ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 458 มันเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ
ทั้งคู่คำนับเต้าเต๋อเทียนจุนอีกครั้งหลังกอดกันอย่างตื้นตันแล้ว
“ข้าจะตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของผู้อาวุโสด้วยความสามารถทั้งหมดที่นี่แน่ๆ เจ้าค่ะ!” สวีเสี่ยวหลานพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น
“เอาละ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะกล้าให้ผู้น้อยอย่างพวกเจ้าตอบแทนได้อย่างไร ข้าไม่ได้ออกแรงมากนักหรอก เพียงแค่ทำในสิ่งที่อยากทำเท่านั้น วิธีถ่ายเลือดที่สมบูรณ์แบบ สายเลือดมังกรที่ซ่อนเร้นกับเลือดดั้งเดิมของวิหคชาด มีสามสิ่งนี้ครบถ้วนต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรากฐานใหม่ของเจ้า” เต้าเต๋อเทียนจุนลูบเคราขาวพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม
เสียงของระฆังทองม่วงดังขึ้นอีกครั้ง มิติแปรปรวนขึ้นมาทันที
ทุกคนกลับมาที่เรือนหลานหลินอีกครั้ง แต่ไม่เห็นเงาของมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนแล้ว
“อันหลิน พบกันคราวหน้าข้ามีเรื่องวานให้เจ้าช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ”
เสียงของเต้าเต๋อเทียนจุนดังก้องอากาศ เลือนรางทว่าซึมซาบไปในจิตใจ
อันหลินคำนับอย่างจริงจังอีกครั้ง “เมื่อถึงตอนนั้น ข้าน้อยจะช่วยท่านสุดความสามารถแน่ๆ!”
สวีเสี่ยวหลาน เหล่าสัตว์เลี้ยง รวมถึงสาวใช้ทั้งสี่ต่างก็คำนับต่อท้องฟ้าอันไกลโพ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ
หมาป่าดาบขาวไม่คิดเลยว่า บุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของแผ่นดินอย่างมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนจะต้องการความช่วยเหลือจากอันหลินด้วย พลันรู้สึกว่าช่างน่าเหลือเชื่อ มันเคารพเจ้านายของตนยิ่งกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว ระดับความเชื่องเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
“เสี่ยวหลาน ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับแปลงจิตแล้วหรือ” อันหลินถาม
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้ายิ้มๆ “อืม หลังดูดซึมเลือดดั้งเดิมของวิหคชาดแล้ว พลังขอบเขตของข้าสมบูรณ์แล้ว ตอนที่สร้างรากฐานใหม่ ได้อาศัยพลังแห่งสายเลือดของสัตว์เทพทำให้รากปราณแผ่ปราณหยวน จิตวิญญาณแจ่มชัด เส้นชีพจรมั่นคง เข้าสู่ระดับแปลงจิตขั้นต้นอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องใช้แม้แต่อสนีบาต”
แม้อันหลินจะไม่เข้าใจว่าสวีเสี่ยวหลานกำลังพูดอะไร แต่ที่แน่ๆ รู้สึกว่าสุดยอดมาก
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงจับมือเรียวและขาวผุดผ่องของสวีเสี่ยวหลานขึ้นมา
“เจ้าจะทำอะไร” สวีเสี่ยวหลานหน้าแดงเรื่อ นัยน์ตาคู่งามจ้องมองอันหลิน
อันหลินยิ้มอ่อนโยน หยิบแหวนมิติวงหนึ่งออกจากแหวนมิติแล้วสวมใส่นิ้วเรียวดุจต้นหอมนั่นช้าๆ “ตอนนี้แหวนมิติวงนี้กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มหวาน ดวงตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยวที่น่ารัก “ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “มีอะไรอีกหรือ”
สวีเสี่ยวหลานเบะปาก “ไม่มีอะไร เล่นไพ่นกกระจอกต่อเถอะ”
เจ้าอัปลักษณ์ ต้าไป๋ สวีเสี่ยวหลานกับอันหลินจึงร่วมโต๊ะกันเล่นไพ่นกกระจอกด้วยประการฉะนี้ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผ่านพ้นไปแล้ว
ต้าไป๋ส่งกระแสจิตอย่างโมโหว่า “พี่อัน เจ้าโง่หรือไง ทำไมเมื่อครู่ไม่แสดงออกสักหน่อยเล่า!”
