ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 440 การไล่ล่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
ดินแดนที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ อากาศที่หนาวเหน็บดุจคมมีดเฉือนใบหน้าของอันหลินไม่หยุด
ดินแดนผืนนี้มีแสงเบาบาง พระอาทิตย์โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า กลับถูกพยับเมฆหนาเตอะหลายชั้นบดบัง
สำนักวิหคชาดตามล่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หลายสิบคนที่ทลายแนวป้องกันมาเยือนดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ กลับไม่พบวี่แววของสาวหิมะ
“พวกนางต้องมีวิชาพรางลมปราณเป็นแน่ มิเช่นนั้นไม่มีทางที่ข้าจะไม่พบร่องรอยของพวกนาง” หนวดเคราผู้อาวุโสจูโบกสะพัดดุจเปลวไฟ เอ่ยเสียงทุ้ม
“ผู้อาวุโสเฉินหลิง ฝากเจ้าด้วย” ผู้อาวุโสจี้พูดพลางมองผู้อาวุโสที่ผมขาวโพลน
ผู้อาวุโสที่แก่ชราคนนั้นพยักหน้าแล้วก้าวออกจากกลุ่มคน
เขายืนตรงกลางของฝูงชน มือกำกระจกบานหนึ่งไว้แน่น
“กระจกฟ้าดิน ดาวดาราไล่ล่า!”
เฉินหลิงเอ่ยนิ่งๆ จู่ๆ กระจกก็ส่องแสงโชติช่วง จากนั้นภาพท้องฟ้าดาราเดียรดาษอันมืดมิดก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน
ในภาพท้องฟ้าดาราเดียรดาษมีแสงดาวสองร้อยกว่าจุดกำลังเคลื่อนย้าย ในนั้นมีดวงดาวหกดวงที่พร่างพรายดุจดวงตะวัน เคลื่อนย้ายไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ดวงดาวเจิดจ้าหกสิบกว่าดวงแยกเป็นยี่สิบกลุ่มก็กำลังเคลื่อนหน้าเช่นกัน ดวงดาวที่หม่นหมองอย่างยิ่งหนึ่งร้อยกว่าดวงแยกกันเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วสี่สิบกลุ่ม
ดวงดาวหกดวงน่าจะเป็นสัญลักษณ์แทนเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ดวงดาวเจิดจ้าหกสิบกว่าดวงแทนสาวหิมะระดับแปลงจิตหกสิบกว่าชีวิต ดวงดาวหม่นหมองหนึ่งร้อยกว่าดวงก็คือสาวหิมะระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ
“ผู้หญิงพวกนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ ด้วย แยกย้ายกันเหาะไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์กันคนละทิศทาง! พวกนางน่าจะคาดเดาได้ว่าเราสามารถตามหาร่องรอยของพวกนางผ่านวิชาอาคมได้ จึงตั้งใจแยกกันเคลื่อนไหว ทำให้พวกเราไม่รู้ว่าจานรวมอัคคีอยู่บนเส้นทางใดกันแน่” ผู้อาวุโสจูโมโหจนหนวดเคราะโบกสะบัด
เฉินหลิงไม่พูดอะไร ยันต์ดาราทั้งหกลอยไปหาผู้อาวุโสหวนสู่ความว่างเปล่าหกคน
ผู้อาวุโสในที่นี้ เมื่อรวมเฉินหลิงแล้ว ก็มีระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเพียงเจ็ดคน
“ฝากพวกเจ้าด้วย แม้จะต้องพลีชีพ ก็ต้องนำเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลับมาให้ได้” เฉินหลิงคำนับเล็กน้อย
ผู้อาวุโสทั้งหกไม่พูดไม่จา เพียงแค่พยักหน้า แต่สีหน้ากลับฉายความเด็ดเดี่ยว
พวกเขากำยันต์ดารา แหวกประตูมิติ เริ่มตามล่าเป้าหมายบนยันต์ดารา
จากนั้นยันต์ดารายี่สิบแผ่นก็ลอยไปหาผู้อาวุโสกับลูกศิษย์คนสำคัญ
สวีเสี่ยวหลานก็ได้รับยันต์ดาราเช่นกัน ด้านบนมีชื่อของสวีเสี่ยวหลานกับอันหลิน
เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าอันหลินกับสวีเสี่ยวหลานจำต้องเคลื่อนไหวพร้อมกัน
อันหลินมองดวงดาวบนยันต์ดาราแวบหนึ่ง มีดวงดาวเจิดจ้าหกดวง บ่งบอกว่าอีกฝ่ายมีระดับแปลงจิตหกคนกำลังเคลื่อนไหว ต้องขอบคุณที่เฉินหลิงเชื่อใจเขากับสวีเสี่ยวหลานเช่นนี้
ครั้งนี้สมาชิกทุกคนต่างก็ได้รับภารกิจ
“ขอร้องทุกท่าน หากว่าเป้าหมายเข้าเมืองศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเราจำต้องล้มเลิกภารกิจ เพราะเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ยี่สิบคนพำนักอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ แม้พวกนางจะออกมาไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนจะมีพลังสะเทือนฟ้าดิน หลังจากนี้ กลุ่มทั้งสี่สิบกลุ่มก็ให้เป็นหน้าที่ข้าแล้วกัน” เฉินหลิงเอ่ยเสียงเบา
หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงดาวมากเหลือคณานับ แสงดาวเหล่านี้ล้วนก่อตัวเป็นรูปร่างของเฉินหลิง มีทั้งสิ้นสี่สิบกว่าร่าง!
