ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 443 สังเวยชีวิต
“ไม่คิดเลยว่านักพรตสองคนจะจัดการได้ยากเช่นนี้”
ชิงหลีมองสองคนที่หายใจรวยรินกลางพสุธาที่ทรุดตัว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อันหลินอุ้มสวีเสี่ยวหลาน บาดแผลดุจผิวหนังปริแตกปรากฏทั่วร่างกาย และมีหิมะปกคลุมเหนือพวกเขา ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อันหลินๆ…เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
สวีเสี่ยวหลานเรียกชื่อของอันหลินไม่หยุด น้ำเสียงเคล้าเสียงสะอื้น
เท้าของชิงหลีย่ำอากาศ มายังเวหาเหนือทั้งสอง ทอดมองลงมาจากที่สูง เอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “ตอนนี้ให้ข้ายุติเรื่องทั้งปวงนี้เถอะ ชิงเสินหิมะพิฆาต!”
มายาวิหคเทวะสีครามขนาดพันจั้งปรากฏกลางท้องฟ้าอีกครั้ง วิหคเทวะกระพือปีก ไอสีครามอันพิศาลลอยลงมาจากผืนนภา ทุกหนแห่งที่พ้นผ่านถูกแข็งตัว หิมะโปรยปรายในอากาศถูกกลุ่ม มไอสีครามสัมผัสก็แข็งตัวในพริบตา จากนั้นก็ถูกพลังบางอย่างบดขยี้จนแหลกเป็นอนุภาคที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สวีเสี่ยวหลานมองกลุ่มไอสีครามอันมืดฟ้ามัวดินที่ลอยลงมากก็กอดอันหลินแน่น หลับตาปี๋
ติ้ง
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์กำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามอันใหญ่หลวง ยอมสังเวยชีวิตหนึ่งส่วนห้าหรือไม่ ท่านจะได้รับพลังที่เหนือจินตนาการ บัดนี้ชีวิตสูญหายหนึ่งในห้าแล้ว’
“ตกลง…”
ครืน
กลุ่มไอสีครามแช่แข็งพสุธาในรัศมีหลายลี้จากนั้นทำลายจนป่นปี้ เกิดหลุมขนาดใหญ่ปรากฏเหนือที่ราบน้ำแข็ง น่าพรั่นพรึงใจ
ตอนแรกชิงหลีคิดจะสะบัดแขนเสื้อจากไป แต่ชั่วอึดใจต่อมา ร่างของนางก็หยุดชะงัก เหลียวหลังมองใจกลางของหลุม ใบหน้าฉายความอึ้งงัน
“เป็นไปได้อย่างไร…” เสียงของนางสั่นเครือเล็กน้อย
สาวหิมะทั้งสี่ที่เหลือเห็นสีหน้าของชิงหลีเปลี่ยนไป ก็ข้ามมิติมาใกล้ละแวกหลุม เมื่อมองลงไปสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ศูนย์กลางของหลุมมหึมาที่ลึกหลายสิบเมตร ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังกอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้ มือเปล่งแสงสีเขียว พลังสมานแผลอันยิ่งใหญ่พุ่งทะลักไปที่ร่างของหญิงสาว ฟื้นฟูอาการบาดเ เจ็บภายในร่างกายนาง
“ตกใจหรือไม่” อันหลินถามเสียงเบา
สวีเสี่ยวหลานเม้มปาก ส่ายหน้าเบาๆ น้ำตาสองสายไหลลงจากหางตา สูดจมูกเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ไม่เลย ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเสียหน่อย…”
นางยื่นมือที่ขาวผุดผ่องดุจหยกออกไปลูบหน้าผากของอันหลินอย่างเบามือ “เมื่อก่อนที่เจ้าใช้พลังนี้ หน้าผากมีแค่ร่องรอยเส้นเดียวแท้ๆ ทำไมตอนนี้กลายเป็นสองเส้นล่ะ”
“นี่มันเหลวไหลไม่ใช่หรือไง ใช้กี่ครั้งก็มีร่องรอยกี่เส้นน่ะสิ เจ้าคงไม่ได้ถูกตบจนซื่อบื้อหรอกนะ วิชาสมานแผลของข้าไม่มีสรรพคุณรักษาสติปัญญานะ!” อันหลินพูดอย่างเอือมระอา า
สวีเสี่ยวหลานขำพรืด ใบหน้างดงามดุจบัวน้ำที่ผลิบานในรัตติกาล ผุดผ่องน่าหลงใหล
“แล้วรอยนี่จะวาดกี่เส้นกันแน่”
“ใครจะไปรู้ อาจจะสิบเส้น หรืออาจจะร้อยเส้น…”
