ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 469 ทิวทัศน์งดงามเหมือนภาพวาด หญิงงามดุจภาพวาด
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 469 ทิวทัศน์งดงามเหมือนภาพวาด หญิงงามดุจภาพวาด
ต้าไป๋มองสีหน้าท่าทางที่ลึกล้ำเกินหยั่งของอันหลินด้วยความฉงนสนเท่ห์ในใจ
หมายความว่าพี่อันหลินไม่ต่อต้านทิวทัศน์อันนี้ แต่มันก็ยังถูกทุบตีเปล่าๆ งั้นหรือ
ต้าไป่อยากจะร้องไห้ ยืนเคียงข้างอันหลินเงียบๆ จนฟ้ามืด
ม่านรัตติกาลเริ่มมาเยือนช้าๆ
สระจันทราอันงดงามเริ่มมีควันขาวลอยขึ้นเป็นระลอกๆ พลังปราณอันเข้มข้นห้อมล้อมสี่ทิศ แลดูเลือนรางและเย้ายวนใจอย่างยิ่ง
โคมไฟปรากฏขึ้นบริเวณรอบนอกของสระจันทรา ทอแสงปกคลุมเหนือสระน้ำใสสะอาดเป็นชั้นบางๆ
ทอดมองไกลๆ สระจันทราก็เหมือนดวงจันทร์ที่ถูกทอดทิ้งไว้กลางขุนเขา
วิชาแสงจันทร์เพิ่มแสง!
ต้าไป๋วาดอุ้งมือ เมฆขาวบนนภาเริ่มเปลี่ยนแปลง
อันหลินกับต้าไป๋เบิกตากว้างมองภาพกลางปุยเมฆ
ท่ามกลางแสงระยิบระยับของผิวน้ำ พวกเขาเห็นสตรีสิบกว่าคนกำลังหยอกล้อสรวลเสเฮฮาในสระจันทรา
แม้จะมีไอน้ำสีขาวบดบัง แต่ก็สามารถเห็นเรือนร่างอันอรชรเนียนนุ่มของพวกนางรางๆ อยู่ดี มองเห็นน้ำใสกระเพื่อมกระทบเรือนร่างขาวราวหิมะของพวกนาง มองเห็นภาพอันวิเศษที่เต็มไปด้ว วยหลากหลายท่วงท่า…
อา…
ยอดไปเลย!
ทิวทัศน์ที่นี่ใช้ได้จริงๆ ด้วย!
“พี่อัน…เจ้าคิดว่าสาวคนไหนใช้ได้บ้าง” ต้าไป๋แลบลิ้นพูดอย่างตื่นเต้น
“อืม ยึดจุดนั้นของคันฉ่องเมฆเป็นจุดศูนย์กลาง หญิงสาวตรงสองนาฬิกาคนนั้นดูดีมาก คลื่นทำให้กระเพื่อมน้อยๆ มองออกว่านุ่มมาก...” อันหลินชื่นชมยิ้มๆ
ต้าไป๋พยักหน้ารัวๆ “ใหญ่มากด้วย! โฮ่ง!”
“แล้วก็หญิงสาวผมยาวสีดำทางแปดนาฬิกาคนนั้น ผมยาวลู่ไปกับเรือนร่างขาวผุดผ่อง แนบไปตามรูปร่างที่สะโอดสะอง นั่นก็เป็นจุดที่น่าชมเหมือนกัน!” อันหลินอดชมไม่ได้
“อา…นางลุกขึ้นแล้ว…โฮ่ง!” ต้าไป๋อุทาน
ร่างที่สูงระหงอวบอิ่มของหญิงสาวปรากฏในหมอกขาววับๆ แวมๆ หยดน้ำเกาะบนผิวอันขาวดุจหิมะประหนึ่งไข่มุกเม็ดงาม ส่องประกายอันน่าเย้ายวน
ต้าไป๋กับอันหลินต่างก็เบิกตากว้าง รูจมูกบานออกเล็กน้อย หน้าตาตื่นเต้นและเร้าใจ
“อา…นางเดินไปในจุดที่ไอน้ำหนาแน่นแล้ว…” อันหลินพูดอย่างห่อเหี่ยว
ต้าไป๋ก็ทำหน้าจนใจเช่นกัน ไอน้ำในสระมันแทรกแซงไม่ได้ เพราะหากว่าแทรกแซง คลื่นพลังปราณก็จะถูกหน่วยบังคับใช้กฎหมายของสำนักไม่ก็สตรีที่แช่น้ำร้อนจับได้
“พี่อัน เจ้าดูนั่นสิ มีผู้หญิงเดินเข้ามาอีกสองคนแล้ว แค่มองก็ของชั้นยอดแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างตื่นเต้น
เมื่ออันหลินมองไป เห็นหญิงชุดสีน้ำเงินกับหญิงชุดเขียวคนหนึ่งเดินคู่กันเข้ามา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ท่าทางสง่างาม แม้นใบหน้าจะถูกไอน้ำสีขาวบดบัง ไม่นับว่าชัดเจนมากนัก แต่ก็ คาดเดาได้ว่าเป็นหญิงงามเลิศล้ำทั้งสองแน่นอน
จากนั้นเมื่อเขาเพ่งพิศดูมุมปากก็กระตุกขึ้นมา
นั่น…นั่นมันชุดมรกตดำไม่ใช่เหรอ!
