ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 461 ปัญหาหัวใจของม่อไห่
เป็นอีกราตรีที่งดงาม อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานชมดอกไม้ไฟตลอดทั้งคืน สุดท้ายก็กลับด้วยความสุขสม แยกย้ายกันกลับห้องไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันต่อมา ทั้งที่อันหลินเพิ่งตื่นได้ไม่นาน ดวงตายังแดงก่ำ ชายหนุ่มที่ดูค่อนข้างองอาจคนหนึ่งก็มาหาเขาแล้ว
“ฮาย อันหลิน เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง แฮปปี้หรือไม่” ม่อไห่พูดพลางทำหน้ามีเลศนัย
“อืม แฮปปี้สิ ดอกไม้ไฟงดงามจริงๆ…” อันหลินยิ้มอย่างมีความสุข
ม่อไห่ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูอันหลินว่า “สำเร็จแล้วหรือ”
อันหลินทำหน้างุนงง “สำเร็จอะไร”
“อะแฮ่ม…ต้องให้ข้าบอกด้วยหรือ” ม่อไห่อมยิ้มมองอันหลิน “เมื่อคืนดอกไม้ไฟดังตูมตามไม่ขาดสาย คือว่า…เจ้ากับสวีเสี่ยวหลานไม่ได้จุดพลุ กันหรือ”
ดอกไม้ไฟดังไม่ขาดสาย
จุดพลุงั้นเหรอ
ให้ตายสิ!
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ เขาเหมือนจะเข้าใจคำพูดของม่อไห่แล้ว จึงถลึงตาใส่ม่อไห่อย่างอดไม่ได้ “ไปให้พ้น! ข้ากับเสี่ยวหลานเป็นความสัม มพันธ์แบบเพื่อนร่วมสำนักที่บริสุทธิ์ คิดบ้าอะไรน่ะ!”
ในตอนนั้นเอง ต้าไป๋ก็ออกมา “นั่นสิ พี่อันไร้เดียงสาเชียวละ ก็แค่จับมือกับจุมพิตไม่ใช่หรือ แม้แต่พลุก็ยังไม่กล้าจุด ผู้ชายประสาอะไร!”
มันถือข้าวปั้นสีทองยัดเข้าปาก ยัดพลางบ่นไปด้วย
อันหลิน “…”
อันหลินเห็นความคับแค้นใจกับความโกรธที่เขาไม่ได้ดั่งใจบนใบหน้าของต้าไป๋ มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
“ช่างอิจฉาเจ้าจริงๆ ที่ได้ศิษย์น้องที่สวยที่สุดในสำนักของเราไปครอง ไม่เหมือนข้าที่ยังโดดเดี่ยวเดียวดาย” ม่อไห่เปลี่ยนประเด็น เริ่มรำพึง งรำพันอย่างเศร้าโศก
อันหลินเบะปาก “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นคนที่ถูกขนานนามว่าวิปริตที่สุดในรุ่นหนุ่มสาวของสำนัก หาคู่ครองคงยากมากเลยหรือ”
“เฮ้อ เป็นเพราะนิสัยที่ชอบสัมผัสแก่นแท้ของวิถีเพลิงจากเปลวไฟของข้านี่แหละ ชอบให้คู่ต่อสู้เผาตัวเองทุกวัน เล่นเอาลูกศิษย์หญิงที่งดงาม มมากมายคิดว่าข้าวิปริต” ม่อไห่เล่าปัญหาของตนโดยไม่ปิดบังอันหลิน
อันหลินตกใจ ไม่คิดว่าม่อไห่จะสำนึกรู้ในด้านนี้ของตัวเอง เขานึกว่าม่อไห่ไม่รู้เสียอีกแน่ะ!
ต้าไป๋อดพูดแทรกไม่ได้ว่า “ไม่ยากเสียหน่อย เจ้าเป็นมาโซคิสม์ ก็หาคนซาดิสม์สักคนก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ ข้าเชื่อว่ามีสาวๆ ที่ชอบเล่นเทียน นหยด เล่นย่างไฟกับเจ้าอยู่ โฮ่ง!”
อันหลิน “…”
ม่อไห่มองต้าไป๋ด้วยความตะลึง อ้าปากค้าง สุดท้ายพูดเสียงเบาว่า “มีผู้หญิงแบบนี้อยู่จริงๆ หรือ ข้าน้อยเนื้อต่ำใจมาตลอด…เพราะนิสัยแบบนี้ ข้าคิดว่าข้าจะเดียวดายไปชั่วชีวิตเสียอีก...”
