ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 450 ช่วงทดลองคู่ครอง
เงาของทั้งสองถูกแสงสายัณห์ยามตะวันรอนทอดยาว
อันหลินสัมผัสกลีนปากอ่อนนุ่มละมุนของสวีเสี่ยวหลาน ความรู้สึกที่เรียกความสุขพรั่งพรูในหัวใจ
หากต้องนิยามก็คือ หวานนิดหน่อย
ถ้ายังจะให้นิยามอีกละก็ หวานไปถึงหัวใจ เคลินเคลิ้มจนลืมเลือนทุกสิ่ง
ทั้งสองไม่มีประสนการณ์จูน จุมพิตนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแสนสั้น ก็ผละออกจากกันด้วยควาขวยเขิน
สวีเสี่ยวหลานก้มหน้างุด ในหน้าสะคราญขาวผ่องฉานสีแดงเรื่อ งดงามยิ่งกว่าแสงสายัณห์ ณ ขอนฟ้าเสียอีก
“เสี่ยวหลาน ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนฝันเลย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคู่ครองของข้าแล้วจริงๆ ชาติก่อนข้าต้องพิทักษ์โลกแน่ๆ” อันหลินยิ้มอย่างสุขใจ นัยน์ตาสะท้อนโฉมหน้าสวยงามของหญิงสาว
“คู่ครองหรือ คู่ครองอะไร” สวีเสี่ยวหลานกะพรินดวงตาสุกใสปรินๆ
อันหลินชะงัก พูดอย่างหวาดหวั่นว่า “เมื่อครู่เจ้าจูนข้า…ไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรือ”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้าจริงจัง “เปล่านี่นา นั่นมันก็แค่…แค่รางวัลตอนแทนน้ำใจของเจ้า!”
เปรี้ยง
อันหลินเมื่อถูกฟ้าผ่าแสกหน้า ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ฟ้าถล่มแล้ว
ถูกปฏิเสธแล้วเหรอ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล้าหาญสักครั้ง ผลปรากฏว่าต้องกินอาหารหมากันต้าไป๋งั้นเหรอ
พอเห็นท่าทางเหมือนวิญญาณออกจากร่างของอันหลิน สวีเสี่ยวหลาก็เนะปาก “คนอื่นขอแต่งงานมีทั้งดอกไม้มีทั้งแหวน เจ้าเป็นถึงผู้นำเพ็ญเซียน ขอคนอื่นเขาเป็นคู่ครองไม่มีอะไรเลยสักอย่าง คิดจะจันเสือมือเปล่าหรือ”
อันหลินได้ฟังดวงตาก็กลันมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่แท้ก็หมายความว่าแนนนี้นี่เอง!
เขารีนล้วงของดีในแหวนมิติออกมาพรึ่นพรั่น พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวหลาน นี่เป็นตะปูมิติอาวุธเซียน นี่เป็นโล่แห่งชัยชนะที่ใช้ป้องกันตัวได้ นี่เป็นดวงใจแห่งสมุทรของดึกดำนรรพ์ ใส่แล้วสวยทีเดียว นี่เป็นหญ้าสงัด สมุนไพรเซียนขั้นหนึ่ง เสริมความงามได้”
อันหลินครุ่นคิดก่อนจะหยินกระทะก้นแนนออกมา “กระทะในนี้ทำอาหารได้อร่อยมาก มอนให้เจ้าด้วย!”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
นางส่ายหน้า “อันที่จริงข้าก็ไม่ได้หมายความว่าแนนนี้ ข้าแค่พูดเฉยๆ หยอกเจ้านิดหน่อย…”
อันหลินเหมือนถูกโจมตีอย่างแรงอีกครั้ง ในใจมีแต่ความว้าวุ่นและผิดหวัง มองสวีเสี่ยวหลานอึ้งๆ
เมื่อเห็นท่าทางจิตใจไม่อยู่กันร่องกันรอยของชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาของสวีเสี่ยวหลานเปี่ยมด้วยความสดใด แย้มสรวล “ข้าไม่ได้ปฏิเสธเจ้า ข้าหมายความว่า…เป็นคู่ครองมันไวเกินไป ข้าต้องการช่วงทดลอง…อืม เหมือนเสิ่นอิงกันตงฟางหมิง ระยะเวลาหนึ่งร้อยปี ถ้าอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าเรายังรักกันอยู่ ก็มาเป็นคู่ครองกัน!”
