ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 442 การดิ้นรนในทางตัน
หนีเหรอ
ในกำมือของสาวหิมะหวนสู่ความเปล่าที่ครอบครองพลังมิติห้าคน เขาจะใช้อะไรหนี…
สู้เหรอ
ใครบอกเขาได้บ้างว่า แปลงจิตขั้นกลางอย่างเขาควรสู้กับระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนอย่างไร เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์แค่คนเดียวก็สามารถกำราบเขาได้แล้ว เจ้าแห่งวังศักดิ์สิ ทธิ์ห้าคนเข้ามาพร้อมกัน ไม่มีโอกาสจะชนะเลยสักนิด!
อันหลินเข้าใจสถานะในตอนนี้ของตนดี แทบจะเป็นสภาพที่ตายแหงๆ แล้ว
สาวหิมะเหล่านี้ไม่คิดจะใช้วิธีแยกย้ายกันเคลื่อนไหวเลย ลักลอบส่งจานรวมอัคคีกลับเมืองศักดิ์สิทธิ์
พวกนางไม่เคยปล่อยให้จานรวมอัคคีอยู่ห่างจากการควบคุมของสุดยอดพลังเลยตั้งแต่แรก
อุบายนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พลังของพวกนางบรรจบกันได้ด้วยความเป็นไปได้ที่สูงอย่างยิ่ง แต่ยังทำให้พลังของสำนักวิหคชาดแตกกระจาย รอดพ้นจากการไล่ล่าของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงอีกด ด้วย
สวีเสี่ยวหลานมองศัตรูระดับหวนสู่ความว่างเปล่าทั้งห้าคน ใบหน้างามเผือดสีนิดหน่อย เข้ามาหาอันหลินแล้วกระซิบว่า “อันหลิน ขอโทษนะ ข้าทำเจ้าเดือดร้อน”
“เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่เห็นข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาดหรือ”
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน หยิกแก้มที่ขาดสีเลือดของนางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
สวีเสี่ยวหลานจ้องอันหลินแล้วโพล่งขึ้นมาว่า “ได้ตายพร้อมกับเจ้า…ก็รู้สึกไม่แย่”
“พวกเราอาจจะไม่ตายก็ได้” อันหลินปลอบโยน
ใบหน้าของชิงหลีเปื้อนรอยยิ้มบางๆ ถามอย่างนึกสนใจว่า “อ้อ ใครให้ความมั่นใจกับเจ้ากัน ทำให้เจ้าคิดไปเองว่าพวกเจ้าจะไม่ตาย”
ครั้นพูดจบ สาวหิมะระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนก็ปล่อยพลังปราณที่น่ากลัวออกมาพร้อมกัน พลังปราณหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้วพุ่งออกไปหาอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเขาไท่ซานกดทับ แม้แต่ลมหายใจก็เริ่มติดขัด
ร่างอรชรของสวีเสี่ยวหลานโอนเอน เลือดไหลออกจากมุมปาก
ในขณะเดียวกัน ทะเลน้ำแข็งแห่งหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
การต่อสู้ของที่นี่ทำให้ชั้นหิมะในรัศมีหลายสิบลี้ละลาย คลื่นที่ร้อนระอุก่อตัวเป็นคลื่นจู่โจมกระจายไปทั่วทุกสารทิศไม่หยุด
ศูนย์กลางของการต่อสู้มีลูกไฟสีแดงขนาดมหึมาลูกหนึ่ง ลอยอยู่บนฟากฟ้าประดุจดวงอาทิตย์
ผู้อาวุโสสำนักวิหคชาดคนหนึ่งชักนำพลังของลูกไฟสีแดง จู่โจมเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยล่องอยู่ข้างหน้าปานวิญญาณไม่ขาดสาย ทุกการโจมตีล้วนทำให้พสุธาร่วมพันเมตรละลายได้
“ไม่มีใครรอดพ้นเขตอาคมเพลิงของข้าไปได้ เจ้าอย่าเปลืองแรงดีกว่า” ผู้อาวุโสยืนมือไพล่หลัง ร่างกายแผ่พลังเพลิงออกมา เพียงพอจะทำให้ผืนฟ้าถล่ม
