ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 466 การวิเคราะห์ของราชินีเยว่เย่
ในตำหนักเทพเจ้าสูงสุด ณ เมืองศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
หญิงสาวที่ถูกแสงสีน้ำเงินปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังยืนอยู่บนถาดทวยเทพ มองลงมายังสาวหิมะทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่าง รวมถึงหญิงชุดขาวที่คุกเข่าบนพื้น
“ซ่างกวนอี้ เจ้ายินยอมสาบานด้วยมรรควิถีรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์หรือไม่”
เสียงที่ใสกังวานเจือความน่ายำเกรงอันสูงส่งถาโถมใส่หญิงสาวที่คุกเข่าบนพื้น
นอกจากนี้ยังมีเจตจำนงอันดั้งเดิมอย่างยิ่งที่มาจากบรรพกาลกำลังล่อลวงจิตของนางไม่หยุดหย่อน
ซ่างกวนอี้เม้มริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ใบหน้ามีความหนักแน่นที่ยอมตายไม่ยอมจำนน กัดฟันแน่นไม่พูดอะไรเลย
ในใจนางต่อต้านเสียงของจักรพรรดินีอย่างยิ่ง แต่ความชิดเชื้อและความผูกพันที่มาจากสายเลือดกลับทำให้นางจำต้องยอมเชื่อฟังเจตจำนงบรรพกาลนั่น
ข้างๆ ซ่างกวนอี้มีเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ยี่สิบแปดคนกำลังยืนอยู่อีกมุมเงียบๆ
หลังผ่านมหาสงครามครั้งนั้น เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสิบหกสิ้นชีพไปแปดคน นี่เป็นการสูญเสียอันร้ายแรงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ไม่เคยพบเจอเลยในรอบหมื่นปี มันสั่นคลอนรากฐานของสาวหิมะอย่างใหญ่หลวง
บัดนี้มู่ชิงเจ้าแห่งวังอินทรีเหมันต์กำลังจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยความคาดหวัง
ตอนนั้นเป็นนางนี่แหละที่พบซ่างกวนอี้ที่กำลังต่อสู้ระหว่างหลบหนี
นางไม่คิดว่าซ่างกวนอี้จะมีรากฐานแห่งน้ำแข็งของวิญญาณบรรพชนน้ำแข็งแต่กำเนิด นี่มันผู้สืบทอดสังฆราชินีชั้นยอดเชียวนะ!
มู่ชิงจับเป็นซ่างกวนอวี้โดยไม่ลังเลแล้วคุมตัวมาตรงหน้าจักรพรรดินี
หากจะถามว่าประโยชน์อันใดจากสงครามดุเดือดครั้งนั้นที่ควรค่าให้ดีใจ เกรงว่าคงจะมีแค่หญิงสาวตรงหน้าคนนี้เท่านั้น
มู่ชิงโชคดีเหลือเกินที่วิชาแลกวิญญาณของตนสิ้นประสิทธิภาพ มิเช่นนั้นคงเจริญรอยตามเจ้าแห่งวังทั้งห้าคนนั้น ถูกยอดฝีมือที่ยากลึกหยั่งถึงคนนั้นปลิดชีพไปเสียแล้ว
นางรู้สึกโชคดีอย่างยิ่ง ดวงของตนดีไม่หยอกจริงๆ รอดจากความตายไม่พอ ยังจับสุดยอดผู้สืบทอดสังฆราชินีกลับมาได้ด้วย หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ อีกไม่กี่วันจะมีรางวัลอันน่าตื้นตันใจ…
“ซ่างกวนอี้ เจ้ายินยอมสาบานด้วยมรรควิถีรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์หรือไม่”
จักรพรรดินีเอ่ยปากอีกครั้ง ถาดทวยเทพสีทองเริ่มเคลื่อนไหว อักขระสีทองนับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้าตัวซ่างกวนอี้ มันเป็นพลังธาตุแท้ดั้งเดิมที่สุดอันเจือด้วยเจตจำนง แก่นแท้แห่งมรรคาและพลังคุ้มครอง
ร่างบางของซ่างกวนอี้สั่นระริก นัยน์ตาคู่งามมีประกายสีทองเสี้ยวหนึ่งเพิ่มมา ใบหน้าที่แข็งกร้าวกำลังสูญสลายช้าๆ เริ่มมีความเฉยชาที่ทอความเย็นเยือกปรากฏขึ้น
“ข้ายอมสาบานด้วยมรรควิถี ยอมรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์!”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นในตำหนักเทพเจ้าสูงส่ง ถาดเริ่มหมุน ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว
เมิ่งจือที่ยืนข้างจักรพรรดินีนัยน์ตาสั่นระริก ใบหน้างามล่มเมืองมีรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้น