“อี๋ วาดอีกไม่กี่เส้นหน้าคงลายหมดแล้ว…”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เจ้าไม่รังเกียจก็พอแล้ว อีกอย่างใช้หลอกพวกศัตรูได้พอดีเลย”
…
ขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้น เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าทั้งห้าคนก็ตื่นจากภวังค์ความตกใจแล้ว
สาวหิมะห้าคนสบตากัน ใบหน้าล้วนแต่มีความเด็ดขาด
“ลงมือพร้อมกัน!” ชิงหลิงพูดเสียงเย็น
“หิมะดาราร่วง!” ใต้ฝ่าเท้าของสาวหิมะที่กำประคำขาวมีภาพน้ำแข็งสีน้ำเงินปรากฏขึ้น เหนือน้ำแข็งมีดวงดาวเล็กกระจ้อยนับพันนับหมื่นดวง ดวงดาวลอยออกจากน้ำแข็ง พุ่งลงไปหาอั นหลินด้วยพลังพิฆาต
“มังกรหิมะสยบการจองจำ!” สาวหิมะที่สองมือเป็นสีน้ำเงินเงื้อมือขึ้นแล้วตบลงไป ชักนำพลังทั้งหมดในร่างกาย วาดมังกรน้ำแข็งขนาดยาวสิบกว่าลี้ตัวหนึ่ง เหาะเหินในอากาศประดุ จจะแหวกทำลายเวหา พุ่งโฉบลงไปหาอันหลินด้วยพลังอันมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด
“กระบี่แสงสุดท้าย” สาวหิมะผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งใช้กระบวนท่าที่เรียบง่ายไม่มีลูกเล่น เพียงแค่ยื่นกระบี่คู่ชะตาสีขาวออกไปเท่านั้น
แต่กระบี่ธรรมดาๆ นี้นี่แหละที่บรรลุระดับคืนสู่สามัญของวิถีกระบี่ แฝงด้วยประกายอันสูงส่ง ตวัดลงมาปานสายฟ้าสีขาวแหวกมิติ หนึ่งกระบี่สะเทือนฟ้าดิน!
สาวหิมะที่บาดเจ็บสาหัสก็เงื้อฝ่ามือแล้วตบลงมาตามมารยาท กลายเป็นหัตถ์หิมะขนาดร้อยจั้ง
วิหคเทวะสีครามด้านหลังชิงหลีกางปีก พุ่งดิ่งลงไปหาอันหลินด้วยอานุภาพมหาศาล!
“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” อันหลินถามเสียงนุ่ม
“ไม่เจ็บแล้ว” สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้าเบาๆ
“งั้นรอข้าหนึ่งนาที” อันหลินยิ้ม
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้า “อืม!”
ม่านแสงสีขาวปกคลุมเหนือร่างของสวีเสี่ยวหลาน อันหลินเหยียบอากาศลุกขึ้น กระบี่พิชิตมารในมือสั่นระริก
“กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่สายลม”
เขาตวัดกระบี่สีดำเบาๆ ใส่การโจมตีอันทลายฟ้าพิฆาตดินทั้งห้า
กระบี่ตวัดลง ลมพัดกระโชก!
ลมที่ไร้สีไร้รูปร่างเป็นดั่งริ้วคลื่นกลางอากาศ ลุกลามไปทั่วทุกหัวระแหงด้วยพลังที่ล้างผลาญทุกสรรพสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตในโลกหล้า
มันเป็นเหมือนสายลมที่พัดโชยหมอกขมุกขมัวให้จางหาย ขจัดสิ่งสกปรกทั้งปวงในอากาศ
มันเป็นดั่งสายลมวสันต์อันอบอุ่น ขับไล่ความหนาวเหน็บทั้งหลายในปฐพี
ดวงดาราที่ตกลงมาเต็มนภาถูกพัดพาไปประหนึ่งสายฝน มังกรสยบการจองจำที่ยาวหลายสิบลี้ยังไม่ทันได้แผดเสียง ก็ถูกพัดเป็นไอน้ำ กระบี่แสงสุดท้ายที่มีประกายไม่สิ้นสุดแหลกละเ เอียดดุจกระจก กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนจากชิ้นส่วนเป็นผุยผง ลอยไปไกลตามสายลม หัตถ์หิมะที่ทรงอานุภาพก็กลายเป็นไอน้ำ วิหคเทวะที่มืดฟ้ามัวดินตกใจจนผงะถอยห หลัง ปรากฏว่าถูกลมพัดจนขนร่วงเกลี้ยง จากนั้นกลายเป็นไอสีครามสลายหายไป
ชั้นเมฆหนาเตอะบนท้องฟ้ามืดสลัวในรัศมีร้อยลี้ ก็มลายไปจนสิ้นด้วยลมโชยระลอกหนึ่ง
แสงแดดสาดส่องทั่วหล้า มอบความอบอุ่นที่ไม่มีมานานนมให้
“ฟู่…อากาศไม่เลวเลย” อันหลินมองแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆ
สาวหิมะระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนรู้สึกเหมือนตนกำลังฝันไป!
