ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 470 บทลงโทษของสวีเสี่ยวหลาน
ตอนนี้ในใจต้าไป๋มีความสิ้นหวัง คำพูดที่แนบเรียนไร้ช่องโหว่ของอันหลินทำร้ายจิตใจของมันอย่างยิ่ง
เพราะอะไร ทำไมต้าไป๋ผู้นี้ถูกสามีภรรยาร่วมมือกันทุบตีแล้ว ยังจะถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกหรือ
ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ยังมีความยุติธรรมอีกไหม!
ทันใดนั้น ต้าไป๋ก็นึกอะไรขึ้นได้
“เซียนหญิงเสี่ยวหลาน เข้าใจผิดแล้ว! นี่เป็นความคิดของพี่อันทั้งนั้น เขาเป็นตัวต้นคิด ข้าแค่สมรู้ร่วมคิด!”
ต้าไป๋คร่ำครวญแล้วพูดต่อว่า “เป็นความคิดของพี่อันทั้งนั้น! ตอนที่ข้าเห็นร่างของเจ้าในคันฉ่องเมฆ ข้าพยายามห้ามพี่อันไม่ให้แอบดูสุดชีวิต ปรากฏว่าพี่อันกลับทุบตีข้าด้วยคว วามโมโห! พี่อันมีนิสัยอย่างไรเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ เจ้าต้องเชื่อข้านะ! โฮ่ง!”
พูดจบต้าไป๋ก็ถลึงตาใส่อันหลินอย่างขุ่นเคือง
เอาเลย ทำร้ายกันและกันเลย!
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลินแข้งขาอ่อนแรงอีกครั้ง รีบส่งกระแสจิตทันที ‘ต้าไป๋ รีบหุบปากเดี๋ยวนี้! โดนตีคนเดียวย่อมดีกว่าโดนสองคนนะ!’
ต้าไป๋แสยะยิ้ม ‘เจ็บคนเดียวไม่สู้เจ็บด้วยกัน’
อันหลิน “…”
เขามองสวีเสี่ยวหลาน แววตาสั่นระริก พูดอย่างจริงใจว่า “เสี่ยวหลาน ข้าเป็นคนเช่นใด เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ”
“เฮ้อ…” สวีเสี่ยวหลานถอนหายใจเบาๆ
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…
ต้าไป๋เห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวกับตา ในใจไร้คลื่นอารมณ์ ถึงขั้นว่าอยากจะขำด้วยซ้ำ
อันหลินนอนหน้าช้ำบวมปูดบนพื้น เขารู้สึกว่าหมัดของสวีเสี่ยวหลานจะรุนแรงขึ้นหลายส่วนตั้งแต่บรรลุระดับแปลงจิต ร่างกายของตนต้านทานไม่ค่อยไหวแล้ว
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี สวีเสี่ยวหลานรักเขาลึกซึ้งขึ้นทุกวันแล้ว…
ขณะที่ต้าไป๋กำลังจะพูดจาเย้ยหยัน จู่ๆก็มีร่างเคลื่อนตัวเข้ามา จากนั้นกำปั้นดุจหยกขาวก็ประเดประดังเข้ามาปานพายุมรสุม!
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…
ต้าไป๋นอนแผ่อยู่ในหลุมเหมือนหมาตาย นัยน์ตาพร่ามัว พูดไม่ออกเลยสักคำ
มันลองนับดู นี่เป็นการทุบตีครั้งที่สี่ของคืนนี้แล้ว
อันหลินทุบตีมันสองครั้ง สวีเสี่ยวหลานทุบตีมันสองหน สมกันดี เข้ากันได้ดีจริงๆ…
เป็นดังที่คาด สิ่งแลกเปลี่ยนของการชมทิวทัศน์หนักอึ้งจนมันหายใจไม่ออก
สวีเสี่ยวหลานปัดมือที่เริ่มแดงเรื่อเล็กน้อยแล้วพูดเสียงไพเราะว่า “พวกเจ้าทั้งสองมีนิสัยอย่างไรข้ารู้ดีที่สุด ฉะนั้นคำพูดของพวกเจ้าเชื่อไม่ได้ จัดการคนละครึ่งเสียเลย ยุติ ธรรม!”
อันหลินชูมือสองข้างขึ้นสูงแล้วเอ่ยชมว่า “เซียนหญิงเสี่ยวหลานปราดเปรื่อง!”