อันหลินทำหน้างุนงง “แสดงออกอะไร”
ต้าไป๋กุมขมับ “ตอนนี้เป็นวันมงคล เจ้าไม่รุกหน่อยหรือ ให้ของขวัญเซียนหญิงเสี่ยวหลานหน่อย จูบเซียนหญิงเสี่ยวหลานสักทีสิ ไม่ก็พาเซียนหญิงเสี่ยวหลานขึ้นสวรรค์…พลังยุทธ์ฟื้นฟูแล้วไม่ใช่หรือ ทำอะไรไม่ได้บ้าง! พานางเล่นไพ่นกกระจอกต่อมันหมายความว่าอย่างไร!”
อันหลินครุ่นคิดแล้วได้สติทันใด
เขาชวนอย่างประหม่าว่า “เสี่ยวหลาน คืนนี้พระจันทร์งดงามปานนี้ เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อยไหม”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้า พูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ว่า “ช่างมันเถอะ เล่นไพ่นกกระจอกไปแล้ว…อีกอย่างก็ดึกแล้วด้วย ครั้งหน้าแล้วกัน”
อันหลิน “…”
“ผ่อง![1]” พูดแล้วนางก็ใช้ไพ่เสาะสามสองตัวกินเสาะสามที่เจ้าอัปลักษณ์โยนออกมา แล้ววางลงบนมุมหนึ่งของโค๊ะ
อันหลินรู้สึกเหมือนสูญเสียเวลาอันมีค่าไป ใบหน้าจึงเศร้าหมอง
ในตอนนั้นเอง สาวใช้ทั้งสี่อย่างชุน เซี่ย ชิว ตงก็สนทนากันอย่างตื่นเต้น
เสี่ยวชิงที่อายุน้อยที่สุดพูดด้วยความตกใจว่า “พี่สาว ของที่เหมือนลมเบาบางคือพลังปราณหรือ รู้สึกว่าพิเศษจังเลย…”
เสี่ยวชุนกำมือแน่น พูดอย่างฮึกเหิมว่า “ต้องเป็นพลังปราณแน่นอน! พวกเราก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแล้วเหมือนกัน!”
เสี่ยวตงพยักหน้า “ที่แท้หนึ่งคนบรรลุเป็นเซียน หมูหมากาไก่รอบตัวก็พลอยได้ดีคือแบบนี้นี่เอง…พลังของนายหญิงฟื้นฟู ไม่คิดเลยว่าคลื่นพลังงานที่ถูกกระตุ้นจะทำให้พวกเราบำเพ็ญเซียนได้ด้วย”
เสี่ยเซี่ยทำหน้าตื่นเต้นดีใจ “ต้องติดตามนายหญิงไปให้ได้ เวลาเดินสู่จุดสูงสุดของชีวิตพวกเรามาถึงแล้ว!”
มือเรียวของเสี่ยวชิวจิกชายเสื้อแน่น พูดอย่างประหม่าว่า “แต่…นายหญิงจะพาพวกเราไปด้วยจริงหรือ”
คำพูดของเสี่ยวชิวทำให้เหล่าสาวใช้ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
พวกนางพอจะคาดเดาเหตุการณ์จากบทสนทนาของอันหลินกับเต้าเต๋อเทียนจุนก่อนหน้านี้ได้บ้างแล้ว
ที่นายหญิงมาเมืองซีเสียเป็นเพราะสูญเสียพลัง
ตอนนี้เมื่อพลังฟื้นฟูแล้ว เป็นไปได้สูงว่าจะไปจากที่นี่แล้ว
แต่พวกนางเป็นเพียงสาวใช้ที่อยู่กับสวีเสี่ยวหลานได้ไม่นาน ถึงขั้นเรียกได้ว่าพบกันโดยบังเอิญ ต่อให้จากไปทั้งอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นเอง สวีเสี่ยวหลานที่เอาแต่เล่นไพ่นกกระจอกอยู่ตลอดเวลามองสาวใช้ที่ซุบซิบกันแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “พวกเจ้าคิดบ้าอะไรกันอยู่ ข้าจะทิ้งเด็กๆ ที่น่ารักขนาดนี้ได้อย่างไร พรุ่งนี้ตกลงกับครอบครัวพวกเจ้าให้ดี อยากตามไปเป็นลูกศิษย์ในนามของสำนักวิหคชาดกับข้า หรือจะอยู่ที่สำนักแพทย์หลานหลินก็แล้วแต่พวกเจ้า”
ชุน เซี่ย ชิว ตงต่างก็อ้าปากค้าง พวกนางไม่คิดเลยว่าสวีเสี่ยวหลานจะได้ยินคำซุบซิบของพวกนาง ยิ่งไม่คิดเลยว่าสวีเสี่ยวหลานจะให้พวกนางตัดสินใจด้วยตัวเอง
เหล่าสาวใช้นัยน์ตาแดงก่ำ แสดงเจตนาว่าจะติดตามสวีเสี่ยวหลานให้ได้
อย่าว่าแต่นายหญิงเป็นบุคคลที่เก่งกาจยวดยิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลำพังแค่นิสัยของนายหญิง พวกนางก็ชอบมากด้วย
แม้จะไม่ให้พวกนางกินอาหารจากกระทะก้นแบน แถมยังพลอดรักบ่อยๆ…แต่นอกจากข้อเสียเหล่านี้แล้ว ก็มีแต่ข้อดีทั้งนั้น เป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบ!
