ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 449 เจ้าก็คือคู่ครองในชาตินี้ของข้า
เมืองซีเสีย ท้องฟ้ายามสายัณห์เริ่มเข้มขึ้น
แสงสีแดงกับสีม่วงผสมผสานกัน เหมือนจริงแต่ก็คล้ายความฝัน ดุจภาพวาดแต่ก็ไม่ใช่
แสงสว่างที่ไม่พร่างพรายอีกต่อไปปกคลุมทั้งสองที่กำลังสบตากันบนถนน ปานม้วนภาพที่เก่าแก่แต่ลึกล้ำ
อันหลินจ้องหญิงชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้า เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น โฉมหน้าที่งดงามเหนือโลกีย์ดวงตาที่กระจ่างใส ริมฝีปากสีเรื่อดุจดอกท้อ ทุกอย่างช่างงดงามเหลือเกิน…
แต่ความทระนงที่มีแต่กำเนิดมลายหายไปเสียแล้ว หญิงสาวกลับสู่ธุลีดินเพื่อช่วยเหลือเขา ไม่มีพรสวรรค์อันน่าภาคภูมิใจอีกต่อไป นางกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนที่บำเพ็ญเพียรไม่ได้อีกแล้ว
แม้อันหลินจะใช้วิชาจิตอนุมานคาดเดาทุกอย่างไว้แล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นลักษณะท่าทางของสวีเสี่ยวหลานกระจะตา ในสมองก็ยังขาวโพลนอยู่ดี หัวใจทั้งดวงคล้ายว่าถูกฉีกกระชาก
เขาขยับริมฝีปาก พบว่ามีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ
สวีเสี่ยวหลานมองชายหนุ่มตรงหน้าอึ้งๆ นัยน์ตาสะท้อนเส้นผมสีขาวของชายหนุ่ม ต่อให้จะไร้ซึ่งพลังแล้ว แม้จะเป็นแค่คนธรรมดา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย นั่นก็คือหัว วใจของนาง
นางเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเอ่ยถามก่อนว่า “อันหลิน ผมเจ้าเป็นอะไรไป ไม่เป็นไรใช่ไหม”
อันหลินส่ายหน้า จ้องสวีเสี่ยวหลานอย่างลึกซึ้ง เสียงกลับสั่นเครือ “หลังเจ้าจากข้าไป ข้าก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความคิดหนึ่งเดียวที่มีคือตามเจ้าให้ทัน ตามหาเจ้าให้เจอ ตอนนั นข้ากลัวมากจริงๆ กลัวว่าเจ้าจะหายไปจากชีวิตข้าทั้งอย่างนี้ ข้าใช้วิชาจิตอนุมานตามหาร่องรอยของเจ้า แต่เจ้าหนีได้ไวเหลือเกิน ข้ากลัวว่าร่องรอยของเจ้าจะหายไป ข้าไม่มีเว วลา ถึงต้องใช้วิชาจิตอนุมานครั้งแล้วครั้งเล่า…”
“ข้าข้ามภูเขาหิมะนับไม่ถ้วน ไล่ตามตั้งแต่แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์มาถึงแดนจิ่วโจว ข้าข้ามบ่ออัสนีมังกร ทะเลสาบหมื่นดารา ขุนเขาพันสารท ทะเลชิงเซียน สวนดอกไม้ปีศาจ…ทิวทัศน์ท ที่เจ้าผ่านพ้นข้าก็ไปมาแล้ว”
“แต่ท้ายที่สุด ข้าพบว่าข้าใช้วิชาจิตอนุมานไม่ได้อีกแล้ว…พอใช้วิชาจิตอนุมานข้าจะกระอักเลือด หัวใจกระตุก แทบจะหมดสติ…ตอนนั้นข้ากระวนกระวายมากจริงๆ กลัวเหลือเกิน ข้าเด ดินทางตามเส้นทางของเจ้าเหมือนคนบ้า ตามหาทีละเมือง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ข้ากับเจ้าจะคลาดกันเช่นนี้ ข้าไม่ยอม!”
“หากเจ้าประสบความลำบากไม่มีใครช่วยจะทำอย่างไร หากเจ้าอ้างว้างไม่มีเพื่อนจะทำอย่างไร เจ้างดงามปานนั้น หากเจอตัวร้ายที่ไม่ดูตาม้าตาเรือรังแกเจ้าจะทำอย่างไร ข้าแค่อยากมาหาเจ จ้าให้ไว รอไม่ได้เลยสักวินาทีเดียว!”
