ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 447 การเสาะหาที่แลกด้วยชีวิต
เหนือมหานครที่ทอดยาวสิบกว่าลี้ กำแพงเมืองสูงร่วมร้อยเมตร ด้านบนมีป้อมปืนพลังปราณนานาชนิด
ปืนใหญ่แผดเสียง กระแทกพสุธาที่ไกลโพ้นจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ สาวหิมะคนแล้วคนเล่าที่รุกรานเข้ามาถูกพลังงานระเบิดจนป่นปี้
ขณะเดียวกัน สาวหิมะหลายหมื่นคนทำให้พายุหิมะกลายเป็นคมดาบ แปลงความหนาวเหน็บทั้งปวงในอากาศให้เป็นพลังที่น่ากลัว จู่โจมมหานครที่มโหฬารแห่งนี้ โจมตีนักพรตบนแนวกำแพงไม่หย ยุด
เกล็ดเลือดล้นหลามที่เปื้อนเลือดแตกกระจายบนกำแพงเมือง
เมืองนี้มีนามว่าเมืองเซี่ยงฉิง เป็นเมืองใหญ่ที่มีขนาดใหญ่เป็นสิบอันดับแรกของแคว้นเฟิงหยวน เป็นเพราะมีอาณาเขตติดต่อกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ มักจะเกิดศึกขนาดย่อมกับสาว หิมะเป็นประจำ
แม้จะเกิดศึกบ่อย แต่กลับไม่ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย
แต่ระยะนี้ไม่รู้ด้วยเหตุใด เหล่าสาวหิมะดูเหมือนจะได้รับการกระทบกระเทือนบางอย่าง ถึงได้จู่โจมกำแพงเมืองอย่างบ้าคลั่งไม่คำนึงความตาย ท่าทางราวกับว่าหากไม่ได้ยึดครองเมืองใหญ่จ จะไม่ยอมเลิกรา
ไม่ใช่แค่เมืองนี้ ทุกอาณาเขตของแคว้นเฟิงหยวนที่มีอาณาเขตติดต่อกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ต่างก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นกัน บางเมืองถึงขั้นถูกยึดแล้วด้วยซ้ำ
ดาบน้ำแข็งนับไม่ถ้วนกับพายุหิมะคำรามพุ่งใส่มหานครแห่งนี้ จากนั้นก็เปลวไฟ ศรเพลิงและปืนใหญ่ก็ชนกัน เมฆเพลิงหมอกควันระเบิดกลางอากาศ ตระการตาอย่างยิ่ง
มีกำแพงด้านหนึ่งเริ่มทรุดตัว
ขุนศึกหญิงสาวหิมะระดับแปลงจิตที่มีเขตอาคมผลึกน้ำแข็งคนหนึ่ง ฝ่าห่าปืนใหญ่พุ่งไปหากำแพงเมือง และสังหารขุนพลเฝ้าเมืองหลายคน
ช่องโหว่จึงถูกเปิดออก กำแพงเมืองท่อนนี้กลายเป็นลานประหารเหมันต์ไปในพริบตา
พลทหารนับไม่ถ้วนบ้างก็ถูกแช่แข็งเป็นรูปสลักน้ำแข็ง บ้างก็ถูกใบมีดน้ำแข็งที่ถาโถมเข้ามาตัดเป็นสองท่อน
“แข็งใจไว้ ถ่วงฝีเก้าของสาวหิมะไว้ ท่านแม่ทัพจวนจะถึงแล้ว!” ขุนพลที่มีนามว่าจ้งเย่ตะโกนลั่น
เหล่าขุนพลต่างก็ใช้พลังยุทธ์โจมตีสาวหิมะที่พุ่งขึ้นกำแพงเมือง แต่พลังป้องกันของสาวหิมะคนนั้นน่ากลัวเหลือเกิน ห่าปืนใหญ่พวกนั้นใช้ไม่ได้ผลกับนางเลยสักนิด ไม่เพียงเท่า านี้ นางยังสามารถใช้ม่านผลึกหินช่วยกำบังสาวหิมะที่ร่วมรบเคียงบาเคียงไหล่กับนางได้อีกด้วย ใช้มันต้านทานการโจมตีของเปลวไฟ
นี่แหละความน่ากลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิต ลำพังแค่คนเดียว ก็เพียงพอจะทำให้กำแพงท่อนนี้นองเลือดแล้ว พลทหารตายนับพันคนในพริบตา
ใบหน้าของพรทหารมากมายต่างก็ฉายความสิ้นหวัง
พวกเขาไม่กลัวตาย แต่การต่อสู้กับสาวหิมะ กลับไม่มีอะไรแตกต่างจากการรนหาที่ตายเลย
“ทุกคนอย่าได้ถอย ขอเพียงจู่โจมไม่หยุด ก็จะผลาญพลังของสาวหิมะคนนี้ได้แน่! พอสาวหิมะหมดแรง ก็จะปลิดชีพนางได้!” ขุนพลจ้งเย่ตะโกนเรียกขวัญและกำลังใจต่อไป
สาวหิมะแปลงจิตเบนสายตามองจ้งเย่ที่อยู่ไกลร้อยลี้ เสียงดุจลมหนาวบาดกระดูก จิตสังหารน่ากริ่งเกรง “เจ้าพูดมากเสียจริง…”
