ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 460 อาหารหมาของต้าไป๋
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานมายังเรือนหลังหนึ่ง ที่นี่ปลูกต้นจื่อเถิงไว้มากมาย มองไกลๆ แล้วเหมือนก้อนเมฆสีม่วง งดงามยิ่งนัก
นี่เป็นเรือนที่สวีเสี่ยวหลานอาศัยอยู่ นับว่าเป็นเรือนที่ใหญ่มากในสำนักวิหคชาดแล้ว
สาวใช้ทั้งสี่อย่างชุน เซี่ย ชิว ตงเห็นการตกแต่งอันวิจิตร พืชพรรณอันงดงาม สระน้ำที่ใสสะอาด ไม่นานก็ตกหลุมรักเรือนหลังนี้ สุมหัวกันพูด เจี๊ยวจ๊าวอย่างเริงร่าไม่หยุด
อันหลินนอนเอกเขนกอาบแสงแดดอันอบอุ่นอยู่บนเก้าอี้ยาว กำลังหลับตาพักผ่อน
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นต้าไป๋หยิบของสีทองคล้ายข้าวปั้นออกมาแล้วยัดใส่ปากไม่หยุด
“ต้าไป๋ เจ้ากินอะไรน่ะ” อันหลินพูดอย่างสงสัย
“นี่เป็นอาหารหมา โฮ่ง!” ต้าไป๋กินพลางพูดไปด้วย
อันหลิน “…”
เมื่อเห็นสีหน้าของอันหลิน ต้าไป๋จึงชี้แจงต่อว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้มรดกอาหารหมาจากโบราณสถานจื่อซิงมาไม่ใช่หรือ ตอนหลังข้าเลยปรุงอาหารหมาต ตามวิธีการของมรดก ไม่คิดเลยว่าอาหารหมาจะอร่อยมากทีเดียว! อีกอย่างถ้าเห็นคนอื่นพลอดรักกันแล้วรู้สึกอ้างว้าง กินอาหารหมาหนึ่งคำ[1] ทำให้ ผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาทันทีเลย!”
“ต้าไป๋…ข้าทำให้เจ้าลำบากเสียแล้วใช่ไหม” อันหลินถามด้วยความเห็นใจ
ต้าไป๋น้ำตาคลอมองอันหลิน “พี่อัน ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจจิตใจของข้าสักที! เจ้าพลอดรักทุกวัน! ข้านึกว่าข้าไม่เป็นที่โปรดปรานแล้วเสียอีก ฮ ฮือๆ ๆ…โฮ่ง!”
“ข้าเข้าใจเจ้า แต่พวกพลอดรักอะไรเทือกนั้น เจ้าต้องทำตัวให้ชิน...” อันหลินลูบหัวของต้าไป๋แล้วพูดด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจต่อ
ต้าไป๋ชะงักเมื่อได้ฟัง ยัดอาหารหมาใส่ปากอีกหลายคำอย่างโมโหต่อ!
อันหลินมองอาหารหมาที่เป็นสีทองคล้ายข้าวปั้นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “อาหารหมาอร่อยจริงหรือ ให้ข้าลองชิมสักก้อนสิ”
“ข้าเหลือแค่อาหารหมาแล้ว เจ้าก็ยังจะแย่งข้าหรือ คนที่มีคนรักแล้วไม่คู่ควรจะมีอาหารหมา โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างเศร้าเสียใจ
อันหลินพูดยิ้มๆ ว่า “เจ้ายังมีชิงหัวไม่ใช่หรือไง เจ้ากินอาหารหมาไปทำไม”
“ชิงหัวไม่ใช่คนรักของข้า ให้เจ้าเป็นคนรักกับหมาตัวเมีย เจ้าจะตกลงหรือ” ต้าไป๋กลอกตาพลางพูดอย่างดูแคลน
“ก็ถูก” อันหลินพยักหน้าเมื่อได้ฟัง คิดว่ามีเหตุผล
จากนั้นสีหน้าของเขาก็ชะงักงัน ได้สติกลับมา
ถูกกับผีน่ะสิ! ฉันไม่ใช่หมาเสียหน่อย!