“โชคดีที่สวรรค์เมตตาให้เราได้เจอกันไวปานนี้…”
แม้อันหลินจะผมขาวโบกสะบัด มีมาดของยอดฝีมือ แต่ตอนนี้กลับดวงตาแดงก่ำ เหมือนเด็กที่ดื้อรั้น พูดกับหญิงสาวชุดเขียวตรงหน้าต่อว่า
“สวีเสี่ยวหลาน โลกของข้าไม่มีเจ้าไม่ได้ ในใจข้า เจ้าก็คือคู่ครองในชาตินี้ของข้า!”
ท้องถนนยามสายัณห์ หญิงสาวชุดเขียวเอวบางร่างน้อยคนนั้นร้องไห้โฮแล้ว
ในตอนนั้นเอง สายลมอ่อนก็โชยพัดระลอกหนึ่ง
ร่างอรชรของสวีเสี่ยวหลานถูกอันหลินรวบเข้าสู่อ้อมอก กอดอย่างแนบแน่น
“เสี่ยวหลาน ข้าชอบเจ้า ชอบมาตั้งนาน นานมากๆ แล้ว…ฉะนั้นตอบตกลง ยอมเป็นคู่ครองของข้าเถอะ” อันหลินกล่าวเสียงนุ่ม
ร่างบางของสวีเสี่ยวหลานสั่นเทา ส่ายหน้าทั้งร้องไห้ “ไม่ได้นะ ตอนนี้ข้าเป็นคนธรรมดา เซียนกับปุถุชนอยู่คนละโลก...อีกไม่นานข้าจะแก่ชรา จากนั้นใบหน้ามีแต่รอยเหี่ยวย่น ร่า างกายอ่อนแอลงทุกวัน สุดท้ายจะกลายเป็นธุลีดินต่อหน้าต่อตาเจ้า ข้า…ข้าไม่คู่ควรกับเจ้า”
อันหลินสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวในอ้อมอก หัวใจอ่อนยวบ “เจ้ามันโง่จริงๆ เซียนกับปุถุชนอยู่คนละโลกมันเหลวไหลทั้งเพ หากว่าสู้กันเรื่องชรา…ข้าผลาญอายุขัยไปมากปานนี้ เวลาที่ยังเหลืออยู่อาจสั้นกว่าเจ้าก็ได้ อีกอย่างถ้าแข่งกันว่าผมใครหงอกก่อนกัน ตอนนี้ข้าก็ชนะแล้ว”
สวีเสี่ยวหลานได้ฟังใจก็พลันสั่นสะท้าน ซุกหน้ากับไหล่ของอันหลิน พูดอย่างรู้สึกผิดและตำหนิว่า “เจ้าไม่ควรมา…ไม่ควรทุ่มเทมหาศาลปานนี้เพื่อมาที่นี่! ทั้งๆ ที่ข้าตั้งใจจะ ะลืมเจ้า เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว…ตอนนี้ข้าทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เจ้ามาหาข้าทำไม มันไม่คุ้มเลย”
“เลิกพูดว่าไม่คู่ควร ไม่คุ้มค่าอีกได้หรือไม่ หากว่าไม่มีเจ้า ข้าคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว โฉมงามที่ข้าเคยพบเจอก็มีไม่น้อย อย่างฉางเอ๋อ ซูเฉี่ยนอวิ๋น แม้พวกนางจะสวยกว่าเ เจ้า…”
จู่ๆ อันหลินก็รู้สึกว่าแผ่นหลังถูกรัดแน่นขึ้นนิดหน่อย เขาจึงรีบพูดให้ไวขึ้นว่า “แต่ถ้าหากพวกนางกับเจ้าตกลงไปในน้ำ ข้าจะช่วยเจ้าก่อนแน่นอน! เพราะในใจของข้า พวกนาง สู้เจ้าไม่ได้แม้แต่ปลายผม อีกอย่างมาดของเจ้าก็ดีกว่าพวกนางหลายเท่า! อืม มันเป็นมาดของคู่ครองของอันหลิน”
สวีเสี่ยวหลานสูดจมูกจิ้มลิ้ม เอ่ยเสียงเบาว่า “มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่จริงจังอีก...”