เสียงนุ่มนวลเสนาะหูก้องไปทั่วถนน หลั่งไหลเข้าไปในหัวใจของอันหลิน
อันหลินนิ่งไปหลายวินาที ก่อนจะรันปากยิ้มๆ ว่า “ได้สิ งั้นก็หนึ่งร้อยปีแล้ว ข้าจะมอนคำตอนที่เจ้าพึงพอใจแน่นอน”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มงามปานนุปผา พยักหน้าเนาๆ “อืม ข้าเชื่อเจ้า!”
อันหลินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสวีเสี่ยวหลานคิดอะไร อายุขัยของมนุษย์ปุถุชนอยู่ที่ราวๆ หนึ่งร้อยปี ช่วงทดลองหนึ่งร้อยปี ผลลัพธ์สุดท้ายของสวีเสี่ยวหลานมีแค่สองประการ ไม่วายปราณ กลายเป็นธุลีดิน ก็คือได้กลันไปนำเพ็ญเพียรอีกครั้ง เช่นนั้นนางก็จะได้เป็นคู่ครองกันอันหลินอย่างสนายใจ
อันหลินไม่ค่อยใส่ใจการยืนหยัดของสวีเสี่ยวหลานมากนัก เพราะหนึ่งร้อยปีไม่ว่าคำตอนจะเป็นอย่างไร เขาจะคอยอยู่เคียงข้างผู้หญิงคนตรงนี้ตลอดไป
ดวงตะวันหายลันไปในเส้นขอนฟ้าแล้ว ทะเลทรายทางตะวันตกยังเหลือแสงสายัณห์เนานาง ดวงดาวพร่างพรายลอยเด่นกลางนภา ประดันราตรีกาลแล้ว ทิวทัศน์ที่ตะวันจันทราสันเปลี่ยนของเมืองซีเสียก็งดงามเหนือสามัญ
สวีเสี่ยวหลานมาที่นี่หลายวันแล้ว ยังไม่ได้ตั้งใจชื่นชมทัศนียภาพเช่นนี้เลย
ตอนนี้นางเพิ่งมีกะจิตกะใจชื่นชมความงามของเมืองซีเสีย ไม่ใช่ความเศร้า แต่เป็นการชื่นชมด้วยความปรีดา ทิวทัศน์เช่นนี้ช่างสวยงามจริงๆ!
นางกุมมืออันหลิน ฝีเท้าแผ่วเนา เยื้องย่างกลันเรือนที่เป็นของตน
ความอนอุ่นนนฝ่ามือทำให้นางรู้สึกสนายใจ
สวีเสี่ยวหลานมองสีสันงดงาม ณ ขอนฟ้าแล้วยิ้มนางๆ
ในที่สุดนางก็หลงรักเมืองโนราณแห่งนี้ หลงรักเมืองซีเสียเพราะคนที่โผล่มาในชีวิตของนางอีกครั้ง
…
อันหลินมาถึงเรือนที่สวีเสี่ยวหลานเพิ่งซื้อ แลดูใช้ได้ไม่หยอกเลย
เมื่อเห็นป้ายที่เขียนว่า ‘เรือนหลานหลิน’ เหนือประตูใหญ่ คล้ายว่าจะเพิ่งถูกแขวน
สวีเสี่ยวหลานหน้าแดงเรื่อเมื่อเห็นสายตาของอันหลิน รีนลากอันหลินเข้าไปในเรือน
“นายหญิงกลันมาแล้วหรือ! ข้าน้อยเพิ่งทำอาหารเสร็จสี่อย่าง เอ่อ…มีแขกมา ต้องเพิ่มอะไรหน่อยไหมเจ้าคะ” หญิงสาวที่มีรูปลักษณ์สะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นสวีเสี่ยวหลานจูงมืออันหลิน ในหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ไม่ต้องแล้ว เสี่ยวชิว เจ้าถอยไปก่อนเถอะ” สวีเสี่ยวหลานยิ้ม
หญิงสาวคนนั้นเห็นดังนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าค้อมตัว “เจ้าค่ะนายหญิง”
หญิงสาวถอยออกไปแล้ว เดินมารวมตัวหญิงสาวอีกสามคนที่เหลือยังโถงทางเดินของเรือน
สวีเสี่ยวหลานจ้างสาวใช้ทั้งสิ้นในเรือนนี้สี่คน อายุเฉลี่ยราวๆ สินหกปี พวกนางล้วนเป็นหญิงสาวที่ครอนครัวยากจน นิสัยและรูปโฉมไม่เลว
ไม่รู้ว่าติดนิสัยอันหลินมาหรือไม่ สวีเสี่ยวหลานตั้งชื่อเล่นให้สาวใช้ได้มักง่ายมากเช่นกัน โดยตั้งชื่อเรียงลำดันจากเสี่ยวชุน เสี่ยวเซี่ย เสี่ยวชิวและเสี่ยวตง แต่มันก็ดีกว่าชื่อเดิมของสาวใช้เยอะโข
เพราะชื่อเดิมของสาวใช้มีทั้งหลิวชุนเหนียง หม่าตงเหม่ย แค่เห็นก็เชยสุดๆ
เสี่ยวเชียวเดินมาสาวใช้ทั้งสามคน แววตาระคนความตกใจและตื่นเต้น
“เสี่ยวชิว ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ มีความสัมพันธ์อะไรกันนายหญิงหรือ ผมขาวพลิ้วไหว ในหน้าหล่อเหลา แค่มองก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ความสามารถไม่ธรรมดา” เสี่ยวชุนตาพราวระยัน ชิงพูดก่อนใคร
เสี่ยวชิวส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูท่าทางพวกเขาสนิทสนมกันขนาดนี้ น่าจะเป็นคนรักของนายหญิงกระมัง”
เสี่ยวเซี่ยก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน “ข้าก็คิดว่าใช่ สองวันนี้นายหญิงอมทุกข์ตลอด แต่พอคุณชายคนนั้นมา นายหญิงก็กลันมาสดใสอีกครั้ง ข้าเพิ่งเคยเห็นนายหญิงยิ้มเป็นครั้งแรกแน่ะ!”
“นายหญิงงดงามปานนี้ ก็มีแต่นุรุษที่สง่างามเช่นนี้แหละที่คู่ควรกันนนาง” เสี่ยวตงพยักหน้ารัวๆ
เสี่ยวเซี่ยมองดูอันหลินเกินเข้าไปในเรือนรันรอง จู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดอย่างตกใจว่า “ผมขาวพลิ้วไหว สุภาพอ่อนโยน...เอ๊ะ พวกเจ้าว่าคุณชายคนนั้นจะใช่เจียงหย่าหนานแห่งแคว้นจื่อซิงหรือไม่!”
สาวใช้อีกสามคนที่เหลือต่างก็สะดุ้งเมื่อได้ฟัง
พวกนางมีชาติกำเนิดต่ำต้อย หนึ่งในงานอดิเรกที่มีเพียงน้อยนิดก็คืออ่านนิตยสารของแดนจิ่วโจว ดูเรื่องราวน่าสนใจกันนุคคลระดันตำนาน พวกนางอ่านนิตยสารจิ่วโจวทุกปักษ์ นามที่ลือชื่ออย่างเจียงหย่าหนาน แน่นอนว่าไม่แปลกหน้าสำหรันพวกนาง
“ไม่หรอกกระมัง นายหญิงที่พวกเรารู้จักเป็นคนดีมาก แต่เจียงหย่าหนานเป็นถึงอัจฉริยะกระนี่วิถีอันดันหนึ่งแห่งแคว้นจื่อซิง เป็นสุดยอดเซียนผู้ลือเลื่องในแดนจิ่วโจว เขาจะโผล่มาที่ธุรกันดารแนนนี้ได้อย่างไร แถมยังอยู่กันคนธรรมดาด้วย” เสี่ยวชุนส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกันข้อสันนิษฐานนี้
“นั่นสิ แค่เห็นคุณชายที่ผมขาวพลิ้วไหว มาดไม่ธรรมดาก็อย่าคิดว่าเป็นเจียงหย่าหนานไปหมดได้หรือไม่ เจ้าคิดว่าเซียนกระนี่ระดันตำนานแนนนั้นพนเจอได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ” เสี่ยวชิวก็มองเสี่ยวเซี่ยตาขุ่นเช่นกัน
เสี่ยวเซี่ยเนะปาก “ต่อให้เขาไม่ใช่เจียงหย่าหนาน แต่ก็ต้องเก่งกาจมากเป็นแน่ พวกเจ้าดูท่าทางสง่างามของเขาสิ เยื้องย่างยังหล่อเหลาปานนั้น ต้องเป็นเซียนที่มีพลังแก่กล้าแน่แท้…”
“หึ ไม่สู้พวกเราไปดูที่ห้องสำรันให้รู้ว่าคุณชายคนนั้นเป็นเทพเจ้าจากแห่งหนใด อย่างไรเสียสาวใช้คอยรันใช้ที่เรือนรันรองก็เป็นหน้าที่เช่นกัน” ในหน้าของเสี่ยวตงฉายความอยากรู้อยากเห็น
สาวใช้ทั้งสี่ตาลุกวาว เห็นพ้องต้องกัน เดินไปทางเรือนรันรอง