ในตอนนั้นเอง หมาป่าดาบขาวก็เดินเข้ามา เพียงแต่ว่าท่าทางประหม่าและสำรวมนิดหน่อย
เดิมทีผิวหนังของมันถูกเกล็ดสีขาวปกคลุม ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบ ผิวหนังจึงเริ่มมีขนสีขาวปุกปุยงอกออกมา รูปร่างพองขึ้น มองแล้วเห หมือนจอมอ้วนหนักหลายร้อยกิโลกรัม
หมาป่าดาบขาวคุกเข่ากับพื้น พูดด้วยสีหน้านอบน้อมว่า “นายท่าน ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรหรือไม่ ไม่ว่าจะเฝ้าฐานปฏิบัติการ หรือขยายดินแดนเพ พื่อท่าน ข้าก็พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟ”
อันหลินได้ฟังก็อึ้ง
เฝ้าฐานปฏิบัติการเหรอ ฉันมีฐานปฏิบัติการที่ไหนกัน
ขยายดินแดนมันบ้าอะไรอีก ฉันไม่มีแม้แต่กองกำลังด้วยซ้ำ ขยายกับผีอะไร!
“แค่ก...หมาป่าน้อย ตอนนี้พวกเรากำลังเก็บตัว เจ้าอย่าได้รีบร้อนพิชิตสี่ทิศ ในระดับอย่างพวกเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพยายามเพิ่มพลังยุทธ์ ของตัวเอง!” อันหลินพูดอย่างนิ่งเฉย
หมาป่าดาบขาวพูดด้วยนัยน์ตาที่วาวโรจน์ “เผ่าอนารยชนของพวกเราจำต้องดื่มเลือดของศัตรูระหว่างการทำสงคราม จึงจะเพิ่มพลังยุทธ์ของตนได้!”
อันหลิน “…”
เป็นหมาป่าขนานแท้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เข้ากับสไตล์สัตว์เลี้ยงของเขาเลย!
บอกตามตรง เขาเริ่มอยากเลี้ยงหมาป่าตัวนี้ตามธรรมชาติเสียแล้ว
“พี่อัน อันที่จริงข้าใคร่ครวญปัญหาหนึ่งมาตลอด หมาป่าน้อยตัวนี้อยู่ลำดับที่เท่าใดกันแน่ เสี่ยวซื่อ (4) เสี่ยวอู่ (5) หรือเสี่ยวลิ่ว (6) ) โฮ่ง” ต้าไป๋เลียอาหารหมาในมือแล้วพูดขึ้นอย่างฉงนสนเท่ห์
หมาป่าดาบขาวทำหน้าสงสัย “สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่พวกเจ้าสามตัวหรือ”
“เปล่าเสียหน่อย เสี่ยวซื่อถูกพวกเราเผลอกินไปแล้ว เสี่ยวอู่ถูกพี่ห้าระเบิดตายไปแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
หมาป่าดาบขาวขาอ่อนทันทีที่ได้ฟัง มองอันหลินอย่างหวาดผวา
ถูกกินกับถูกระเบิดตายงั้นเหรอ!
ลำดับก่อนหน้ามันประสบพบเจอกับอะไรกันแน่!
หมาป่าดาบขาวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ที่แท้เจ้านายก็น่ากลัวปานนี้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มันก็เริ่มเก็บงำอารมณ์ มองอันหลินด้วยความเชื่อง เบิกตาดำขลับกลมกว้างแล้วแลบลิ้นออกมา รีบสร้างความประทับใจทันที
“นายท่าน ท่านจะเรียกข้าเสี่ยวอะไรก็ได้ ข้าไม่ถือสาทั้งนั้น!”