อันหลินเพิ่งเคยเห็นคาถาแยกร่างที่ล้นหลามปานนี้ครั้งแรก จึงอดเบิกตากว้างไม่ได้
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าคือ มันเป็นเฉินหลิงสี่สิบร่างที่มีพลังปราณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แหวกมิติแล้วมุ่งหน้าไปตามล่า!
เขาอดไว้อาลัยให้กับสาวหิมะสี่สิบกลุ่มนั้นไม่ได้ เผชิญกับการไล่ล่าของเฉินหลิง พวกนางเรียกได้ว่าตายอย่างไร้ข้อกังขา
เมื่อหยางหยวนเห็นภาพนี้ ในดวงตากลับทอความเศร้าโศก แต่ไม่นานความรู้สึกนั่นก็จางหายไป ขี่กระบี่ลอยขึ้น เริ่มออกตามล่าเป้าหมายบนยันต์ดารา
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็เริ่มเคลื่อนไหว เหาะไปหาสาวหิมะหกคนที่ยันต์ดาราชี้เป้า
อันหลินเพิ่งเคยมาแดนศักดิ์สิทธิ์หิมะเป็นครั้งแรก ทุกหนแห่งที่สายตามองเห็น แผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ขาวโพลน ประหนึ่งเป็นแดนสุขาวดีที่อยู่เหนือโลกีย์
มีภูเขาน้ำแข็งสีขาวทั้งหลายตั้งตระหง่าน ภูเขาหิมะทุกลูกล้วนสูงพันจั้ง โอฬารยิ่งแล้ว
มองเห็นอสูรหิมะขนขาวปรากฏกายเป็นครั้งคราว และมีสาวหิมะที่สวมชุดเบาบางเดินเหินบนพื้นหิมะ
ไอเย็นบาดกระดูกมีอยู่ทุกหนแห่ง หากมนุษย์ที่ไร้พลังยุทธ์อาศัยอยู่ที่นี่ ต่อให้สวมชุดหนาเตอะ ไอเย็นก็ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายได้ แช่แข็งร่างกายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
เกล็ดหิมะที่นี่มีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าแดนจิ่วโจวที่อันหลินอยู่หลายเท่าตัว เมื่อทอดมองไป มองเห็นลวดลายอันประณีตของเกล็ดหิมะ
หลังอันหลินกินยาเซียนแล้ว ผ่านไปอีกสักระยะ อาการบาดเจ็บก็ฟื้นฟูมากกว่าครึ่งแล้ว บวกกับพลังยุทธ์อันแก่กล้าระดับแปลงจิตขั้นกลางของเขา ตอนนี้ความเร็วในการขี่อิฐเหาะเหินเทียบเท่าความเร็วของสวีเสี่ยวหลานที่ขี่กระบี่แล้ว
พวกเขาอยู่ห่างจากเป้าหมายทั้งหกเพียงยี่สิบกว่าลี้เท่านั้น ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังลดลงเรื่อยๆ
อันหลินคาดการณ์ว่าใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที ก็น่าจะตามทัน
ตอนที่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับแปลงจิตขั้นกลาง ยังไม่ทันได้ดูระบบของตัวเองเลย ตอนนี้จึงใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ เริ่มตรวจดูระบบของตัวเอง
แถบพลังยุทธ์มีการอัปเดตใหม่แล้ว
‘ระดับแปลงจิตขั้นปลาย บรรลุเงื่อนไข สวมชุดที่สวยงามให้อันฉีหลิน’
อันหลิน “…”
ใช้ได้นี่นา ลูกเติบโตแล้ว ต้องมีเสื้อผ้ามาปิดน้องชายแล้ว!
แต่ใครบอกเขาได้บ้างว่า อันฉีหลินสวมเสื้อผ้าแบบไหนกันแน่
แล้วเขาต้องทำอย่างไรถึงจะสวมเสื้อผ้าให้อันฉีหลินได้
อันหลินถอนหายใจ ไม่สนใจเงื่อนไขภารกิจที่พิลึกข้อนี้ เริ่มไล่สายตามองแถบบำเพ็ญจิต
ที่นี่นอกจากวิชาอานุภาพกับวิชาญาณทิพย์ มีวิชาบำเพ็ญเพียรเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างคือ ‘วิชาจิตอนุมาน’
‘วิชาจิตอนุมาน บรรลุเงื่อนไข เอาชนะศัตรูระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสองคน’
เมื่ออันหลินเห็นเงื่อนไขของวิชานี้แล้ว สีหน้าก็ชะงักไป จากนั้นก็ไม่มองอีกเลย
เรื่องอย่างเอาชนะศัตรูข้ามขั้นเมื่อก่อนเขาทำไปไม่น้อย ศึกที่เขาอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแต่เอาชนะศัตรูแปลงจิตมีนับไม่ถ้วน แต่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่ากับระดับแปลงจิตกลับไม่เหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างทั้งสองระดับห่างไกลจนน่ากลัว แค่พลังมิติเพียงอย่างเดียวก็ทำให้อันหลินงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว หากจะบอกว่าเป็นร่องน้ำที่ไม่มีวันข้ามได้ก็ไม่เกินไป
ต่อให้เขาอยู่ในระดับแปลงจิตขั้นปลาย ก็ไม่กล้าพูดว่าต่อสู้กับศัตรูหวนสู่ความว่างเปล่าซึ่งหน้าได้
ฉะนั้นวิชาจิตอนุมานนี้ รอให้เขาบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้วค่อยว่ากัน
เขาส่ายหน้าด้วยความเสียดาย ภารกิจทั้งสองที่ระบบอัปเดตใหม่ ดูแล้วเขาไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น จำต้องสลัดทิ้งไปก่อนชั่วคราว
แสงที่ยันต์ดาราบ่งชี้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานทั้งสองก็ห่างจากสาวหิมะไม่ถึงสิบลี้
“ต่อไปเราต้องอำพรางพลังปราณของตัวเอง มิเช่นนั้นหากพวกนางทั้งหกพบพวกเรา เกิดชิงแยกย้ายกันไปก่อน พวกเราจะจัดการได้ยาก” สวีเสี่ยวหลานโพล่งขึ้นมา
พออันหลินได้ยินดังนั้น ก็เริ่มเก็บงำพลังปราณของตัวเอง
ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้หมอกบางปกคลุมตัวเองกับสวีเสี่ยวหลานด้วย สามารถอำพรางการตรวจสอบของวิชาอาคมและพลังจิต
มันเป็นวิธีใช้อีกหนึ่งประการของเหินแปลงหมอก แต่ค่อนข้างผลาญพลังปราณ
ระยะทางใกล้เข้าไปทุกที บัดนี้อันหลินชักกระบี่พิชิตมารออกมาแล้ว นัยน์ตาฉาบประกายเย็นเยือก
ระยะห่างของพวกเขากับสาวหิมะทั้งหกไม่ถึงพันเมตรแล้ว รูม่านตาของสวีเสี่ยวหลานหดตัว ทึ้งชายเสื้อของอันหลินแล้วชี้ไปที่สาวหิมะคนหนึ่งในนั้น
เมื่ออันหลินมองไปที่สาวหิมะคนนั้น หัวใจก็พลันสะดุ้ง
มือของสาวหิมะคนนั้นกำลังถือจานกลมสีทองแดง มันเป็นจานรวมอัคคีที่จองจำเพลิงวิหคชาด!
ในขณะเดียวกัน สาวหิมะที่ถือจานรวมอัคคีก็คล้ายว่าจะสัมผัสได้ จู่ๆ ก็เหลียวหลังมองบริเวณที่อันหลินอยู่ ตรงนั้นมีเมฆหมอกบางๆ