“จะพูดเรื่องจริงจังก็ย่อมได้ เราจะแต่งงานกันได้เมื่อใด” อันหลินถาม
สวีเสี่ยวหลาน “…”
นางดันอันหลินออกเบาๆ เช็ดน้ำตาบนใบหน้า นัยน์ตายังเจือหยาดน้ำแวววาว เย้ายวนปานวารินยามสารท และร่างที่แลดูอรชรอ้อนแอ้นเมื่อยืนอยู่ใต้แสงสายัณห์ ก็ค่อนข้างชวนให้รู้สึ กสงสาร
“ต่อให้เจ้าเป็นคนธรรมดาแล้วอย่างไร ข้าจะอยู่กับเจ้า แก่ไปด้วยกัน พาเจ้าไปทุกที่ที่เจ้าต้องการ กินของอร่อยทั้งปวงด้วยกัน…” อันหลินหวาดกลัวและกระวนกระวาย เขากำลังพยายามพิช ชิตไม่หยุด
“อีกอย่างรากฐานของเจ้าใช่ว่าจะหมดความหวังฟื้นฟู พวกเรายังมีความหวัง…” เขาพูดต่อ
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้าอย่างเศร้าสลด “ไม่มีทาง ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนฟื้นฟูรากฐานที่ป่นปี้ได้ ต่อให้รากปราณแห้งเหี่ยว ทะเลปราณแห้งขอด ก็ไม่ร้ายแรงเท่ารากฐานพินาศ”
“ในโลกนี้ไม่มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ” อันหลินจ้องสวีเสี่ยวหลาน ใบหน้าฉายความหนักแน่นอย่างยิ่ง “ตอนที่พวกเราถูกสาวหิมะหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนจองจำ ตอน นนั้นเจ้าคิดว่าจะมีโอกาสรอดหรือไม่ ตอนที่เจ้าไปจากข้า เจ้าคิดว่าข้าจะหาเจ้าพบอีกครั้งหรือไม่”
สวีเสี่ยวหลานเงยหน้ามองอันหลิน ขยับริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไร
อันหลินพูดต่อว่า “ฉะนั้นแล้ว…ข้าเป็นผู้ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์!”
สวีเสี่ยวหลานพูดไม่ออก เพราะนางพบว่าอันหลินสร้างปาฏิหาริย์ได้มากมายจริงๆ เป็นผู้ชายที่น่าเหลือเชื่อ หากว่า…มีโอกาสทำให้นางโบยบินกลางนภาได้อีกครั้งจริงๆ นางจะยอดถอดใ ใจได้อย่างไร
เมื่อเห็นสีหน้าของสวีเสี่ยวหลานเปลี่ยนไป ในใจของอันหลินก็เป็นกังวล แต่กลับมองเห็นความหวังแล้ว
“ฉะนั้น…จะว่าไป ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการ” อันหลินโพล่งขึ้นมา
สวีเสี่ยวหลานเงยหน้า ใบหน้าเจือความฉงนและสงสัย
อันหลินมองหญิงชุดเขียวตรงหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “สวีเสี่ยวหลาน เจ้ายอมเป็นคู่ครองของข้าไหม หนทางทั้งชีวิตนี้ ข้าอยากเดินไปพร้อมกับเจ้า”
ทั้งสองสบกันเงียบๆ อีกครั้ง แสงยามตะวันรอน ไอหมอกกระเพื่อม เส้นทางของเมืองโบราณ แว่วเสียงเหยี่ยวร้องเป็นครั้งคราว ทุกอย่างไม่สามารถกลับเสียงหัวใจเต้นของทั้งคู่ไม่ได้เลย
สวีเสี่ยวหลานยิ้มแย้ม ชั่ววินาทีที่ตกตะลึง ทำให้สีสันกลางนภาหม่นหมอง เป็นความงามทั้งปวงของโลกหล้า
อันหลินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างลุ่มหลง เขาคิดว่าต่อให้จะผ่านไปกี่หมื่นปี จะไม่มีวันลืมรอยยิ้มนี้เลย
หญิงชุดเขียวโน้มตัวเข้าใกล้ชายหนุ่ม เขย่งปลายเท้า เชิดหน้าที่งดงามไร้ที่ติขึ้น หลับตาพริ้ม ประทับจุมพิตลงไปด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม
ริมฝีปากนุ่มหยุ่นสัมผัสกัน ทั้งคู่กอดกันอีกครั้ง
บัดนี้ ภาพวาดกลายเป็นนิจนิรันดร์