“ต้องมีอยู่แล้ว มาโซคิสม์อย่างเจ้ายังน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ผู้หญิงที่เป็นซาดิสม์เหล่านั้นจะไม่น้อยเนื้อต่ำใจหรือไง พวกนางก็เลือกจะปิดบังรสนิ ยมของตัวเองเหมือนกัน เจ้าแค่ต้องกระตุ้นเนื้อแท้ของพวกนาง ให้ความมั่นใจแก่พวกนาง เช่นนั้นก็จะง่ายนิดเดียว โฮ่ง!” ใบหน้าของต้าไป๋เปี่ยมด้ วยอารมณ์ พูดเป็นตุเป็นตะ
ดวงตาของม่อไห่ลุกวาว ประหนึ่งว่าต้าไป๋ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้เขา
“อืม พูดถึงซาดิสม์ ศิษย์พี่ซ่างกวนเป็นเป้าหมายที่ดีเยี่ยมเลยไม่ใช่หรือ สร้างความประหลาดใจให้เจ้าเสมอๆ ต้องทำให้เจ้าตื่นเต้นสุดฤทธิ์สุดเดช แน่ๆ” อันหลินยิ้ม
“ศิษย์พี่ซ่างกวนหรือ…” ใบหน้าของม่อไห่ก็พลันกลายเป็นโศกเศร้าเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป” อันหลินสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเอ่ยปากถาม
“นางหายตัวไปในมหาสงครามตามล่าเพลิงวิหคชาด จากที่เหล่าผู้อาวุโสสันนิษฐาน เป็นไปได้สูงว่านางจะถูกสาวหิมะจับตัวไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เหมัน นต์…” ม่อไห่พูดเบาๆ
อันหลินได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “พรสวรรค์วิถีน้ำแข็งของศิษย์พี่ซ่างกวนอี้น่ากลัวอย่างยิ่ง สาวหิมะคงจะมองเห็นพรสวรรค์ของนาง งเช่นกัน มิเช่นนั้นไม่มีเหตุผลที่จะจับนางไป”
“เฮ้อ พบพรากไม่แน่นอนเลย ศึกนั้นกระทบกระเทือนสำนักวิหคชาดของเราอย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน สะเทือนไปถึงรากฐานของสำนัก” ม่อไห่ส่ายหน้าเบาๆ “ท ที่เจ้าเห็นท่าทางผ่อนคลายของปรมาจารย์ ที่จริงข้าได้ข่าวว่าเขาบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่นานก็จะเก็บตัวบำเพ็ญแล้ว”
“เจ้าสำนักทราบข่าวก็ฝืนใจกลับจากแดนมรณะเพลิงปีศาจ ด้วยความพิโรธ จึงบีบคั้นแนวรบของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ให้ถอยออกไปสามพันกว่าลี้ เข่นฆ ฆ่าสาวหิมะร่วมล้านชีวิต แต่ก็ไม่อาจกอบกู้พลังปราณที่เสียหายอย่างแสนสาหัสของวิหคชาดได้ เคราะห์ดีที่พวกเจ้าชิงเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาได้ มิ เช่นนั้นสำนักวิหคชาดของเราก็ยากจะผ่อนคลายได้จริงๆ”
ม่อไห่ทอดสายตามองทางเหนือแล้วพึมพำว่า “ฝีมือการล้างสมองของสาวหิมะสุดยอดยิ่งนัก หวังว่าเมื่อพบศิษย์พี่ซ่างกวนอีกครา จะไม่ใช่ศัตรูนะ”
อันหลินฟังถึงตรงนี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เช่นกัน
สตรีที่ชีวิตพบเจอแต่ขวากหนามคนหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเป็นที่ยอมรับของเพลิงวิหคชาด สาวหิมะก็โผล่มา
ขณะที่ไล่ล่าสาวหิมะ ปรากฏว่าถูกสาวหิมะจับกุมตัว…
“คุณชายอัน มื้อเช้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ!” จู่ๆ แม่ครัวเสี่ยวชุนก็ตะโกนเสียงหวาน
“ไป ศิษย์พี่ม่อ ไปกินข้าวกัน!” อันหลินกวักมือ
ม่อไห่ส่ายหน้า “ข้าเพิ่งกินไป จริงสิ หลังกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว เจ้ากับสวีเสี่ยวหลานไปที่หอนภาขาวหน่อย ผู้อาวุโสจูรอพวกเจ้าอยู่ที่นั่น”
หอนภาขาวเป็นเขตหวงห้ามของสำนักวิหคชาด ได้ยินว่าข้างในมีขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าที่สุดของสำนัก
อันหลินสนอกสนใจ พูดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า “มีธุระอะไรหรือ”