…
แคว้นไป๋หัว
ดวงดาราเดียรดาษพร่างพราวเต็มนภา ดวงดาวทรงกลมดวงหนึ่งทลายความสงบของรัตติกาล วาดเส้นโค้งสีทองอันงดงามกลางท้องฟ้ายามราตรี ตกลงกลางที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง
ตูม
แผ่นดินสั่นสะเทือน การโจมตีของพลังงานม้วนตัวไปหลายลี้ แสงเพลิงพวยพุ่งสะท้อนฟ้าดินให้สว่างไสวไปทั่ว
หญิงสาวงดงามจนจับต้องไม่ได้ ผมยาวดำขลับจรดเท้าหัวเข่าคนหนึ่งสืบเท้าอันแช่มช้อยปรากฏกายกลางเปลวไฟ เปลวไฟส่องสะท้อนผิวหนังขาวหยวกให้ดูนุ่มนวลและเย้ายวน พร่างพราวแสบตาปานดวงจันทร์กลางนภายามราตรี
นางก็คือราชินีเยว่เย่ที่กลายร่างเป็นจันทราดาราผู้นั้นนั่นเอง รองเท้าสีดำย่ำกลางเวหา หนึ่งก้าวสามลี้ ไม่นานก็มาเยือนยอดของขุนเขาสูงลูกหนึ่ง
นัยน์ตาของนางอบอุ่นใสกระจ่างดุจดวงจันทร์ เมื่อทอดสายตามองไป ตำแหน่งที่แววตามองเห็นคือสรวงสวรรค์
หลายอึดใจต่อมา ราชินีเยว่เย่ก็หลับตาลง ข้อมูลอันมหาศาลเริ่มรวมตัวกันในสมองของนาง
“ไม่ปรารถนาสิ่งใด กลายเป็นธรรมชาติ การจับตามองหกร้อยวันโดยไม่เปลี่ยนแปลงปณิธาน ต่อไปข้าขอดูสักหน่อยสิว่าได้ข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง…”
“อืม…พลังต่อสู้ทั่วไปมีแค่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ พลังยุทธ์ก็อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นหรือ”
“นี่มัน…กลายเป็นระดับแปลงจิตขั้นกลางภายในหกร้อยวัน นี่มันความเร็วขนาดไหนกันนะ ยอดฝีมือคนหนึ่งกลับชาติมาเกิดใหม่หรือ”
“ไยอสนีบาตยามข้ามระดับแปลงจิตมีอสนีทองอนัตตาโผล่มาด้วยเล่า แปลงร่างได้ด้วยหรือ คลอดลูกได้ด้วยหรือ”
“ทำไมเขาควบคุมอัสนีสวรรค์ได้ด้วยล่ะ”
ราชินีเยว่เย่ลืมตาอันงดงามขึ้น ใบหน้าฉายความงุนงงอย่างที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง
“น่าแปลกมากจริงๆ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…ไหนจะที่เขาจ้องข้าที่สำนักเซียนหมื่นชีวิตอยู่นานสองนาน แถมยังพูดว่าข้าเป็นดาวปลอมอีก กำลังพูดเป็นนัยอะไรหรือไม่ หรือข้าแปลงร่างเป็นดวงดาวจะถูกอันหลินจับได้แล้ว เขาจึงใช้วิชาบังตายั่วยุข้า”
“ไม่มีเหตุผลเลย ในเมื่อรับรู้ได้ถึงตัวตนของข้า แต่กลับไม่เพ่งเล็งข้า หากว่าเป็นข้า ข้าคงยอมให้ใครมาจับจ้องข้าทุกวี่ทุกวันไม่ได้หรอก...หรือเขาไม่แยแสเรื่องพวกนี้เลย ไม่มองว่าข้าเป็นภัยคุกคามแต่แรก”
ราชินีเยว่เย่คลึงหว่างคิ้วด้วยนิ้วมือที่ขาวเรียว จู่ๆ นางก็รู้สึกปวดกะบาลขึ้นมานิดหน่อย
“ไม่ได้การ จำต้องจัดระเบียบใหม่สักหน่อย…”
“อันดับแรก รวบรวมสงครามทั้งหมดของเขา แม้พลังต่อสู้ของเขาจะยิ่งใหญ่มาก แต่ไม่เกินขอบเขตที่จำกัดของพลังยุทธ์”
“อันดับที่สอง แม้ความเร็วในการเลื่อนขั้นของเขาจะวิปริต แต่ก็เป็นไปทีละก้าว ไม่มีความผิดปกติอย่างหนึ่งก้าวกระโดดข้ามหลายขั้น”
“อันดับที่สามก็คืออสนีบาตกับวิธีการควบคุมสายฟ้าอันประหลาดนั่น ข้าเข้าใจได้ว่าเขาถูกวิถีสวรรค์หมายหัว แต่เขามีวิธีควบคุมวิถีสวรรค์ด้วยหรือ”
“อันดับที่สี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสงครามของสาวหิมะ เขาระเบิดพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งในสภาพก่อนตาย…”
ราชินีเยว่เย่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์นั้น ในใจก็ตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
นางสามารถยืนยันได้ว่า การตายของราชินีอ้านเย่ต้องเป็นฝีมือของพลังนั่นแน่นอน!
