ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 445 จากนี้เราสองเป็นคนแปลกหน้า
ปุจฉา ‘จะช่วยอันหลินได้อย่างไร’
ผิวของตำราสวรรค์ปุจฉาวิถีเปล่งแสงสีเหลือง ค่อยๆ ดูดซึมเลือดช้าๆ
จากนั้นมันก็เริ่มลอยออกจากร่างของอันหลิน ลุกไหม้กลางอากาศ
ตัวอักษรสีทองปรากฏให้เห็นกลางอากาศตัวแล้วตัวเล่าหลังตำราสวรรค์ลุกไหม้
ทุกตัวอักษรล้วนสอดคล้องกับเจตจำนงแห่งมรรค แทรกซึมไปในอากาศ ดำรงอยู่คู่ฟ้าดิน
‘วิธีที่หนึ่ง ภายในครึ่งเค่อ[1] ให้สิ่งมีชีวิตระดับรวมมรรคาชะล้างไขกระดูกขับไล่ความเย็นให้อันหลินด้วยพลังเทพวิถี’
‘วิธีที่สอง ภายในครึ่งเค่อ ถ่ายเลือดพญาหงส์ใส่ร่างของอันหลิน ใช้เพลิงดั้งเดิมของสายเลือดขับไล่ความเย็น’
‘วิธีที่สาม ภายในครึ่งเค่อ กินผลเทวะธาตุไฟ ก็มีความเป็นไปได้ครึ่งหนึ่งในการขจัดพลังความเย็นเช่นกัน’
สวีเสี่ยวหลานมองวิธีที่สาม นัยน์ตาสะท้อนเปลวไฟ ร่างกายแลดูบอบบาง
ครึ่งเค่อก็คือเวลาราวๆ เจ็ดแปดนาที เวลากระชั้นชิดยิ่งนัก หากว่าถึงเวลา ลมหายใจของอันหลินก็จะดับสูญ
วิธีที่สามง่ายดายที่สุด นางสำรวจดูในแหวนมิติของอันหลินกับตนแวบหนึ่ง ต่างก็ไม่มีผลเทวะธาตุไฟ จะว่าไปมันก็จริง ผลเทวะที่มีระดับเหนือกว่าผลเซียน แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าก็น้อยคนที่จะมี
ส่วนวิธีที่หนึ่ง ให้สิ่งมีชีวิตระดับรวมมรรคาช่วยชะล้างไขกระดูกขับไล่ความเย็นให้อันหลินด้วยพลังเทพวิถี ตอนนี้นางติดต่อท่านลุงรองไม่ได้ และติดต่อปรมาจารย์ของสำนักไม่ได้เช่นกัน คาดหวังให้ยอดฝีมือรวมมรรคาคนอื่นมาที่นี่ในเวลาครึ่งเค่อมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหลือแค่วิธีที่สองแล้ว
วิธีนี้นางทำได้พอดีเลย…
นางได้รับมรดกของเสิ่นอิงในสุสานมังกรเหมันต์ ในมรดกเหล่านั้น มีวิธีที่ตงฟางหมิงปลูกถ่ายเลือดให้เสิ่นอิงอยู่ด้วย
เสิ่นอิงเป็นยอดฝีมือเผ่ามังกรที่มีสายเลือดมังกรกับพญาหงส์ สายเลือดพญาหงส์ที่นางมี ได้มาด้วยการปลูกถ่ายก่อนตงฟางหมิงตาย
สองคนนั้นต้องคิดไม่ถึงเป็นแน่ว่า วันนี้ในอีกหมื่นปีให้หลัง จะมีสตรีที่มีสายเลือดมังกรและพญาหงส์คนหนึ่ง ถ่ายเลือดพญาหงส์ของนางให้ชายอีกคน
“เพียงแต่ว่า…วิธีถ่ายเลือดเช่นนี้จะทำให้รากฐานพินาศ พลังจะสูญหายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นหญิงปุถุชนที่บำเพ็ญเพียรไม่ได้อีก...” สวีเสี่ยวหลายรำพันยิ้มๆ รอยยิ้มเจือความขมขื่น
นางอุ้มอันหลินไว้ มองชายหนุ่มที่ถูกน้ำแข็งค้างปกคลุมตรงหน้า ใบหน้าปราศจากความลังเล ปากเริ่มร่ายมนตร์ที่เก่าแก่
คาถานั่นคล้ายคลึงบทเพลง จังหวะไพเราะน่าฟัง