ชุดขาวของสาวหิมะฉีกขาด เลือดไหลออกจากมุมปาก ท่าทางสะบักสะบอม แต่ใบหน้ากลับไม่มีความวิตกเลยสักนิด
“หึๆ เจ้านึกว่าข้าจะไร้หนทางถอยแล้วจริงๆ หรือ” รอยยิ้มครึ้มใจฉายบนใบหน้าของสาวหิมะ
ใบหน้าของผู้อาวุโสถมึงทึง “ยังจะปากแข็งอีก”
เขาปล่อยหมัดออกไป เปลวไฟมวลมหาศาลรวมตัว ก่อตัวเป็นหมัดอัคคีใหญ่โตมโหฬาร ปล่อยออกไปหมายกระแทกสาวหิมะ
สาวหิมะถือกระบี่น้ำแข็ง ตวัดฟันหมัดอัคคีที่น่ากลัวด้วยความโกรธา ลำแสงกระบี่เย็นเยือกพุ่งผ่านเวหา เจือพลังทำลายล้างมิติอยู่ไรๆ
พลังทั้งสองชนกันทันใด แรงโจมตีอันยิ่งใหญ่ทำให้ปฐพีในรัศมีหลายลี้ถล่ม สุดท้ายเปลวไฟก็กลืนกินลำแสงกระบี่
สาวหิมะกระอักเลือดถอยกรูดอีกครั้ง แต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มบางๆ “ที่ข้าอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อล่อเจ้ามาที่นี่ แล้วถ่วงเวลาของเจ้าเท่านั้น ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า เจ้าถ ถูกพวกข้าปั่นหัวได้อนาถปานใด ลาก่อนนะ ฮ่าๆ ๆ…”
นางกระตุ้นยันต์สีน้ำเงินด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
ผู้อาวุโสนึกว่านางจะสำแดงวิชาหลบหนีบางอย่าง จึงพันธนาการมิติรอบข้างทันใด
“ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าเคยได้ยินวิชาแลกวิญญาณหรือไม่” สาวหิมะส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปร
นางคร้านจะสนใจผู้อาวุโส จึงกระตุ้นยันต์สีน้ำเงินต่อไป
หนึ่งนาทีผ่านไปแล้ว นางยังอยู่ที่เดิม กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
สาวหิมะ “…”
ไยไม่มีการตอบสนอง เป็นไปไม่ได้!
ขอเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระตุ้นการแลกวิญญาณ ก็จะแลกเปลี่ยนตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตทั้งสองได้ทันที ทำไมถึงไม่ตอบสนอง
ข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งผุดขึ้นในใจสาวหิมะ ทำให้หัวใจของนางเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง
หรือ…สาวหิมะอีกคนที่ปกป้องจานรวมอัคคีตายไปแล้ว
บัดนี้ ผู้อาวุโสรวบรวมลูกไฟมโหฬารเก้าลูก ปล่อยออกไปกระแทกสาวหิมะพร้อมกัน…
อันหลินที่เผชิญหน้ากับเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า ไม่ได้มีสีหน้าสิ้นหวังหรือหมดอาลัยตายอยากแต่อย่างใด แต่กำลังตรึกตรองคิดหาวิธีทำลายอุบายไม่หยุด
“เสี่ยวหลาน เจ้าใช้ความเร็วสูงสุดหนีไป ข้ามีวิธีทำลายพันธนาการมิติของสาวหิมะ เสี้ยววินาทีที่ทลายพันธนาการ พวกนางต้องลำพองใจเป็นแน่ เจ้าหาวิธีติดต่อกับผู้อาวุโสให้ได้ อย่ างน้อยก็ต้องส่งตำแหน่งที่พวกเราอยู่ออกไปให้ได้!” อันหลินลอบส่งกระแสจิต
“ไม่มีปัญหา” สวีเสี่ยวหลานส่งกระแสจิตตอบ
พออันหลินได้รับคำตอบ แหวนมิติก็สว่างวาบ กันดั้มสองตัวปรากฏกลางฟ้าดิน
“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ ขวางพวกนางไว้!”
