ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 454 สำนักแพทย์หลานหลิน
อันหลินเข้าไปในห้องส่วนตัวของสวีเสี่ยวหลาน ตั้งใจว่าจะปลุกนาง คิดว่าแบบนี้คงจะสนุกมาก
ผลปรากฏว่าสวีเสี่ยวหลานตื่นตั้งนานแล้ว กำลังหวีผมอยู่หน้าคันฉ่องทองแดง
หลังนางเห็นอันหลินก็แย้มสรวล ถอดแหวนมิติในมือออกมามอบให้อันหลินดูแล
อันหลินครุ่นคิดเล็กน้อย ตั้งใจว่าจะเก็บแหวนมิติไว้อย่างดี อย่างไรเสียก็จะอยู่เคียงข้างสวีเสี่ยวหลานเสมอ นางขาดเหลืออะไร ตนจะช่วยซื้อให้
ทั้งคู่รับประทานมื้อเช้าแล้วถึงเริ่มมุ่งหน้าไปยังสำนักแพทย์หลานหลิน
วันนี้เป็นวันเปิดสำนักแพทย์หลานหลินอย่างเป็นทางการ มีผู้คนมากมายมาออกันนอกประตูแต่เช้าแล้ว
เมืองซีเสียเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ดังนั้นการเปิดกิจการของสำนักแพทย์จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว เพราะผู้คนที่นี่ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอะไรเป็นพิเศษ ล้วนแต่ชอบร่วมชมความสนุก ก
ปังๆ ๆ…
เสียงประทัดดังขึ้น คณะเชิดสิงโตเริ่มการแสดงหน้าประตูแล้ว
อันหลินสวมชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาเจือรอยยิ้มอ่อนโยน
สวีเสี่ยวหลานสวมชุดสีเขียว งดงามเหนือสามัญ ใบหน้าก็เจือรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่ยืนเคียงคู่กันนอกสำนักแพทย์ประหนึ่งคู่รักกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉายิ่งนัก
เพื่อสร้างบรรยากาศ อันหลินจึงดีดนิ้ว
เห็นหงส์ไฟสีทองตัวหนึ่งบินทะยานขึ้นฟ้า ร่อนรำรอบสำนักแพทย์ แผดเสียงร้องดีใจอันกังวานเป็นระยะๆ
จากนั้นมังกรเพลิงตัวหนึ่งก็ปรากฏกลางเวหา ฉวัดเฉวียนอย่างทรงพลัง
นี่เป็นหงส์ร่อนมังกรรำขนานแท้ ทำเอาฝูงชนที่ล้องมุงดูทั้งหลายต่างก็เบิกตากว้าง อุทานไม่ขาดปาก
และนักพรตที่มีพลังยุทธ์บางส่วนเมื่อเห็นอันหลินใช้มนต์คาถาเช่นนี้อย่างง่ายดายแล้วก็ยิ่งตกตะลึง ในใจไม่บังอาจเกิดความคิดไม่ซื่อกับสำนักแพทย์หลานหลินอีก เหลือเพียงความเคา ารพยำเกรงอย่างสุดซึ้ง
“โอ้โห! เถ้าแก่สำนักแพทย์หลานหลินเป็นยอดฝีมือเหนือโลกีย์จริงๆ ด้วย ใช้วิชาเซียนได้สุดยอดนัก! เชื่อว่าศาสตร์การแพทย์ของเขาก็ต้องเหนือชั้นอย่างยิ่ง! ท่าทางการรักษาตัวที่ นี่จะเป็นทางเลือกที่ดีมาก”
“เถ้าแก่เนี้ยของสำนักแพทย์ก็ไม่ธรรมดาเลยเช่นกัน โฉมงาม มาดก็ดียิ่งนัก แค่มองก็รู้แล้วว่ามืออาชีพ ข้าอยากรักษาตัวกับนาง”
“สหายเลิศล้ำนัก เจ้าแยกแยะว่ามืออาชีพหรือไม่จากความงามหรือ อีกอย่าง อยากให้เถ้าแก่เนี้ยรักษาเจ้าอย่าฝันกลางวันเลย! เถ้าแก่เนี้ยจะรักษาให้แค่สตรี เถ้าแก่รักษาบุรุษกับเหล่ าผู้บำเพ็ญเพียร เจ้าพูดแบบนี้ไม่กลัวเถ้าแก่จะเชือดเจ้าหรือ!”
“ได้ยินว่าราคารักษาของสำนักแพทย์เปิดใหม่ถูกกว่าสำนักแพทย์อื่นอีกนะ ราคาสมุนไพรที่นี่เป็นแปดส่วนของราคาสมุนไพรของสำนักแพทย์อื่นๆ…”
“ถูกขนาดนี้เลยหรือ งั้นข้าจะไปดูด้วย!”
