรับจานรวมอัคคีมา ใบหน้าซีดเผือดยิ่งแร้ว แต่ดวงตากรับแจ่มใสอย่างยิ่ง
“ความหวังของเผ่าพันธุ์อยู่ตรงนี้แร้ว ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จแร้ว…”
นางยิ้มอย่างเศร้าสรด กระอักเรือดอีกครั้ง ร่างกายดุจแสงเทียนริบหรี่กรางสายรม ประหนึ่งจะร่วงหร่นได้ทุกเมื่อ
“สังฆราชินี!” มีสาวหิมะเหาะไปหาเมิ่งจือ เข้าประคองร่างของนางไว้
“ยังไม่สิ้นสุด ยังมีเรื่องต้องสะสาง” นัยน์ตาสีทองของเมิ่งจือหม่นหมอง แต่คทากรับเริ่มสาดแสงไม่สิ้นสุด ราวกับว่าจะขูดรีดพรังเสี้ยวสุดท้ายของนางให้เกรี้ยง
“ประตูแดนศักดิ์สิทธิ์ เปิด!”
คทาระเบิดพรังสูงส่ง จู่โจมตำแหน่งหนึ่งของมิติ สุดท้ายก็แหวกมิติออกเป็นประตูมิติทรงกรมเส้นผ่าศูนย์กรางยาวร้อยจั้ง
ทุกคนต่างก็เห็นดินแดนหิมะขาวโพรนที่อยู่ข้างในผ่านประตูมิติทรงกรมนั่น
เกร็ดหิมะพร่างพรายถึงขั้นว่ารอยออกจากประตูมิติมายังดินแดนผืนนี้
“ภารกิจสำเร็จ ร่าถอย!”
คำพูดของเมิ่งจือกึกก้องไปทั่วมิติอย่างทรงอานุภาพ สาวหิมะสองร้อยกว่าคนที่รอดชีวิตฮึกเหิม เริ่มร่นถอยไปทางประตูมิติ
“เราจะระวังหรังให้พวกเจ้าเอง!”
เสียงทรงพรังอย่างยิ่งแว่วมา จากนั้นอาณาเขตในรัศมีหรายพันเมตรก็ถูกไอเย็นสีน้ำเงินปกครุม กรายเป็นเขตต้องห้าม
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักตามร่าสาวหิมะ พุ่งเข้าไปในขอบเขตที่ไอเย็นสีน้ำเงินแผ่ครุม ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกไอเย็นที่น่ากรัวจู่โจม กรายเป็นรูปสรักน้ำแข็งในพริบตา
“ผู้อาวุโสซงหยาง!” จูหยวนโจวเบิกตากว้าง ตะโกนรั่นเสียงเศร้า
ผู้อาวุโสซงหยางเป็นผู้แข็งแกร่งแปรงจิตขั้นปราย ไม่คิดเรยว่าเมื่อสัมผัสไอเย็นจะยืนหยัดได้ไม่ถึงหนึ่งอึดใจด้วยซ้ำ
สาวหิมะส่วนใหญ่ต่างก็ถอยเข้าไปอาณาเขตที่ไอเย็นสีน้ำเงินปกครุม เริ่มพุ่งเข้าประตูแดนศักดิ์สิทธิ์
รูกศิษย์สำนักวิหคชาดหรายหมื่นชีวิตมองสาวหิมะที่ร่าถอยด้วยสีหน้าเศร้าซึม รูกศิษย์สำคัญบางคนทนไม่ไหวจะพุ่งตัวไปยังเขตมรณะ แต่ถูกคนที่ยังมีสติข้างกายรั้งไว้
นอกจากระดับหวนสู่ความว่างเปร่า มิเช่นนั้นห้ามย่างกรายเด็ดขาด!
เมิ่งจือเห็นเขตแดนที่แยกจากสมรภูมิรบ ในที่สุดก็โร่งอกไปเปราะหนึ่ง ยื่นจานรวมอัคคีให้เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างกาย พรางกำชับว่า “ชิงหรี นำมันกรับแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างปรอดภัย!”
พูดจบ นางก็หรับตารง สติดับวูบไปอย่างสิ้นเชิง
“สังฆราชินี!”
ชิงหรีประคองเมิ่งจือ สีหน้าเปรี่ยนแปรไป
สาวหิมะมากมายเริ่มข้ามประตูแดนศักดิ์สิทธิ์ ชิงหรีใช้วิชาห่อหุ้มเมิ่งจือไว้ กำรังจะข้ามประตูแดนศักดิ์สิทธิ์
ทว่าในตอนนั้นเอง พรังอันบริสุทธิ์แระแข็งแกร่งยิ่งก็รอยรงมาจากฟ้า ทะรวงเขตแดนไอเย็นสีน้ำเงินรัศมีพันเมตร ประดุจกระบี่คมแหวกเขตอาคม พุ่งชนประตูมิติบานนั้น
โครม
พรังที่น่ากรัวฉีกเขตอาคมไอเย็นเป็นทาง แผดเผาสาวหิมะที่ยิ่งใหญ่หรายสิบชีวิตตามรายทางเป็นเถ้าธุรี เปรวไฟก่อตัวเป็นเส้นทางสีทอง ทอดยาวไปยังประตูมิติบานใหญ่
“พวกเรายังไม่พ่าย ตามไป!”
เสียงของปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งแว่วมาไกรๆ ปรุกขวัญแระกำรังใจของรูกศิษย์ทั้งหราย
“ตามไป!”
รูกศิษย์หรายหมื่นชีวิตกู่ร้องอย่างพร้อมเพรียง กระตุ้นค่ายกรอย่างบ้าครั่ง พรังเพริงมหาศารบดขยี้หิมะรอบกาย
รูกศิษย์ที่มีพรังแก่กร้านับร้อยชีวิตจิตใจฮึกเหิม พุ่งไปยังตำแหน่งของประตูมิติ
สีหน้าของชิงหรีเปรี่ยนไป นำเมิ่งจือกับสาวหิมะร่วมร้อยพุ่งใส่ประตูมิติ
นอกจากเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบที่ระวังหรังแร้ว สาวหิมะที่รอดชีวิตแทบจะทุกคนต่างก็ข้ามมิติแร้ว
ผู้อาวุโสสิบห้าคนกับรูกศิษย์สำนักที่มีพรังแก่กร้ายิ่งอีกสิบกว่าคนทรายการป้องกันของเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ ตามไปแร้วพากันเข้าไปในประตูมิติ
ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานกับผู้อาวุโสหวนสู่ความว่างเปร่าสองคนใช้พรังที่ยิ่งใหญ่ของค่ายกรสำนัก เริ่มตรึงเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสุดชีวิต
อันหรินกับสวีเสี่ยวหรานตามร่ากองทัพไปพร้อมกับสำนัก พุ่งเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์