ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 462 อาวุธดั้งเดิมวิหคชาด รวยแล้ว!
อันหลินได้ฟังก็ไม่ปฏิเสธอีก เดินเข้าไปในหอนภาขาวพร้อมกับผู้อาวุโสจูและสวีเสี่ยวหลาน
เมื่อข้ามลายน้ำต้องห้ามแล้ว คลื่นพลังงานที่มีมวลมหาศาลอย่างยิ่งก็ถาโถมเข้ามา
อันหลินเห็นอาวุธที่ละลานตาปรากฏตรงหน้าของตน ทุกชิ้นล้วนแต่เปล่งประกายอันไร้ที่เปรียบ ลอยอยู่กลางนภา มีบางชิ้นถึงขั้นขยับไปมาอย่างมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
เขามองอาวุธยี่สิบกว่าชนิด เมื่อสัมผัสคลื่นพลังงานพบว่าอาวุธเหล่านี้เป็นอาวุธเซียนทั้งหมด!
อันหลินมองจนตาโต แต่ฝีเท้าของผู้อาวุโสจูไม่หยุดยั้ง แต่ก้าวขึ้นไปยังชั้นที่สอง
หอนภาขาวมีทั้งสิ้นสามชั้น ได้ยินว่าชั้นที่สูงสุดเป็นอาวุธเทวะประจำสำนัก มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่ใช้ ส่วนชั้นที่สองเป็นอะไรนั้นอันหลินไม่ทราบแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงสงสัยขึ้นมา
ชั้นสองของหอนภาขาวค่อนข้างแปลก เป็นห้องสีเหลืองทองที่มองไปรอบกายไม่เห็นขอบเขต
“ออกมาเถิดอาวุธดั้งเดิมวิหคชาด!” ผู้อาวุโสจูตะโกนลั่น
จากนั้นอาวุธที่ส่องแสงระเรื่อหกชิ้นก็ลอยมาหาอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานต่างก็นิ่งอึ้งกับที่เมื่อได้ยินคำว่าอาวุธดั้งเดิมวิหคชาด
สมญานามของอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดเรียกได้ว่าสะเทือนเลือนลั่นสำหรับทั้งสอง ฐานะในสำนักวิหคชาดของมันเทียบเท่าสุดยอดสมบัติ! มันเป็นอาวุธที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอาวุธเซียนเป็นอักโข ได้ยินว่าทุกชิ้นล้วนมีพลังอันสุดแท้หยั่งถึง ประเมินมูลค่าไม่ได้
อาวุธดั้งเดิมวิหคชาดมีทั้งสิ้นสิบชิ้น นอกจากหกชิ้นที่อยู่ตรงนี้แล้ว ตอนนี้ในสำนักวิหคชาดมีเพียงเจ้าสำนักจูซีเจ๋อ ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่ง ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานที่มีอาวุธดั้งเดิม และมีอีกชิ้นที่สูญหาย
“มาเถิด พวกเจ้ามาเลือกชิ้นหนึ่งที่ถูกชะตาเถิด” ผู้อาวุโสจูยิ้ม
“มัน…ไม่ค่อยดีกระมัง…” อันหลินกลืนน้ำลายเอื๊อก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำลายของตนไหลออกมา
“อย่าลำบากใจไปเลย พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์สำนักวิหคชาด แถมยังเป็นคนที่สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง ผ่านประชามติของผู้อาวุโสแล้วว่า พวกเจ้ามีสิทธิ์สืบทอดอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดคนละหนึ่งชิ้น” ผู้อาวุโสจูกล่าว
สวีเสี่ยวหลานไม่มีความเห็นกับเหตุไม่คาดฝันครั้งนี้ แต่จ้องกำไลสีเพลิงชิ้นหนึ่งอย่างตะลึงงัน ใบหน้าเจือความมึนงงและอาลัยอาวรณ์
นางชี้กำไลวงนั้นแล้วพูดว่า “ข้าเอามันนี่แหละ”
“กำไลวิหคชาดหรือ อืม มันก็ควรเป็นของเจ้านั่นแหละ” ใบหน้าของผู้อาวุโสจูก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้ายอมรับ
จากนั้นค่ายกลสีขาวก็ปรากฏเหนือกำไลสีแดง
กำไลสีแดงถูกพลังบางอย่างชักนำ ลอยมาหาสวีเสี่ยวหลานอย่างมีปัญญา จากนั้นสวมลงบนข้อมือขาวผ่องของสวีเสี่ยวหลานอย่างนุ่มนวล
อันหลินเห็นดังนั้นก็ลอบอุทานว่ากำไลวงนี้เหมาะสมกับสวีเสี่ยวหลานมาก ต่อไปถ้ามอบของขวัญก็ข้ามกำไลไปได้เลย
เวลานี้อาวุธดั้งเดิมวิหคชาดเหลือเพียงห้าชิ้น โล่หนึ่งชิ้น กระบี่หนึ่งเล่ม ลูกประคำหนึ่งเม็ด พู่กันหนึ่งด้ามและคันฉ่องหนึ่งบาน
ในฐานะของเซียนกระบี่ที่บำเพ็ญตน อันหลินถูกใจกระบี่ยาวที่มีประกายรัศมีเปลวเพลิงสีทองเล่มนั้นตั้งแต่แวบแรก เขาชี้กระบี่เล่มนั้นแล้วพูดว่า “ข้าเอากระบี่เล่มนี้!”