…
การแสดงเสร็จสิ้น สำนักแพทย์หลานหลินได้เปิดกิจการอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เหล่าผู้ชมที่มุงดูเฮโลกันเข้าไป
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานแยกกันนั่งคนละโต๊ะ ทำหน้าที่ตรวจโรคให้กับคนป่วยที่แตกต่างกันไป
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ในร้านยังมีบ่าวชายสามคนกับสาวใช้สามคนทำหน้าที่จ่ายยาและช่วยเหลือ
คนมากมายล้วนมุ่งหน้ามาซื้อวัตถุดิบบำรุงร่างกายเพราะสำนักแพทย์เปิดกิจการใหม่ ในเมืองเล็กแห่งนี้ไหนเล่าจะมีคนมากมายปานนั้นรอให้สำนักแพทย์เปิดกิจการใหม่แล้ววิ่งโร่มารัก กษาโดยเฉพาะกัน
อันหลินเคยเรียนวิชาโอสถในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน มีพื้นฐานตรงนี้อยู่ ไม่มีทางรักษามั่วซั่ว ไม่ชี้นำทางผิด หากไม่เห็นความผิดปกติจริงๆ ใช้วิชาเซียนรักษาขั้นพื้นฐานกับคน นไข้ก็สิ้นเรื่อง!
ตลอดทั้งวันนี้ ทั้งคู่ค่อนข้างราบรื่น
รักษาคนไข้ไปหลายสิบคน พูดถึงรายรับก็ได้หลายร้อยตำลึงกับอีกหลายสิบหินวิญญาณ
มองรายได้ที่วางอยู่บนโต๊ะพวกนี้…
ทั้งคู่พลันห่อเหี่ยวทันที
สวีเสี่ยวหลานย่นคิ้วงาม บ่นอุบว่า “เราเหนื่อยมาทั้งวันได้เงินแค่นี้เองหรือ”
อันหลินพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ถ้าหักต้นทุนแล้ว พวกเราได้กำไรไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ”
“เฮ้อ…ตอนแรกที่ข้าเปิดสำนักแพทย์เพียงเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ว่าตอนนี้…” ใบหน้างามสะคราญของสวีเสี่ยวหลานแดงเรื่อ เอ่ยเสียงเบาว่า “ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เจ้ามีความเห็นอะไรไ ไหม”
“หรือว่า…จะเปิดร้านซาลาเปาดี” อันหลินลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
สวีเสี่ยวหลานย่อมเข้าใจว่าร้านซาลาเปาที่อันหลินว่าคืออะไร ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วกล่าวว่า “ไม่ค่อยดีหรอกกระมัง เพราะการบริโภคของเมืองซีเสียไม่สูงแต่แรกอยู่แล้ว ซาลาเปาของ งเจ้าขายราคาสูงปานนั้นไม่ได้หรอก ไม่สู้…ไม่สู้เรากินกันเอง…”
อันหลินได้ฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างยิ่ง “ถ้างั้น…เราจะเปิดสำนักแพทย์สัมผัสประสบการณ์ชีวิตต่อไปหรือ”
“อืม สัมผัสประสบการณ์ชีวิตต่อไปเถอะ” สวีเสี่ยวหลานพยักหน้ายิ้มๆ
สำนักแพทย์หลานหลินเสร็จสิ้นกิจการวันแรก
ทั้งคู่จับมือเหยียบย่ำเส้นทางเล็กๆ ของเมืองโบราณ กลับเรือนอย่างเนิบช้าภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดง
วันต่อมา หลังสำนักแพทย์หลานหลินดำเนินไปหนึ่งวันแล้ว ผู้คนที่ได้รับการรักษาต่างก็ได้ผลดีเยี่ยม คำเยินยอกับชื่อเสียงพุ่งทะยาน คนที่มารักษาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย ถึงขั้นว่าม มีนักพรตบางส่วนด้วย
นักพรตล้วนถูกรักษาโดยอันหลิน พร้อมกับปรุงโอสถกันสดๆ สวีเสี่ยวหลานจะชี้แนะการควบคุมไฟและวิธีการปรุงเป็นครั้งคราว
ระดับของการปรุงโอสถแบ่งเป็นระดับไฟวัฏฏะ ระดับสมฤทัย ระดับรวมปราณ ระดับจิตนิรมิต และระดับอันติมะทั้งหมดห้าระดับ
หลังสวีเสี่ยวหลานรับมรดกการปรุงยาจากเสิ่นอิงแล้ว ก็เหยียบธรณีประตูของระดับจิตนิรมิตแล้ว แม้จะไม่สามารถปรุงยาได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงความรู้ ก็นับว่าเป็นที่หนึ่งในแดน นจิ่วโจวแล้ว ฉะนั้นช่วยชี้แนะอันหลินจึงไม่เป็นปัญหา
แม้ว่าอันหลินจะไม่ตั้งใจฟังเวลาเข้าเรียน และไม่เคยปรุงโอสถมาก่อน ทำได้แค่ปั้นยา แต่ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตขั้นกลางแล้ว ต่อให้โง่เง่าแค่ไหนก็ สามารถเพิ่มระดับของการปรุงโอสถเป็นระดับไฟวัฏฏะได้
ดังนั้นระดับการปรุงโอสถในตอนนี้ของเขาจึงอยู่ที่ระดับไฟวัฏฏะ
คนในเมืองที่มาตรวจรักษาส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักพรตระดับกายแห่งมรรคขั้นสี่ขั้นห้า น้อยนักจะมีนักพรตขั้นสูงมารักษา เพราะนักพรตขั้นสูงมีจำนวนน้อยนิด อีกอย่างก็ไม่ป่วยง่ายๆ!