“เป็นไปไม่ได้…นี่มันพลังอะไรกันแน่…” ชิงหลีพูดด้วยความตะลึงพรึงเพริด
จากนั้นนางก็กระอักเลือดด้วยสาเหตุที่วิหคเทวะสีครามถูกทำลาย
“พลังนี้เหนือขอบเขตที่ข้าจะเข้าใจได้…ถึงว่าเขาขัดขวางการจองจำของผอบเทพวิถี ทำให้สังฆราชินีบาดเจ็บสาหัสได้ พวกเราประมาทแล้ว ศัตรูที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ต้องอยู่เหนื อระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแน่นอน!” สาวหิมะคนหนึ่งถูกแว้งกัดเพราะกระบี่คู่ชะตาแตกละเอียด เลือดไหลออกจากมุมปาก ใบหน้ามีแต่ความสิ้นหวัง
“ท่านชิงหลี พวกเราถอย…” สาวหิมะที่มือเป็นสีน้ำเงินยังพูดไม่ทันขาดคำ ดวงตาก็เบิกกว้าง รอยเลือดสีน้ำเงินลุกลามจากศีรษะของนางลงมายังท้องน้อย
ไม่รู้ว่าอันหลินโผล่มาด้านหลังสาวหิมะคนนั้นตั้งแต่เมื่อใด หนึ่งกระบี่ตัดลมหายใจ!
เขามาตอนไหน ทำไมไม่มีแม้แต่คลื่นมิติ! สาวหิมะที่เหลือทั้งสี่มองสาวหิมะที่ถูกฟันเป็นสองซีกด้วยความอึ้ง ใบหน้าฉายความหวาดกลัว
“แยกกันหนี!” ชิงหนีตะโกนลั่น
สิ้นคำพูด สาวหิมะทั้งสี่ก็แยกย้ายหลบหนีไปคนละทางอย่างไม่คิดชีวิต
อันหลินหยั่งรู้ฟ้าดินผืนนี้ รู้สึกเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งในแดนนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา เกล็ดหิมะทั้งหลาย เศษธุลีทุกเม็ด เขารับรู้ได้อย่างแจ่มชัด สามารถสื่อสารกับพวก กมันได้
คาถาเรียกสายฟ้า!
ครืน สายฟ้าสีขาวบนท้องฟ้าปลอดโปร่งฟาดสาวหิมะผู้ฝึกกระบี่ด้วยพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ ทำให้นางกลายเป็นธุลีดินของฟ้าดินในพริบตา
หมัดสะเทือนขุนเขา!
หมัดสีทองผนึกมิติด้วยพลังปฐพีอันแรงกล้ายิ่ง กระแทกสาวหิมะประคำขาวคนนั้นทันที
สาวหิมะกรีดร้อง โยนประคำขาวให้ลอยมากำบังด้านหน้า ปล่อยม่านผลึกน้ำแข็งออกมา
โครม ทั้งสองประสานงากัน มิติถูกสะเทือนจนแตกร้าว เผยให้เห็นรอยร้าวปานกระจกแตกสีดำมากมายหลายเส้น
จากนั้นหมัดสีทองก็ชนทะลวงม่านผลึกน้ำแข็งด้วยอานุภาพที่ทำลายย่อยยับ บดขยี้ประคำขาว เอ่อท้นสาวหิมะ…
ความหวาดกลัวในความตายปกคลุมชิงหลี นางกำจานรวมอัคคีไว้แน่น ใช้พลังมิติเคลื่อนย้ายหลบหนีไม่หยุดหย่อน ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง
ชิงหลีรู้ดียิ่งนักว่า พลังที่อันหลินใช้ต้องมีเงื่อนไขกระตุ้นเป็นแน่แท้ ไม่เช่นนั้นอันหลินคงไม่เลือกหลบหนีตั้งแต่ทีแรก
หากตอนนั้นนางไม่ยั่วยุสองคนนี้ เหาะตรงกลับเมืองศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างอาจจะไม่เกิดขึ้น
ทำไมต้องยั่วโทสะสองคนนั้น ทำไมต้องบีบคั้นอันหลินให้จนตรอก…
บัดนี้ในใจชิงหลีเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่กลับไม่ยอมถอดใจ นางต้องทำอะไรสักอย่าง…
หนึ่งอึดใจต่อมา นางพ่นลูกแก้วสีครามเม็ดหนึ่งลงพื้น ลมหายใจรวยรินทันใด แต่ยังคงกัดฟันอดทนหลบหนีสุดชีวิต พยายามช่วงชิงพลังชีวิตเสี้ยวสุดท้าย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ นางก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมา
ลำแสงสีแดงเส้นหนึ่งเสียบทะลุร่างของนาง มันเป็นศรเพลิงสีแดงดอกหนึ่ง!
หนึ่งศรทะลวงฟ้าดิน ปลิดชีพสาวหิมะที่อยู่ไกลแปดร้อยลี้ในพริบตา!
อุณหภูมิที่น่ากลัวแผดเผาร่างกายนางจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ ตัดขาดลมหายใจของนาง