ความเร็วของสาวหิมะเหนือกว่ากำแพงเสียงสองเท่า ข้ามระยะทางหลายร้อยเมตรในชั่วอึดใจ กระบี่เหมันต์ในมือวาดวงโคจรมรณะ
จ้งเย่มีพลังยุทธ์แค่เพียงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลาง เมื่อเห็นการโจมตีที่รวดเร็วปานนี้ ย่อมรู้ดีว่าหนีไม่พ้น แต่ใบหน้าไม่แสดงความหวาดกลัว กัดฟันจะจ้วงแทงสาวหิมะก่อน ตายสักครั้ง
สาวหิมะตวัดกระบี่ลง ดาบของจ้งเย่ก็ชูขึ้นทันใด
ชั่ววินาทีนั้นสาวหิมะแสยะยิ้ม มืออีกข้างตบลงไปเบาๆ พลังที่เหนือคำบรรยายพันธนาการดาบของขุนพลจ้งเย่
ใบหน้าของจ้งเย่มีแต่ความเจ็บแค้น บัดนี้เขาเพิ่งพบว่า พลังแตกต่างกันมากเหลือเกิน ต่อให้เขาสู้สุดชีวิต ก็ไม่อาจทำอันตรายศัตรูได้เลยแม้แต่นิด
ยามนี้กระบี่ของสาวหิมะตวัดลงมาแล้ว สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ก็คือความตาย
จ้งเย่คิดว่าตนได้พลีชีพเหนือกำแพงเมือง ในใจก็ไม่มีความเสียใจเลย เพียงหวังว่ากำแพงเมืองอย่าได้ถูกตีแตกเลย เช่นนี้ลูกเมียของตนจึงจะดำรงอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างสบายใจ
พรึ่บ
กระบี่ของสาวหิมะหักเป็นสองท่อนต่อหน้าจ้งเย่
สาวหิมะเบิกตากว้าง หันศีรษะมองข้างกาย ตรงนั้นมีชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งกำลังถือกระบี่สีดำ กระบี่มีกระแสลมระลอกหนึ่งสลายไป
“เจ้า…” สาวหิมะยังพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าเขตอาคมผลึกน้ำแข็งของตนปริแตกนานแล้ว แม้แต่ร่างกายของนางเองก็กลายเป็นสองซีกแล้ว
เลือดสีน้ำเงินกระเด็นเซ็นซ่าน พลทหารทั้งหลายที่รักษาเมืองรวมถึงจ้งเย่ต่างก็มองภาพตรงหน้าด้วยความตะลึง แม่ทัพสาวหิมะที่ยิ่งใหญ่น่ากลัวคนนั้นถูกชายชุดขาวปลิดชีพแล้วห หรือ
จ้งเย่ที่รอดพ้นจากความตายสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะคำนับชายชุดขาวข้างกาย “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนักที่ช่วยเหลือ พลทหารทั้งเล็กใหญ่แห่งเมืองเซี่ยงฉิงซาบซึ้งยิ่งแล้ว!”
“ไม่เป็นไร ข้าขอถามหน่อยว่า วันนี้พวกเจ้าเห็นหญิงชุดเขียวขี่กระบี่เหาะผ่านเมืองนี้ไปบ้างหรือไม่”
ชายคนนั้นคืออันหลินนั่นเอง เขามองพลางเอ่ยถามจ้งเย่
จ้งเย่ได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นตั้งใจใคร่ครวญแล้วส่ายหน้าอย่างเสียดาย “วันนี้เมืองเซี่ยงฉิงเอาแต่สู้รบปรบมือกับสาวหิมะอย่างดุเดือด ข้าไม่พบว่ามีสตรีเหาะผ่านกำแพงเมือง หรือไม ม่ก็รอให้สงครามนี้สิ้นสุด ข้าค่อยซักถามพลทหารที่แนวกำแพงอื่นๆ”
อันหลินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้องหรอก ไม่มีเวลาแล้ว…”
ร่องรอยที่สวีเสี่ยวหลานเคยผ่านที่นี่จะค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา หากชักช้าเสียเวลาอีก เขาอาจจะยืนยันตำแหน่งของสวีเสี่ยวหลานไม่ได้อีก
วิชาจิตอนุมาน!
ดวงดาวนับไม่ถ้วนฉายวาบในดวงตาอันหลิน สุดท้ายนัยน์ตาก็สะท้อนภาพของดินแดนผืนนี้
วิชาจิตอนุมานใช้ได้แค่เดือนละครั้ง หากว่าใช้ถี่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ถึงขั้นว่าบั่นทอนอายุขัย
แต่อันหลินไม่มีเวลาสนใจอะไรมากแล้ว เขาไม่มีเวลาให้ลังเล! เขากำลังแข่งกับเวลา!