ขณะเดียวกัน ปีกเพลิงสีทองของสวีเสี่ยวหลานก็กางออกปานพญาหงส์สยายปีก แสงอัสนีปกคลุมทั่วสรรพางค์กาย หลบหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากขมุบขมิบ กำลังร่ายมนตร์บางอย่าง
“นี่น่ะหรือที่พึ่งของเจ้า” ชิงหลียิ้มจางๆ แล้วโบกมือ
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ที่พุ่งใส่พวกนางทั้งสี่กลายเป็นน้ำแข็ง ร่วงหล่นลงพสุธาในพริบตา
หุ่นยนต์ที่เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ ตอนนี้กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงหลี
ครืน
ในตอนนั้นเอง อันหลินก็กางปีกวายุหนีไปทางสวีเสี่ยวหลานแล้ว เนื้อตัวแผ่ไอดำเป็นระลอกๆ รวดเร็วจนมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า พลางซ่อนตะปูสีแดงเล่มหนึ่งไว้ในแขนเสื้อ
สาวหิมะที่มีจานกลมสีขาวลอยอยู่ด้านหลัง ยื่นมือออกไปคว้าอากาศที่อยู่ไกลออกไป
แกรก…
การพันธนการมิติที่ยิ่งใหญ่ทำให้อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานดุจถูกตรึง กระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลย
“หึๆ ช่างเป็นการหลบหนีที่น่าขันเสียจริง…ความเร็วเพียงแค่นี้ของพวกเจ้า ไม่มีความหมายในสายตาข้าเลย” ชิงหลีส่ายหน้ายิ้มๆ นอกจากความดูแคลนแล้ว ใบหน้าไม่มีอารมณ์อื่นเลย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ ตะปูมิติก็เปล่งแสงสว่างไสว!
ลำแสงเส้นแดงเส้นหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับเป็นเส้นโลหิต ทำให้พันธนาการมิติแตกละเอียดเหมือนแก้ว
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานได้รับอิสระในการเคลื่อนไหวอีกครั้ง!
“เป็นไปได้อย่างไร…” สาวหิมะห้าคนต่างก็ชะงัก ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้
และในช่วงเวลาเดียวกัน ลูกไฟสีทองก็พุ่งขึ้นฟ้า!
คลื่นพลังงานอันไร้รูปร่างก็เริ่มกระจายไปทั่วฟ้าดินผืนนี้ผ่านยันต์ส่งสาร
ชิงหลีหน้าถอดสี มายาวิหคเทวะสีเขียวพันจั้งตัวหนึ่งปรากฏกายด้านหลัง แสงสีเขียวปกคลุมรัศมีสิบกว่าลี้
“ชิงอิงตัดแดน!”
พลังอันมหัศจรรย์ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว บดขยี้คลื่นพลังที่ไร้รูปร่างนั่นจนสิ้นซาก!
เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ที่กำประคำขาว ประคำขาวส่องแสงโชติช่วง ร่างกายทะลุมิติ เคลื่อนย้ายตำแหน่งหลายลี้ในชั่วอึดใจ มาโผล่ข้างๆ เปลวไฟสีทองที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าแล้วยื่นมือออก กไปตบ!
พลังแห่งเหมันต์แช่แข็งพันเมตร เปลวไฟสีทองที่อยู่ด้านหน้าสุดกลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไปในพริบตา ไม่มีร่องรอยแม้แต่นิดอีกเลย
“ฟู่…ประเมินพวกเขาต่ำไปเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเกือบจะถูกตบตา…” ใบหน้าของชิงหลีฉายความหวาดกลัว
สวีเสี่ยวหลานเห็นภาพนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนสี กำลังจะร่ายมนตร์เป็นครั้งที่สอง
ขณะนั้นเอง สาวหิมะที่มีบาดแผลที่ช่องท้อง อาการสาหัสคนหนึ่งก็ปรากฏกายตรงหน้านางแล้วปล่อยหนึ่งฝ่ามือออกมา
และเป็นฝ่ามือธรรมดาเรียบง่ายนี้นี่แหละที่ทะลุมิติ ทำลายเปลวไฟและสายฟ้าของสวีเสี่ยวหลานด้วยพลังที่น่ากลัวยิ่งจนแหลกลาญ สะเทือนองคาพยพในร่างกายของนางฉีกขาด!
เลือดอาบย้อมชุดกระโปรง ร่างบางของสวีเสี่ยวหลานร่วงหล่นลงพสุธาอย่างไร้เรี่ยวแรงประหนึ่งเป็นปุยหลิว
ในตอนนั้นเอง สาวหิมะที่ถือประคำขาวกลางเวหาก็ตวัดฝ่ามือตบสวีเสี่ยวหลานด้วย
หัตถ์น้ำแข็งกว้างร่วมพันเมตร บดบังแสงสว่างของท้องฟ้า แฝงด้วยพลังทำลายล้าง ดุจว่าจะบดขยี้หญิงสาวที่ตกลงจากเวหาให้แหลกละเอียด
“สวีเสี่ยวหลาน!”