เสิ่นอิงชื่นชอบการร้องเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางจึงดัดแปลงคาถาปลูกถ่ายเลือดของตงฟางหมิง ทำให้การปลูกถ่ายเลือดสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนจากทำนองดนตรี
มันเป็นการขับร้องเดี่ยวที่ไร้ซึ่งผู้ชม ความจริงเส้นเสียงของสวีเสี่ยวหลานยอดเยี่ยมมาก เสียงของพญาหงส์ที่อบอุ่นเจือความกังวาน ให้ความอบอุ่นและปลอบประโลมจิตใจได้
ไม่รู้ด้วยเหตุใด จู่ๆ สมองนางก็หวนคิดถึงการแสดงที่อันหลินร่วมแสดงในแดนมนุษย์
คืนนั้นนางถือกู่ฉิน กระโปรงขาวพลิ้วไหวดุจกล้วยไม้งดงามกลางหุบเขา
อันหลินขับร้อง นางบรรเลงดนตรี ทั้งสองผสานกันได้อย่างลงตัว รู้ใจราวกับเป็นคู่หูที่ฝึกซ้อมด้วยกันมานานนม
แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ความจริงแล้วนั่นจะเป็นการแสดงคู่ครั้งแรกของทั้งสอง และคงจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย…
ข้ากับเขารู้ใจกันมากทีเดียว…จู่ๆ สวีเสี่ยวหลานก็เกิดความรู้สึกหดหู่ใจ
ราตรีนั้น แสงดาวพร่างพราย สิ่งที่เจิดจ้ายิ่งกว่าคือทะเลแท่งไฟสีขาว แสดงร่วมเวทีเดียวกับอันหลิน ได้รับเสียงโห่ร้องดีใจของผู้คนหลายหมื่น ความจริงตอนนั้นนางตื่นเต้น เพียงแค่ไม่แสดงออกทางสีหน้าก็เท่านั้น
ตอนที่ถอยลงจากเวที เพราะนางกุมมืออันหลิน จึงทำให้รู้สึกสบายใจ
ทำไมข้าคิดถึงรายละเอียดพวกนี้ได้ เพราะข้าทะนุถนอมตลอดมาหรือ…สวีเสี่ยวหลานคิดในใจ
เสียงเพลงไพเราะเสนาะหู พลังซัดสาดในมิติ
ค่ายกลเริ่มก่อตัวบนพื้นช้าๆ แล้วเปล่งแสงสีทอง
ลวดลายสีทองที่สลับซับซ้อนค่อยๆ สรรสร้าง สุดท้ายกลายเป็นรูปพญาหงส์บนพื้น
สวีเสี่ยวหลานกรีดข้อมือ เลือดที่หลั่งออกมาไม่ใช่สีแดง แต่เป็นเลือดสีทองที่เจือปนด้วยพลังเพลิงดั้งเดิม
มือของอันหลินก็ถูกเฉือนด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีเลือดไหล
ร่างกายของเขาถูกแช่แข็ง ทนทานยิ่งแล้ว
ภายใต้การชักนำของค่ายกล เลือดสีทองของสวีเสี่ยวหลานค่อยๆ ซึมลงไปในแผลของอันหลิน มีเสียงคร่ำครวญของพญาหงส์ดังอยู่รำไร พลังเพลิงดั้งเดิมที่ยิ่งใหญ่จู่โจมความเย็นเยียบอันไม่สิ้นสุดในกายอันหลิน
ตะวันอุ่นในเหมันต์ ย่อมทำให้หิมะน้ำแข็งละลายได้สักวัน
พลังความเย็นสีเขียวแล่นพล่านไปทั่วตัวอันหลินอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ
แต่พลังเพลิงสีทองกลับอยู่ทุกหนแห่ง ไหลหลั่งไปทั่วสรรพางค์กาย ขจัดเข่นฆ่าพลังความเย็นสีเขียวแล้วอย่างสิ้นเชิง
พลังเพลิงดั้งเดิมสีทองเริ่มแทรกซึมไปในเลือด เส้นชีพจร วิญญาณและทะเลปราณ…
มันค่อยๆ กลายเป็นเลือดของอันหลินอย่างสมบูรณ์ เปล่งแสงสีทองอ่อนๆ