เล่นไพ่นกกระจอกจวบจนดึกดื่นค่อนคืน อันหลินบอกราตรีสวัสดิ์กับสวีเสี่ยวหลานแล้วแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ถึงแม้คืนนี้อันหลินเสียดายนิดหน่อย แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังมีความสุขมากอยู่ดี เพราะแก้ไขปัญหาใหญ่ของชีวิตได้แล้ว คลายปมในใจทั้งหมดของเขาแล้ว ฉะนั้นแม้แต่นอนก็ยังยิ้ม หวานละมุนเป็นพิเศษ
สวีเสี่ยวหลานกลับห้อง มองรูปโฉมอันงดงามของตัวเองในคันฉ่องทองแดงแล้วยิ้มหวาน
จากนั้นนางก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พึมพำเบาๆ ว่า ‘คนทึ่ม’ แล้วพักผ่อน
เรื่องราวมักจะดำเนินไปด้วยความคาดการณ์ไม่ได้ เพียงแค่ราตรีเดียว นางก็เปลี่ยนจากมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง สร้างรากฐานใหม่ พลังฟื้นฟูอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านี้ พลังยุทธ์ก็ก้าวล้ำขึ้นหนึ่งขั้น บรรลุระดับแปลงจิตขั้นต้นแล้ว
มาคิดดูตอนนี้แล้ว ถึงแม้ปัจจัยบังเอิญมากมาย แต่หากว่าไม่มีใครบางคนไล่ตามมาอย่างไม่คิดชีวิต ทุกอย่างเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น…
เป็นเพราะพลังอันยิ่งใหญ่ของเจ้าทึ่มบางคนที่ช่วยนางไว้…
สวีเสี่ยวหลานใช้ผ้าห่มคลุมไว้ครึ่งหน้า เผยดวงตาที่กระจ่างใสดุจวารินยามสารทกับปลายจมูกจิ้มลิ้ม จู่ๆ ในแววตาก็มีความเสียดายเจือปน
“อืม…คำชวนที่บอกว่าแสงจันทร์งดงามมาก หากว่าตกลงไปกับเขาจะดีกว่านี้ไหมหนอ...”
“ไม่ได้ ก้าวหน้าไวเกินไปไม่ได้ ยังอยู่ในระยะดูใจ ข้าจะใจง่ายแบบนี้ไม่ได้…”
“แต่เขาจะไม่พอใจไหมนะ”
“จะสนใจอะไรมากมายไปทำไม เวลายังอีกยาวไกล...”
“ไม่คิดแล้วๆ ข้ายังเด็กอยู่เลย ใช่! ข้ายังเด็ก…”
รัตติกาลดุจวาริน ในค่ำคืนอันสุขสงบ
อันหลินหลับสนิทอย่างมีความสุขไปแล้ว แต่หญิงสาวบางคนยังคงอยู่ในภวังค์…
[1] ผ่อง ไพ่ที่เหมือนกันทั้ง 3 ตัว หรือเรียกอีกอย่างว่า ไพ่ตอง