ผู้อาวุโสจูพยักหน้ายิ้มๆ “กระบี่วิหคชาดแหลมคมไร้เทียมทาน สามารถชักนำอัคคีฟ้าดิน แผดเผาสรรพสิ่งได้ เป็นอาวุธมีคมพิฆาตอันดับหนึ่ง เหมาะสมกับเจ้าจริงๆ”
อันหลินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ในฐานะของเซียนกระบี่ มีกระบี่ดำทะมึนแค่เล่มเดียวได้อย่างไร ยามเก๊กขรึมก็ต้องใช้กระบี่ที่งดงามยิ่งใหญ่ ถึงจะเผยความสง่างามได้!
ผู้อาวุโสจูประสานอิน ค่ายกลสีขาวปรากฎเหนือกระบี่ กระบี่ยาวแผดร้องทันใด
จากนั้นกระบี่ยาวก็เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ขยับไปข้างหลังแล้วเหาะหายไปหน้าทั้งสามคน
อันหลิน “… ผู้อาวุโสจู มันหมายความว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสจูอีหลักอีเหลื่อเล็กน้อย “เอ่อ…ดูเหมือนกระบี่วิหคชาดจะปฏิเสธ…แต่ไม่เป็นไร แม้สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นน้อยครั้ง แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่ปกติ…”
อันหลินแน่นหน้าอกทันทีที่ได้ฟัง เหตุการณ์เกิดขึ้นน้อยครั้ง ไม่เป็นไรงั้นเหรอ
จะว่าไปผู้อาวุโสจูพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจกันงั้นเหรอ!
เขามองอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดสี่ชิ้นที่เหลือแวบหนึ่ง กำลังจะเตรียมตัวเลือกต่อ จากนั้นประคำสีแดงกับพู่กันก็เหมือนว่าจะสัมผัสอะไรได้ สั่นระริกครู่หนึ่งแล้วลอยหายไปทันที
อันหลินมองผู้อาวุโสด้วยความงุนงง
ผู้อาวุโสจูมองอันหลินอย่างผู้บริสุทธิ์ “เจ้าเลือกอีกสักหน่อยดีไหม ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าค่อยเชิญปรมาจารย์มา”
อันหลินมองโล่กับคันฉ่องตรงหน้า มุมปากกระตุกยิกๆ
เลือกอีกงั้นเหรอ มีอะไรให้เลือกอีก นี่มันเลือกหนึ่งในสองอย่างชัดๆ!
“โล่วิหคชาดทนทานอย่างยิ่งยวด ไม่เพียงแต่เรียกขานเจตจำนงของวิหคชาดมาขัดขวางการโจมตีจากภายนอกได้เท่านั้น มิหนำซ้ำยังดูดซึมการโจมตีจากภายนอก แปรเป็นพลังงานของตนเอง เสริมพลังปราณให้ผู้ถือครองหรือปล่อยพลังออกไปในรูปแบบของการโจมตีก็ได้!”
“คันฉ่องวิหคชาดเป็นคันฉ่องที่มีปัญญาและมากด้วยความรู้ มีปัญหาใดก็ถามมันได้ทั้งนั้น อีกอย่างมันยังมีความสามารถในการแยกแยะความจอมปลอมได้อีกด้วย หลังบรรจุพลังงานเสร็จสิ้นแล้ว มีโอกาสสะท้อนการโจมตีของศัตรูได้เต็มร้อยหนึ่งครั้ง”
ผู้อาวุโสจูแนะนำสรรพคุณของอาวุธดั้งเดิมทั้งสองอย่างตั้งอกตั้งใจ เบี่ยงเบนความสนใจของอันหลิน
พออันหลินได้ยินสรรพคุณเหล่านี้ ก็พลันสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย
ไม่มีสาเหตุอื่นใด เพราะอาวุธที่เหลือสองชิ้นฟังดูแล้วไม่เลวทั้งคู่เลยนี่นา!