อันหลินถอนหายใจเบาๆ “ตำแหน่งของเสี่ยวซื่อเก็บไว้ให้เสี่ยวหลานเถอะ ข้าลืมมันไม่ได้ ส่วนมังกรตัวนั้น อืม…เป็นแค่อุบัติเหตุ พันธะสัญญ ญาสัตว์เลี้ยงกับพันธะสัญญาทาสไม่เหมือนกัน หมาป่าน้อยเป็นลำดับที่หนึ่งของทาสแล้วกัน”
“นายท่านสุดยอด วิเคราะห์ได้สมเหตุสมผล หมาป่าน้อยนับถือจริงๆ! ต่อไปหมาป่าน้อยจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมพลีชีพสู้ จะไม่ทำลายชื่อเสียงของท่า านแน่ๆ!” หมาป่าดาบขาวพูดอย่างฮึกเหิม
อันหลิน “…”
“อืม งั้นเจ้าถอยไปก่อนเอะ” อันหลินโบกมือปัดๆ
“ได้ขอรับนายท่าน มีเรื่องอะไรต้องการให้หมาป่าน้อยจัดการต้องบอกข้านะ! ข้าชอบการแบ่งเบาภาระกับนายท่านที่สุด!” หมาป่าดาบขาวคำนับอย่างน นอบน้อมแล้วถึงถอยหลังไปช้าๆ
เห็นหมาป่าดาบขาวออกไปแล้ว ต้าไป๋ถึงพูดออกมาว่า “รู้สึกเหมือนว่าหมาป่าน้อยจะได้รับแรงกระทบกระเทือนบางอย่าง โฮ่ง!”
อันหลินกลอกตา “ก็เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคนั่นของเจ้าทำให้หมาป่าน้อยตกใจ”
“แต่ข้าพูดความจริงนี่นา โฮ่ง!” ต้าไป๋ทำหน้าไม่ยี่หระ
“ข้าเลยไม่โต้แย้งไง เฮ้อ สัตว์เลี้ยงอะไรพรรค์นั้นของปลอมทั้งนั้น” อันหลินถอนหายใจเบาๆ
ต้าไป๋ “… พี่อัน ข้ารู้สึกว่าเจ้าก็ได้รับแรงกระทบกระเทือนเหมือนกัน โฮ่ง!”
อันหลินคร้านจะพูด นอนแผ่บนเก้าอี้ยาวอย่างเกียจคร้านดุจคุณชายก็ไม่ปาน เพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันผ่อนคลาย
พระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ดวงดาราเริ่มปรากฏในผืนฟ้ายามรัตติกาล
จู่ๆ ยอดไม้ของสำนักวิหคชาดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เปลวไฟสีขาวรูปวิหคชาดลอยขึ้นท้องฟ้า แผดร้องดีใจกลางเวหาเหนือสำนักวิหคชาด ราวกับแสดงความปีติยินดีที่ตนได้กลับคืนสู่เหย้าอีกครั้ง
ในยามนี้ ภายในร่างกายของลูกศิษย์ทุกคนแห่งสำนักวิหคชาดล้วนมีการคุ้มครองจากพลังเพลิงบางอย่างเพิ่มมา
พลังนั่นอ่อนโยนดุจวาริน และอบอุ่นปานดวงตะวันยามวสันต์ ไหลหลั่งภายในร่างกายไม่หยุด มอบความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัยให้แก่พวกเขา
ทั่วทั้งสำนักเริ่มฮือฮา ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนมองเพลิงวิหคชาดที่ลอยคว้างกลางอากาศแล้วน้ำตาก็คลอเบ้า ยังมีลูกศิษย์อีกมากมายที่โห่ร้องดีใจแ และกอดกัน
ลูกศิษย์บางส่วนเริ่มปล่อยคาถาเปลวเพลิงใส่ท้องนภา
อุกกาบาตเปลวไฟ มังกรเพลิง พญาหงส์เพลิง ม้วนภาพอัคคี…
คาถาเปลวไฟหลากหลายสีสันที่สะดุดตาอย่างยิ่งลอยสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็ระเบิด ส่องสะท้อนนภายามรัตติกาล ตระการตายิ่งนัก
อันหลินลุกขึ้นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว ทอดมองภาพมหัศจรรย์ที่หมื่นเพลิงเปล่งประกายพร้อมเพรียงกันตรงหน้า
“ช่างเป็นพลุที่งดงามเสียจริง”
ร่างอรชรชุดเขียวมายังข้างกายอันหลินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เปลวไฟกลางท้องฟ้ายามรัตติกาลสาดกระทบใบหน้าขาวผ่องของหญิงสาว งดงามไม่มีสิ่งใดเทียบ
“นั่นสิ…พลุในค่ำคืนนี้สวยงามจริงๆ…”
อันหลินโน้มหน้าเข้าไป สัมผัสริมฝีปากสีอ่อนนุ่มหยุ่นของหญิงสาวข้างกาย
ความรู้สึกอันสุขสมหอมหวานกำลังแผ่ซ่าน