ไหนจะกระโปรงสีน้ำเงินนั่นอีก คุ้นตาเหลือเกิน นั่นมันชุดที่ซูเฉี่ยนอวิ๋นใส่เป็นประจำไม่ใช่เหรอ!
“หึๆ…พี่อัน เซียนหญิงสองคนนี้ต้องยอดมากแน่ๆ…รอพวกนางเปลื้องอาภรณ์ เดินไปยังจุดที่ไอน้ำเบาบาง พวกเราก็จะได้ชื่นชมกันแล้ว…” ต้าไป๋ตื่นเต้นจนกระดิกหาง
“เหอะๆ ยอดมากงั้นหรือ” อันหลินมองต้าไป๋แล้วแสยะยิ้ม
จู่ๆ ต้าไป๋ก็สะดุ้งโหยง จิตสังหารอันน่ากลัวแผ่คลุมทั่วร่าง ทำให้ขนสุนัขลุกชูชัน
มันเงยหน้าขึ้นมองอันหลินอย่างหวาดหวั่น “พี่…พี่อัน เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะ…
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะ…
เกิดการโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรงขึ้นทันใด ต้าไป๋นอนแผ่บนพื้นด้วยใบหน้าที่ปูดบวม น้ำตาอาบหน้า
“พี่อัน…ข้า…ข้าทำอะไรผิดกันแน่” ต้าไป๋ถูกทุบตีจนพูดจาไม่เป็นประโยคแล้ว
“เบิกตาหมาของเจ้าดูให้ชัดๆ ว่าผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใคร!” อันหลินชี้คันฉ่องเมฆแล้วพูดแล้วเสียงกร้าว
ต้าไป๋เบิกตากว้างมองหญิงสาวสองคนนั้น พบว่าหญิงสาวกำลังเตรียมจะถอดเสื้อ ยังไม่ทันเห็นชัดเจน หมัดประหนึ่งพายุมรสุมก็พุ่งมาปะทะใบหน้า
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะ…
ต้าไป๋นอนหายใจรวยรินบนพื้น ดวงตาถูกชกจนลืมไม่ขึ้นข้างหนึ่งแล้ว
“สวีเสี่ยวหลานกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเริ่มถอดเสื้อผ้าแล้ว เจ้ายังกล้าดูอีกหรือ!” อันหลินยิ้มหยัน
ต้าไป๋ “…”
เจ้าบอกให้ข้าเบิกตาหมาดูให้ชัดๆ ไม่ใช่หรือ ข้าควรทำอย่างไรกันแน่
ภายในสระจันทรา ตอนนี้สวีเสี่ยวหลานกับซูเฉี่ยนอวิ๋นจูงมือเดินไปยังริมสระน้ำ ตรงนี้มีเขตที่ตัดขาดจากไอน้ำ สามารถถอดชุดเปลี่ยนเป็นกระโจมนุ่งอาบน้ำได้
สวีเสี่ยวหลานกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับพบว่าปุยเมฆที่อยู่ไกลๆ มีคลื่นบางๆ ปรากฏกะทันหัน
“เอ๊ะ” นางเหลือบมองชั้นเมฆกลางนภาที่อยู่ไกลโพ้น
“สหายเสี่ยวหลานเป็นอะไรไปหรือ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นกะพริบดวงตาสีน้ำเงินคู่งามปริบๆ แล้วถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร เจ้ารอข้าสักเดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าไปจัดการอะไรหน่อย” ดวงหน้างดงามของสวีเสี่ยวหลานบัดนี้ปกคลุมด้วยความเย็นเยือก เดินไปทางด้านหลังของสระจันทราเงีย ยบๆ
ช่างเป็นฝีมือที่เหนือชั้นอย่างยิ่ง…
อีกฝ่ายต้องมีพลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเป็นอย่างต่ำแน่ๆ อีกอย่างมีการศึกษาวิชาทางด้านเมฆหมอกอย่างลึกล้ำ…
หากพลังยุทธ์ของสวีเสี่ยวหลานไม่ใช่ระดับแปลงจิต แถมยังมีสายเลือดมังกรที่สามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของเมฆลมอัสนีฟ้าดินละก็ อาจจะสัมผัสคลื่นกลางปุยเมฆไม่ได้…
นางแสยะยิ้ม “บังอาจแอบดูผู้หญิงอาบน้ำ ตายเสียเถอะ!”