อันหลินคำรามเสียงเกรี้ยว พลังปราณอนธการทั่วร่างผสานกำลังกับพลังอัสนีของอันฉีหลิน เสื้อคลุมสีทองคลุมกาย พลังปราณพุ่งทะยานอีกครั้ง
นี่เป็นไพ่ตายสุดท้ายของเขา ตอนนี้จำเป็นต้องใช้แล้ว
สายฟ้าระเบิด ร่างกายแหวกอากาศ มาโผล่ข้างๆ สวีเสี่ยวหลานแล้วโอบกอดนางไว้ในบัดดล
“ทลาย!”
เขาตะโกนลั่น กระบี่พิชิตมารพาอัสนีอนัตตาสีทองอันเจิดจ้า ตวัดปล่อยปราณกระบี่สายฟ้าที่ฉีกทึ้งมิติ ลำแสงสีทองกลายเป็นสีสันหนึ่งเดียวของแผ่นดินนี้
ลำแสงกระบี่อัสนีสีทองฟันหัตถ์น้ำแข็งที่อยู่เหนือเวหาด้วยพลังบดขยี้มิติ
พลังทำลายล้างทั้งสองประสานงากัน ทำให้มิติสั่นสะเทือน พายุม้วนตัว
สุดท้ายลำแสงอัสนีสีทองก็ฉีกหัตถ์น้ำแข็ง พุ่งไปหาสาวหิมะที่ถือประคำขาว
สาวหิมะระดับหวนสู่ความว่างเปล่าทั้งห้าคนหน้าถอดสี
ประคำขาวสว่างวาบ ม่านน้ำแข็งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสาวหิมะ
เปรี้ยง
สายฟ้าที่ยิ่งใหญ่ระเบิด ทลายม่านน้ำแข็ง ทำให้สาวหิมะถอยกรูดออกไปหลายร้อยเมตร
สาวหิมะคนนั้นเพิ่งเคยถูกนักพรตระดับแปลงจิตบีบคั้นให้ถอยร่นเป็นครั้งแรก ใบหน้าจึงฉายความโกรธเกรี้ยวโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่แค่นาง ในใจของสาวหิมะอีกสี่คนที่เหลือก็ตะลึงยิ่งนัก
อันหลินอุ้มสวีเสี่ยวหลานหลบหนีสุดชีวิต สาวหิมะที่อาการค่อนข้างสาหัสซึ่งอยู่ใกล้พวกเขาที่สุดได้สติก่อนใคร เงื้อมือแล้วตบร่างของพวกเขาผ่านมิติ
“หัตถ์หิมะโปรยพิฆาตเซียน!”
มีมือใหญ่ที่เจือความเย็นเยือกที่ไม่สิ้นสุดกดลงมา ปกคลุมร่างของอันหลินกับสวีเสี่ยวหลานอีกครั้ง
อันหลินตวัดกระบี่พิชิตมารฟันมือใหญ่ สายฟ้าสีทองระเบิดอีกครา ปล่อยพลังทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่สุดแสนออกไป
แต่ว่าครั้งนี้ เป็นการโจมตีสุดความสามารถของสาวหิมะหวนสู่ความว่างเปล่าที่ใช้เคล็ดวิชาเฉพาะ พลังที่แฝงอยู่ในหัตถ์หิมะโปรยบรรลุระดับที่น่ากลัวอย่างยิ่ง พลังนั่นทำให้อันหลิ นรู้สึกถึงความสิ้นหวัง
หัตถ์หิมะโปรยทลายอัสนีสีทอง จะตบอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินกอดสวีเสี่ยวหลานไว้แนบอก หันหลังให้มือใหญ่ ริมฝีปากของสวีเสี่ยวหลานขยับ อาการบาดเจ็บสาหัสทำให้นางพูดไม่ออก สายตาเริ่มพร่าเลือน น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งออกจากหางตา
ครืน
แผ่นดินสะเทือน หัตถ์หิมะโปรยตบทั้งคู่จนตกลงพื้น อัดพสุธาให้เป็นรอยฝ่ามืออันโอฬาร