และเป็นเพราะเหตุนี้เอง วิชาปรุงโอสถระดับไฟวัฏฏะของอันหลิน…สามารถทำเท่ในสำนักแพทย์ได้ด้วย!
นักพรตหญิงแต่ละคนที่มารักษา เมื่อเห็นการปรุงโอสถอันคล่องแคล่วไหลลื่นของอันหลินแล้วก็ดวงตาลุกวาวกันระนาว คิดว่าชายหนุ่มที่สวมชุดขาวท่านนี้ช่างยากแท้หยั่งถึง หล่อสุด ดๆ!
ภายใต้การชี้แนะของสวีเสี่ยวหลาน วิชาปรุงโอสถของอันหลินก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ชื่อเสียงของสำนักแพทย์หลานหลินก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองซีเสียอย่างรวดเร็ว
ตอนบ่าย คนที่เดินทางมารักษาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย ในนี้รวมถึงบุคคลที่มีฐานันดรค่อนข้างสูงส่งในเมืองบางส่วนด้วย
พวกเขามีโรคเรื้อรังอยู่แล้ว เมื่อได้ยินชื่อเสียงของสำนักแพทย์หลานหลินก็อยากจะมาลองดูสักหน่อย
การรักษาโรคเรื้อรังของอันหลินราบรื่นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเคยเจอโรคที่รักษาไม่ได้เช่นกัน
อย่างเช่นนักพรตหญิงที่รูปโฉมธรรมดาคนหนึ่งมาหาอันหลิน อันหลินดูไม่ออกว่านางเป็นโรคอะไร
อันหลินพูดอย่างอดไม่ได้ว่า “แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านรู้ไหมว่าตัวเองเป็นโรคอะไร”
นักพรตหญิงหน้าแดงเรื่อ มองอันหลินแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าลงอย่างเขินอาย “เป็นไข้ใจ”
อันหลิน “…”
เขาคลึงหว่างคิ้ว พูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุดหย่อนว่า “แม่นาง ร้านเราไม่รักษาอาการทางจิต...แต่ถ้าหากท่านเป็นไข้ใจจริงๆ ก็ไปพบเขาเถอะ เวลา ระยะทางหรือธรรมเนียมประเพณี อุปสรรคทั งหลายน่ะไม่สำคัญ ขอแค่มีรัก ก็ไม่มีปัญหาใดขัดขวางพวกท่านได้!”
นักพรตหญิงเงยหน้ามองอันหลิน แววตากระจ่างใส “จริงหรือ ที่จริงตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าข้านี่แหละ…”
“ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเมื่อวาน ข้า…ข้าก็คิดถึงอยู่ตลอด…”
หญิงคนนั้นยิ่งพูดหน้าก็ยิ่งแดง แววตาที่มองอันหลินก็อ่อนโยนยิ่งขึ้น…
“แค่ก...” อันหลินแทบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง
หญิงสาวมองอันหลินแล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านพูดเองว่า เวลา ระยะทาง ธรรมเนียมประเพณี อุปสรรคทั้งหลายไม่สำคัญ ขอแค่มีรักก็ไม่มีสิ่งใดขัดขวางพวกเราได้!”
มุมปากของอันหลินกระตุกทันทีที่ได้ยิน
ให้ตายสิ! เธอไม่เห็นเถ้าแก่เนี้ยที่อยู่ข้างๆ หรือไง ผู้เฒ่าจันทราส่งเธอมาโจมตีฉันหรือไง!
หูของสวีเสี่ยวหลานค่อนข้างไว บัดนี้ใช้สายตาเหลือบมองอันหลินแล้ว!
อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “แม่นาง ที่ข้าพูดก่อนหน้านี้เป็นวิธีรักษาไข้ใจของคนรักกัน แต่ของท่านเป็นรักข้างเดียว โรคนี้ข้ารักษาไม่ได้ เชิญกลับเถอะ”
นักพรตหญิงได้ฟัง ใบหน้าก็พลันหม่นหมอง
แต่นางก็ไม่ตอแยมากนัก เพียงแค่พยักหน้าให้อันหลินแล้วจากไปด้วยความเจ็บปวด
สีหน้าของสวีเสี่ยวหลานถึงได้อ่อนโยนขึ้นมา เริ่มจับชีพจรให้เด็กหญิงตรงหน้า
อันหลินโล่งอกไปที ดูท่าทางการรักษาโรคก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เป็นเพราะตนหล่อเหลาเกินไปแท้ๆ!