สรรพคุณของโล่วิหคชาดคล้ายคลึงกับก้อนอิฐ แต่โล่วิหคชาดมีสรรพคุณดูดซึมพลัง เสริมพลังปราณและโต้ตอบเพิ่มมา ส่วนพลังต่อสู้ของคันฉ่องบานนั้นไม่แข็งแกร่ง แต่ก็มีคุณสมบัติที่ค่อนข้างประหลาด มากด้วยความรู้ แยกแยะความจอมปลอม สะท้อนกลับงั้นเหรอ ฟังแล้วก็เท่ไม่หยอกเหมือนกัน
อืม…เลือกอันไหนดีล่ะ
อันหลินลูบคางลังเลไม่สิ้น
“ข้าเลือกโล่วิหคชาดดีกว่า” อันหลินกล่าว
เขาคิดว่าการสะท้อนกลับของคันฉ่อง โล่วิหคชาดก็มีคุณสมบัติเช่นนี้เหมือนกัน แถมยังครบถ้วนยิ่งกว่า
โล่วิหคชาดสามารถป้องกันและแปรพลังงานได้ ดูแล้วอหังการกว่าเยอะโข ค่อนข้างเหมาะสมกับสไตล์ของอันหลิน
“ได้เลย!” ผู้อาวุโสจูประสานอิน ค่ายกลสีขาวปรากฏเหนือโล่วิหคชาด เพื่อให้มันยอมรับอันหลิน
โล่วิหคชาดสั่นระริกครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลอยฟิ้วหายไปประหนึ่งหวาดกลัวอะไรบางอย่าง หลบเร้นไปในมิติสีทองอันไร้ขอบเขต หายลับไปจากสายตาของทุกคน
อันหลิน “…”
ผู้อาวุโสจู “…”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
ลมเย็นโชยมา อันหลินรู้สึกร่างกายเย็นวาบ
ในใต้หล้าที่ผู้คนเฉยชาแห่งนี้ อยากจะห่มผ้าที่มอบความอบอุ่นให้เขาสักผืนเหลือเกิน
“วันนี้ข้าไม่ได้ล้างหน้าหรือไม่ได้ล้างมือกันนะ หรือข้าไม่ได้กราบผู้อาวุโสไป๋” อันหลินมองทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“อันหลิน อย่าได้ท้อใจไป ยังมีคันฉ่องอีกบานไม่ใช่หรือ” สวีเสี่ยวหลานปลอบใจ
มีคันฉ่องอีกบานงั้นเหรอ มุมปากของอันหลินกระตุกน้อยๆ ถูกปฏิเสธสี่ครั้งติดต่อกัน เจ็บปวดจนหายใจติดขัด จะถูกทิ่มแทงหัวใจอีกครั้งเหรอ
เขาหยิบกระบี่พิชิตมารของตนออกมาอย่างอดไม่ได้ ลูบเบาๆ แล้วพูดเสียงนุ่มว่า “เสี่ยวเสียมีแค่เจ้าที่ดีกับข้าที่สุด ไม่ทอดทิ้งข้า ไม่เหมือนเจ้าพวกเลวทรามข้างนอกนี้ เราทั้งสองเหมาะสมกับที่สุดจริงๆ ด้วย”
เสียงที่เย็นเยือกเจือความดูแคลนเล็กน้อยดังขึ้น “เหอะๆ เมื่อครู่เจ้ายังรังเกียจว่าข้าไม่งาม ตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นกระบี่วิหคชาดอยู่เลยไม่ใช่หรือ”
อันหลิน “… เจ้าอยู่ในแหวนมิติไม่ใช่หรือ รู้ได้อย่างไร”
กระบี่พิชิตมาร “ไปให้พ้น”
อันหลิน “…”
อันหลินปวดใจเหลือเกิน อยากหาคนสักคนมาปลอบใจตัวเองจังเลย
“สหายอันหลิน เจ้ายังมีกระจกวิหคชาดให้เลือก ลองดูสักหน่อยเถอะ”
ผู้อาวุโสจูอัดอั้นอยู่นานกว่าจะพูดเช่นนี้กับอันหลินได้
คนที่มีสิทธิ์เลือกอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดมีไม่มาก นับไปนับมาก็มีแค่สิบกว่าคน เมื่อวายปราณก็กลับคืนสู่สำนัก แต่ไม่มีเคยมีใครที่ถูกอาวุธดั้งเดิมทอดทิ้งอย่างไม่ไยดีเช่นอันหลินเลยสักคน
เหตุการณ์แบบนี้ผู้อาวุโสจูก็ไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไร จึงทำได้เพียงให้อันหลินลองดูอีกสักครั้ง
อันหลินเองก็ไม่ถอดใจ ปล่อยต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ออกมา “ต๋าอีต๋าเอ้อร์ ปล่อยค่ายกลไอออนกักขังคันฉ่องวิหคชาดไว้ ข้าไม่เชื่อว่ามันจะหนีไปได้อีก!”
พอเขาพูดเสร็จ ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ก็พุ่งไปหาคันฉ่องวิหคชาดทันที กางแขนแล้วปล่อยค่ายกลไอออนสีน้ำเงินรัศมีสิบจั้งออกมา ปกคลุมคันฉ่องวิหคชาดไว้ข้างในราวกับเป็นกำแพงเหล็กก็ไม่ปาน
“ผู้อาวุโสจู ตอนนี้เริ่มกันได้แล้ว” อันหลินพูดอย่างยิ้มแย้ม
ผู้อาวุโสจู “…”
สวีเสี่ยวหลาน “…”