ทำการวิเคราะห์คลื่นของเมฆหมอก วิเคราะห์มุมของพลังงาน คำนวณมุมของแสง…
สวีเสี่ยวหลานกระโดดพุ่งขึ้นฟ้าทันที ปีกเพลิงสีขาวกางออก คลื่นกระแทกก่อตัวขึ้นด้านหลัง พุ่งไปยังเขาสุริยันแดงด้วยความเร็วที่น่ากลัวยวดยิ่ง!
บนเขาสุริยันแดง อันหลินกับต้าไป๋เห็นสวีเสี่ยวหลานที่กระโดดแล้วพุ่งทะลุอากาศมาแต่ไกล
“คุณพระ รีบหนีเร็วเข้าพี่อัน!” ต้าไป๋ร้องเสียงหลงแล้วขี่เมฆลอยขึ้นทันที
อันหลินมองหญิงชุดขาวที่พุ่งมาทางตนอย่างเหม่อลอย ตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง ไหนเล่าจะวิ่งไหวอีก
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสวีเสี่ยวหลานเห็นตัวเองแล้ว
สีหน้าของสวีเสี่ยวหลานเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว
ตอนนี้ถ้าอันหลินตัดสินใจหนีละก็ ต่อให้จะหนีได้ชั่วคราว แต่ต่อไปจะทำอย่างไร
คุกเข่าบนกระดานซักผ้าหนึ่งปี ไม่สิ ต่อให้คุกเข่าบนทุเรียนหนึ่งปีก็ไม่มีทางไถ่โทษได้!
สู้ยอมรับผิดแต่โดยดียังดีกว่า ตั้งใจสำนึกผิดสักหน่อย ไม่แน่ว่าสวีเสี่ยวหลานอาจจะใจกว้างก็ได้
อืม…เอาแบบนี้แหละ!
ปีกเปลวไฟสีขาวของสวีเสี่ยวหลานวาดเส้นโค้งอันงดงามกลางท้องฟ้ายามราตรี เฉียดผ่านศีรษะของอันหลินไปพร้อมกับลมคลั่งอันร้อนระอุ สองอึดใจต่อมาก็ไล่ตามต้าไป๋ทัน วาดเท้าออกไปเ เหมือนพายุหมุน เตะต้าไป๋ที่กำลังหลบหนีกลับเขาสุริยันแดง
ตูม
ร่างสีขาวของต้าไป๋ฝังลงบนผิวดินข้างกายอันหลิน ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
ทำไมถูกอันหลินทุบตีแล้วยังถูกสวีเสี่ยวหลานเตะอีก...
อันหลินมองต้าไป๋ที่อยู่ข้างๆ อย่างเวทนา คิดจะหนีจากเงื้อมมือของสวีเสี่ยวหลานงั้นเหรอ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย
ตอนนี้สวีเสี่ยวหลานเป็นคนที่มีสายเลือดของวิหคชาดเชียวนะ ความเร็วยามกางปีกเพลิงวิหคชาดเหาะเหิน แม้แต่เขาก็อาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับต้าไป๋ที่ยังไม่บรรลุระดับแ แปลงจิต
หญิงชุดเขียวคนหนึ่งพุ่งลงจากท้องฟ้า ปีกเพลิงสีขาวทรงอานุภาพน่ายำเกรง
นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อยภายใต้แสงจันทร์ที่นวลกระจ่าง กิริยาสูงศักดิ์เย่อหยิ่งประหนึ่งเทวนารีเก้าสวรรค์ ดวงตาแฝงด้วยความเย็นเยือกที่อันตราย “เหอะๆ แอบดูผู้หญิงอาบน้ำหรือ ใครให ห้ความกล้ากับเจ้ากัน!”
“ต้าไป๋!” อันหลินสะดุ้งโหยงแล้วชี้ต้าไป๋
“จู่ๆ คืนนี้มันก็บอกข้าว่าเขาสุริยันแดงมีทิวทัศน์น่าชม ข้าจึงตามมันมาถึงตรงนี้ด้วยความซื่อ ตอนหลังข้าพบว่ามันใจกล้าแอบมองผู้หญิงอาบน้ำ ข้าก็เลยจัดการมันทันที! เจ้ามองจาก กรอยแผลก่อนหน้านี้บนตัวมันก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหก!” อันหลินพูดด้วยสีหน้าที่จริงใจและรู้สึกผิด
ต้าไป๋ที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกติดแหง็กอยู่บนผิวดิน “…”