ต้าไป๋ “…”
“ครั้งหน้าถ้ายังกล้าแอบดูอีก สิ่งที่รับรองพวกเจ้าจะไม่ใช่กำปั้นแล้ว แต่เป็นกระบี่มังกรวิหค! ข้าจะตอนของพวกเจ้าทั้งสอง!” สวีเสี่ยวหลานเอ่ยเสียงเย็นอีกครั้ง
กระบี่มังกรวิหคเล่มหนึ่งโผล่มากะทันหัน คมกระบี่ส่องแสงอัสนีสีน้ำเงินแปลบปลาบข้างหนึ่ง อีกข้างมีเพลิงเทวะสีแดงลุกโชน
อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่ท่อนล่าง พากันพยักหน้าไม่หยุด
“เซียนหญิงเสี่ยวหลาน ข้าสาบานว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก!” อันหลินให้สัญญา
“ข้า…ข้า…ก็…สาบานเหมือนกัน…” ต้าไป๋พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ
นิ้วเรียวของสวีเสี่ยวหลานประสานอิน จู่ๆ กระบี่วิหคมังกรก็ขยายใหญ่ขึ้นทันใด กลายเป็นกระบี่ยักษ์ยาวสิบกว่าเมตร กว้างสองเมตร
“ขึ้นมา!” สวีเสี่ยวหลานตะโกน
“ไป…ไปไหน” อันหลินกระวนกระวาย
“ส่งเจ้าไปที่ห้องกักตัวน่ะสิ ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด!” สวีเสี่ยวหลานตอบ
อันหลิน “…”
ต้าไป๋ “…”
“คือว่า…เซียนหญิงเสี่ยวหลาน พวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว เจ้าใจกว้างหน่อยไม่ได้หรือ ข้าก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ…” อันหลินอ้อนวอนด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ
“เหอะๆ…เจ้ามีหน้ามาพูดอีกหรือ ข้าไม่ใช้กระบี่เฉือนเจ้าก็ถือว่ามีเมตตามากแล้ว ขึ้นมา!” ขนคิ้วของสวีเสี่ยวหลานลุกตั้ง ตวาดเสียงดังลั่น
ด้วยถูกการใช้อำนาจโดยมิชอบของสวีเสี่ยวหลานบีบคั้น อันหลินจึงทำได้เพียงก้าวขึ้นกระบี่มังกรวิหคอย่างคอตก
สวีเสี่ยวหลานมองต้าไป๋ที่นิ่วไม่ไหวติงในหลุมด้วยสีหน้าที่เย็นเยือก “หือ ต้าไป๋ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ต้าไป๋พูดอย่างเศร้าโศกว่า “ข้า…ข้าบาดเจ็บสาหัสขยับไม่ได้แล้ว…เจ้าช่วยข้าที…โฮ่ง!”
เขาถูก ‘ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…’ ถึงสี่ครั้ง ร่างสุนัขเหมือนจะแหลกสลายอยู่แล้ว ไหนเล่าจะมีแรงลุกขึ้นอีก
“อันหลิน เจ้าลงมือรุนแรงขนาดนั้นได้อย่างไร” สวีเสี่ยวหลานโมโหนิดหน่อย
อันหลิน “…”
ต้าไป๋ “…”
ได้เลย เจ้านมใหญ่ เจ้าพูดอะไรก็ถูก!
ด้วยเหตุนี้ ต้าไป๋จึงถูกสวีเสี่ยวหลานแบกขึ้นกระบี่มังกรวิหค จากนั้นพุ่งขึ้นฟ้ามุ่งหน้าสู่ห้องกักตัว
ห้องกักตัวของสำนัก หยางซิน หัวหน้าหน่วยบังคับใช้กฎหมายเป็นคนอยู่เวร
นางฟ้าฉินเหวินของเขาส่งน่องไก่มาให้เขาด้วยความใส่ใจ ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงแผดร้องของกระบี่แว่วมาจากท้องฟ้า จากนั้นก็เป็นพลังปราณที่มหาศาลลึกล้ำอย่างยิ่ง
พลังปราณเช่นนั้นเขาจะสัมผัสได้ยามเผชิญหน้ากับอาจารย์เท่านั้น
เขาก้าวออกจากห้องกักตัวไปต้อนรับข้างนอกโดยไม่ลังเล ปรากฏว่ากลับได้เห็นฉากที่ทำให้มุมปากของเขากระตุก
หญิงชุดเขียวที่มีรูปโฉมงามสะคราญคนหนึ่งกำลังคุมตัวหนึ่งคนหนึ่งสุนัขที่หน้าตาฟกช้ำดำเขียวมา และคนคนนั้นกับหมาตัวนั้นช่างหน้าคุ้นยิ่งนัก…
ให้ตายสิ! นี่มันอันหลินกับต้าไป๋ไม่ใช่หรือ!
ไหนจะหญิงสาวคนนั้นอีก หยางซินคุ้นเคยเหลือเกิน เพราะนางก็เป็นบุคคลระดับวิปริตผู้บรรลุระดับแปลงจิตเป็นคนที่สองของสำนักนั่นเอง!
นางคุมตัวหนึ่งคนหนึ่งสุนัขมามันเรื่องอะไรกัน
“ศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลาน นี่เจ้า…” หยางซินงุนงง
“อ้อ ข้าคุมตัวพวกเขามามอบตัวน่ะ อืม…ถือเป็นการมอบตัว ไว้หน้าพวกเขาสักหน่อย” สวีเสี่ยวหลานว่า
“มอบ...มอบตัวหรือ ศิษย์พี่อันหลินกับต้าไป๋ทำอะไรผิดหรือ” หยางซินทำหน้าตกใจ
อันหลินเป็นถึงบุคคลระดับตำนานอันดับหนึ่งของสำนัก จับตัวเขาเข้าห้องกักตัวมันเป็นหายนะชัดๆ
ต้องบอกว่าครั้งก่อนที่อันหลินเข้าห้องกักตัวเพราะต่อสู้กับหงโต้ว เขาทำหน้าที่จับกุม เล่นเอานางฟ้าฉินเหวินเกือบจะเลิกกับเขาแล้ว สุดท้ายเจ้าสองคนนั้นยังระเบิดห้องกักตัว วอีก...
ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าอันหลินจะเข้าห้องกักตัวอีกแล้ว จึงอดตัวสั่นเทาไม่ได้
“เสี่ยวหลาน ไว้หน้ากันหน่อย” อันหลินกล่าว
สวีเสี่ยวหลานหัวเราะเยาะ “อันหลินกับต้าไป๋แอบดูนักเรียนหญิงแช่สระ ควรลงโทษอย่างไรก็ลงโทษเถอะ”
อันหลิน “…”
มุมปากของหยางซินกระตุกยิกๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างสวีเสี่ยวหลานกับอันหลิน เขาก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน มีข่าวลือว่าพวกเขาสองคนอาจจะเป็นคู่รักกัน
ถ้าอย่างนั้น…สถานการณ์ตอนนี้ก็เหมือนสามีแอบไปเที่ยวซ่องแล้วถูกภรรยาจับได้ จากนั้นส่งตัวไปที่โรงพักงั้นหรือ
โดยปกติแล้ว ภรรยาตบตีสามีสักยกก็หายแล้วไม่ใช่หรือ
คนนี้สุดยอดเลย ไม่ใช่แค่ตบตียกหนึ่ง แต่ยังส่งสถานีตำรวจอีก...สมกับเป็นคู่รักตัวอย่างแห่งสรวงสวรรค์…
ละครทีวีในแดนมนุษย์หลอกลวงทั้งเพจริงๆ ด้วย!
หยางซินไม่รู้ว่าควรพูดอะไร จึงคลี่มุมปากฝืนยิ้ม “เอ่อ…ศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานช่างเป็นนักเรียนดีเด่นที่เคารพกฎหมายเสียจริง…”
ในใจเขาคัดค้านการกักบริเวณอันหลิน แต่ถูกส่งตัวมาถึงที่แล้ว เขาจะไม่รับก็คงไม่ได้
“มันแน่นอนอยู่แล้ว สถานการณ์แบบนี้ถ้ายังไม่ระงับอีก ต่อไปจะมีคนเหลวไหลเลียนแบบอีกพันหมื่น พวกเราจะต้องมอบบทเรียนและการลงโทษที่รุนแรงที่สุดให้คนพรรค์นี้!” สวีเสี่ยวหลานพูด ดอย่างฉะฉาน
อันหลิน “…”
ต้าไป๋ “…”
หยางซินพูดไม่ออก จะว่าไปพวกเขาสนิทสนมกันมากจริงๆ หรือ ทำไมมองแล้วเหมือนอริเลยเล่า!
“อะแฮ่ม…เอาอย่างนี้ ถ้ามอบตัวสามารถลดโทษได้ ปกติตามกฎของสำนักแล้ว จะกักบริเวณพวกเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน ตอนนี้ข้าจะกักบริเวณพวกเจ้าห้าวัน!” หยางซินแสดงอำนาจ ประกาศบทลงโทษแก่ ทั้งสอง
อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็โล่งใจ ลดบทลงโทษได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่งแล้ว
“อืม…แต่ข้าได้ยินว่าต้าไป๋เป็นการกระทำผิดซ้ำสองไม่ใช่หรือ มันเคยแอบดูกับจ้าวหวายหยินครั้งหนึ่ง…” จู่ๆ สวีเสี่ยวหลานก็โพล่งขึ้นมา
“อ้อ! จริงด้วย!” หยางซินตาลุกวาว
“ต้าไป๋เป็นการกระทำผิดต่อเนื่อง บทลงโทษต้องเพิ่มขึ้นเท่าตัว ต้าไป๋ เจ้าต้องขังสิบวัง!” หยางซินพูดอีกครั้ง
ต้าไป๋สะดุ้งโหยง อ้าปากกว้างด้วยใบหน้าที่เหม่อลอยและหมดอาลัยตายอยาก
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้าอย่างพออกพอใจ “เสียเวลาไปไม่น้อยเลย ข้าจะกลับไปแช่น้ำแล้วนะ ขอให้พวกเจ้ามีความสุขกับที่นี่นะ”
นางโบกมือลาทั้งสองที่หน้าม่อยคอตกประหนึ่งเพื่อนเก่าแล้วขี่กระบี่จากไป
“ช่างเป็นสตรีที่ว่องไวดุจสายลมจริงๆ เสร็จกิจแล้วสะบัดชุดจากไป ซ่อนเร้นกายและชื่อ…” หยางซินมองเงาของหญิงชุดเขียวแล้วรำพัน จากนั้นก็กำชับเจ้าหน้าที่คนอื่นให้ส่งอันหลินก กับต้าไป๋เข้าคุกในห้องกักตัว
อันหลินกับต้าไป๋จึงเข้าไปครั้งด้วยประการฉะนี้