ชั่ววินาทีนั้น คลื่นสีขาวก็กระจายไปร้อยลี้
ทุกรายละเอียดในโลกล้วนฉายในสมองของเขา การอนุมานก็เริ่มทำงานในเวลานี้เช่นกัน
จ้งเย่มองอันหลิน ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร
แต่จ้งเย่ที่มีพลังยุทธ์ในระดับหนึ่ง กลับพบว่าเส้นผมที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของอันหลินมีผมงอกเพิ่มมาหลายเส้นโดยพลัน
“ผู้อาวุโส ท่าน...” จ้งเย่เบิกตากว้าง เขาพบว่าพลังปราณของอันหลินกำลังโรยราอย่างรวดเร็ว
อันหลินไม่เอ่ยคำใด เบนสายตามองยังทิศทางหนึ่งแล้วขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น ไปจากเมืองเซี่ยงฉิง
ม่านรัตติกาลมาเยือนแล้ว
ณ ชานเมืองอวิ๋นตงของแคว้นอัสนี เมฆสายฟ้าปกคลุมหลายร้อยลี้ ทุกหนแห่งมีพลังปราณซัดสาด พายุหมุนโหมกระหน่ำ สายฟ้าปะทุ ก่อกวนฟ้าดินผืนนี้จนแปรปรวน
อันหลินหลงทางที่นี่ ร่องรอยของสวีเสี่ยวหลานถูกลบล้างจนเหลือเพียงน้อยนิด เขาใช้วิชาจิตอนุมานอีกครั้งกลับวินิจฉัยทิศทางของนางไม่ได้
แต่เขาไม่ยอมถอดใจ ใช้วิชาอนุมานกับสถานที่นอกเมฆสายฟ้าอีกหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ระบุตำแหน่งได้
เขาเหาะผ่านทะเลสาบหมื่นดารา เห็นผิวน้ำที่สะท้อนผืนฟ้า ที่นี่งดงามยิ่งนัก
เขาเหาะผ่านขุนเขาพันสารท มองภูเขาสูงหลายหมื่นจั้ง สัมผัสความมโหฬารของมัน
…
ฟ้าสางแล้ว
เขาเหาะผ่านทะเลชิงเซียน เห็นดงป่าอันตระการตา ที่ราบหลายพันลี้ ต้นไม้เขียวหลายพันลี้ ทอดมองไปเห็นคลื่นมรกตกระเพื่อม ปลายทางสีเขียวกับฟ้าครามบรรจบกัน มองดูงดงามยิ่งแล้ ว
ใช้วิชาจิตอนุมานครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ร่างกายของเขาต้านทานไม่ไหว ทำได้เพียงกินยาวิเศษและยาเซียนช่วยพยุงอาการ
ในที่สุดเขาก็ออกจากแคว้นอัสนี มาถึงแคว้นขุมทรัพย์ นี่เป็นแคว้นใหญ่ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแดนจิ่วโจว
ในทะเลบุปผาร้อยลี้ กลิ่นดอกไม้อบอวล อันหลินใช้วิชาจิตอนุมานอีกครั้ง
เขาในตอนนี้ผมดำหงอกกว่าครึ่งหัวแล้ว
นัยน์ตาของอันหลินสะท้อนฟ้าดิน ยามกระตุ้นวิชาจิตอนุมาน ร่างกายก็โอนเอน กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เลือดหยดกระทบดอกไม้สีขาว แลดูฉูดฉาดยิ่งนัก
เขายกมือขึ้นป้องปากแล้วไออย่างรุนแรง ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างต้านทานไม่ไหว
ความเร็วในการกำจัดพลังปราณ วงโคจรของละอองเกสร ร่องรอยของดินโคลนที่ถูกลมพัดผ่าน...
“เสี่ยวหลาน พลังยุทธ์ของเจ้าตกไปอยู่ระดับหล่อเลี้ยงขั้นต้นแล้ว ยังจะหนีไวขนาดนั้นไปทำไม ทำไมไม่รอข้า ไม่รู้หรือว่าข้าไล่ตามเจ้าลำบากเหลือเกิน”
อันหลินใช้วิชาจิตอนุมานไม่หยุด พลังก็อ่อนแรงลงทุกขณะ ร่างกายก็เริ่มส่อแววจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
เขากำลังบ่นอุบ แต่เขารู้ดีว่าโอกาสของตนมีแค่ครั้งเดียว จะถอดใจกลางคันไม่ได้เด็ดขาด
“โชคดีที่เจ้าไม่ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของมัน ไม่อย่างนั้นข้าคงจะอึ้งไปแล้วจริงๆ…”
“แต่ข้าก็เข้าใจว่าทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้”
“เพราะข้าไล่ตามเจ้ามา ผ่านสถานที่งดงามมากมาย…เจ้าอยากชมทิวทัศน์ในโลกนี้ให้มากก่อนที่จะกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนใช่ไหม เจ้ามันโง่จริงๆ ไปที่ไหนขอแค่เจ้าบอกข้า…”
อันหลินมองท้องฟ้าอันไกลโพ้น นัยน์ตาเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาเช็ดคราบเลือดมุมปากแล้วขี่ก้อนอิฐลอยขึ้นอีกครั้ง