“พลังนั่นน่ากลัวมาก อย่างน้อยก็เป็นพลังของระดับรวมมรรคา ถึงขั้นว่าสูงกว่าด้วยซ้ำ…”
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่องโหว่! เขาน่าจะใช้พลังนั่นได้เพียงครั้งเดียวในเวลาอันสั้น ลักษณะพิเศษประการนี้ สามารถมองเห็นได้จากไม้ตายที่เกือบจะฆ่าอันหลินที่สาวหิมะคนนั้นทิ้งไว้!”
“แต่ช่างน่าอิจฉาจริงๆ…มีผู้หญิงที่จริงใจกับเขาปานนี้…”
“อันหลินก็เช่นกัน ไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อผู้หญิงคนนั้น…บางทีนี่คงเป็นความรักกระมัง…”
หยาดน้ำเกลือกกลิ้งในดวงตาของราชินีเยว่เย่ ใบหน้าขาวผ่องไร้ราคีเจือความตื้นตัน
“หือ ไม่สิ! ข้าคิดเรื่องนี้ไปทำไมกัน”
ใบหน้าของเยว่เย่ชะงักงัน รีบสะบัดศีรษะทันทีแล้วเริ่มวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง
“ข้ายังเอาชนะได้! สามารถเอาชนะอันหลินได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ยามกระตุ้นพลังนั่น! พลังนั่นทำให้อันหลินที่ใกล้ตายกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้ใหม่ แต่พลังนั่นก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน รอให้หมดเวลาก็จะเป็นช่วงเวลาเหมาะให้ข้าลงมือที่สุด!”
“เพียงแต่ว่า…จะบีบขั้นอันหลินในตอนนี้ให้เข้าตาจน องครักษ์จันทราระดับแปลงจิตเหล่านั้นของข้าไม่มีประโยชน์แล้วอย่างสิ้นเชิง ความสามารถของอันหลินในตอนนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ จะจัดการเขาเจียนตายจำต้องให้ยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าออกโรง จึงจะมีโอกาสทำได้”
“น่าชังนัก…ทำไมเขาเลื่อนขั้นไวขนาดนี้นะ!”
“ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ตัวตายตัวแทนระดับหวนสู่ความว่างเปล่า…จะไปหามาจากไหนกัน!” เยว่เย่เม้มปาก สีหน้ากลัดกลุ้ม
ราชินีเยว่เย่สูดหายใจเข้าลึก สายตาจับจ้องทางสรวงสวรรค์อีกคราแล้วพึมพำว่า
“อันหลิน…ทำไมข้าถึงได้มีศัตรูที่รับมือยากเยี่ยงเจ้ากันนะ…”
“แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้…ตัวตายตัวแทนระดับหวนสู่ความว่างเปล่า ข้าจะหาให้เจอ...”
นางตัดสินใจแล้ว เชิดหน้าที่ขาวผ่องไร้ราคีขึ้นอย่างนิ่งสงบ
แต่จู่ๆ ภาพประหลาดในสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็ฉายวาบในสมองของนาง ทำให้นางอดตัวสั่นเทาไม่ได้
ดาวดวงนี้พิเศษยิ่งนัก คงไม่ใช่ดาวปลอมหรอกนะ…
เสียงวนเวียนในสมอง ราชินีเยว่เย่กัดฟันแน่น
ต้องเป็นความบังเอิญแน่ๆ เป็นแค่ความบังเอิญแน่นอน...
นางท่องอยู่หลายครั้งหลายครา จากนั้นแหวกมิติหายลับไปจากฟ้าดินผืนนี้ เริ่มออกค้นหาตัวตายตัวแทนของนาง