“ข่าวดี ข่าวดีอย่างใหญ่หลวง ข้าไปก่อนละ” ม่อไห่จากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อบอกลาม่อไห่ อันหลินก็บอกเรื่องนี้กับสวีเสี่ยวหลานด้วยความตื่นเต้น
สวีเสี่ยวหลานกลับทำหน้านิ่งเฉย บอกว่าสมบัติของตนมีมากพอแล้ว ไม่ได้แสดงสีหน้าที่คาดหวังมากเท่าใดนัก
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ อันหลินก็ลากสวีเสี่ยวหลานเหาะไปทางหอนภาขาวด้วยความตื่นเต้น
หอนภาขาวเป็นหอที่ลอยอยู่กลางอากาศ ข้างใต้เป็นเมฆขาวที่เลื่อนลอย
ลูกศิษย์ทั่วไปหากไม่ได้รับการอนุญาต เหาะไปหอนภาขาวโดยพลการละก็ พวกเขาจะพบว่าไม่ว่าตนจะเหาะอย่างไรก็ไม่มีทางเข้าใกล้หอนภาขาวได้ ประหนึ งหอกลางเวหาที่ลอยอยู่บนชั้นเมฆ มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานไม่พบเจอสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขามาถึงหน้าประตูหอได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
ตรงนั้นมีจูหยวนโจวที่กำลังทอดมองมายังทั้งสองอย่างยิ้มแย้ม
จูหยวนโจวเป็นท่านลุงใหญ่ของสวีเสี่ยวหลาน อันหลินได้พบเขาในตอนนี้ บอกตามตรงว่าประหม่าอยู่บ้างเหมือนกัน
เพราะเมื่อวานอันหลินพลอดรักต่อหน้าคนทั้งสำนักเชียวนะ ไม่รู้ว่าลุงใหญ่ท่านนี้จะคิดอย่างไร…
ผู้อาวุโสจูมองอันหลินด้วยรอยยิ้ม “หึหึ อันหลิน รางวัลของเจ้าค่อนข้างล้นหลามนะ ฝากไว้ที่แหวนมิติของสวีเสี่ยวหลานทั้งหมดดีไหม ฝากทรัพย์ แต่งเมียน่ะ…”
อันหลินได้ฟังก็นิ่งอึ้ง ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก สวีเสี่ยวหลานก็พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ผู้อาวุโสจู! ท่านช่วยจริงจังหน่อย! ช่วงเวลาที่สำคัญเป ป็นทางการเช่นนี้ เลิกล้ออันหลินได้แล้ว เขาเป็นวีรบุรุษของสำนักวิหคชาดเชียวนะ!”
ผู้อาวุโสมองหลานสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนใจ ในใจลอบรำพันว่านางปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว
“อันหลิน ข้ามีแค่คำถามเดียว เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั่นใช่ฝีมือเจ้าหรือไม่” ผู้อาวุโสจูโพล่งขึ้นมา
อันหลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ฝีมือข้าเอง”
เรื่องแบบนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบัง ทางด้านความสามารถของเขาเป็นปริศนามาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดสืบสาว
เรื่องที่เขาปลิดชีพราชันเผ่าปีกทมิฬก็รู้กันถ้วนทั่วสรวงสวรรค์ ผู้อาวุโสสำนักวิหคชาดต้องรู้เป็นแน่ ด้วยเหตุนี้การสังหารเจ้าแห่งวังศักดิ สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
เป็นดังที่คาด ผู้อาวุโสจูได้ฟังก็แค่พยักหน้าจริงจัง ไม่แสดงอากัปกิริยาตกใจมากเป็นพิเศษ ราวกับว่าเตรียมใจพร้อมนานแล้ว
“เช่นนั้นนับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือผู้อาวุโสเกียรติยศแห่งสำนักวิหคชาด นี่เป็นป้ายอาญาสิทธิ์ผู้อาวุโส เจ้าเก็บไว้ให้ดี” ผู้อาวุโสจูพูดย ยิ้มๆ
อันหลินรับป้ายอาญาสิทธิ์ไปแล้วอึ้งอยู่กับที่
เขารู้ว่าผู้อาวุโสเกียรติยศมีประโยชน์มากมายปานใด มันหมายความเขาสามารถเสวยสิทธิพิเศษระดับผู้อาวุโสของสำนักได้ รวมถึงเขตหวงห้ามทั้งหมดในสำ ำนักด้วย ขอเพียงมีเงื่อนไขที่เหมาะสม เขาก็สามารถเข้านอกออกในได้ แถมยังไม่ต้องจัดการกิจธุระของสำนักอีกด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ของฟรีที่เสวยอำนาจและประโยชน์ ไม่ต้องปฏิบัติภารกิจ