พลังที่อบอุ่นกระชากอันหลินมาจากเงื้อมมือของยมบาล ทำให้เขาไม่หนาวเหน็บอีกต่อไป
ใบหน้าของสวีเสี่ยวหลานกลับซีดเผือดไร้สีเลือดแล้ว นางลูบไล้พวงแก้มที่กลับมาแดงเรื่อของอันหลินแผ่วเบา ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มงดงามเหลือเกิน และเศร้าโศกมากเช่นกัน
นางวางจานรวมอัคคีลงบนตัวอันหลิน หยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งออกมาแล้วเขียนว่า
‘นำจานรวมอัคคีกลับสำนักวิหคชาด ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ไม่ต้องคิดถึงข้า’
หยาดน้ำตาหยดลงโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวชุดเขียวคนนั้นร้องไห้ปานพิรุณพรำตั้งนานแล้ว
นางในวันวาน จินตนาการถึงอนาคตอันสวยงามของตนนับไม่ถ้วน
นางพยายามเพื่อมัน ต่อสู้เพื่อมัน
นางยังมีเรื่องอีกมากมายที่ไม่ได้ทำ มีความปรารถนาอีกก่ายกองที่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล
นางถึงขั้นวาดฝันว่าสักวัน จะได้เคียงคู่ชายหนุ่มข้างกายไต่ขึ้นจุดสูงสุด ท่องทั่วหมื่นแดน
แต่บัดนี้ ความฝันทั้งหมดสูญสิ้น ปีกของนางหักแล้ว…
เพราะฝืนปลูกถ่ายเลือด รากฐานป่นปี้ พลังจะหลั่งไหลไม่หยุด กลายเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งนับแต่นี้ไป
เสียงรำพันกลั้วเสียงสะอื้นเบาๆ ดังขึ้นในถ้ำ
“ข้ามันโง่จริงๆ…ทั้งที่ข้ากับเจ้าไม่ใช่คู่ครองกันด้วยซ้ำ แต่กลับมอบโลหิตให้เจ้า…”
“ข้าโง่จริงๆ ข้าก็อยากเห็นทิวทัศน์ที่สูงและไกลยิ่งกว่าเหมือนกัน ทำไมต้องตัดอนาคตของตัวเองเพื่อช่วยเจ้าด้วย…”
“ข้ามันโง่จริงๆ ข้ากำลังทำอะไรอยู่นะ…”
“ข้าโง่จริงๆ ข้าโง่เหลือเกิน…”
ราวกับว่าสวีเสี่ยวหลานจะร้องไห้ให้กับความเจ็บปวดทั้งปวงให้หมดสิ้น ประหนึ่งว่าจะร้องไห้ให้กับความน้อยใจเจ็บใจทั้งปวงให้หมดสิ้น
ไม่รู้ว่ากลีบปากของนางประทับลงบนริมฝีปากของอันหลินอย่างแนบแน่นตั้งแต่เมื่อใด น้ำตาชุ่มเสื้อ
ความรักเกลือกกลิ้งดุจท้องทะเล ความขมขื่นฝังลึกในความรัก
สวีเสี่ยวหลานไม่เคยคิดว่าจะรู้จักความรู้สึกในใจตนได้ชัดเจนในเวลาแบบนี้
“อันหลิน ข้านี่มันโง่จริงๆ…”
“ฉะนั้น…”
“ลืมผู้หญิงโง่ๆ คนนี้เสียเถอะ ข้าไม่มีหน้าจะพบเจ้าอีกแล้ว”
นางเอ่ยเสียงนุ่ม อำลาครั้งสุดท้าย
หญิงสาวย่ำกระบี่มังกรวิหค เหลียวมองใบหน้าที่หลับใหลแวบหนึ่งแล้วขี่กระบี่ลอยขึ้น
“วาสนาของเราจบสิ้นแล้ว นับจากนี้…เป็นคนแปลกหน้า”
เสียงเลือนหายไปในอากาศ ร่างสีเขียวที่บอบบางเงื่องหงอยจมหายไปในชั้นเมฆ อันตรธานหายไป
[1] เค่อ หน่วยบอกเวลา 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที