ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 472 หายนะที่จวนมาเยือน
ห้าวันต่อมา อันหลินก็บอกลาต้าไป๋ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “ต้าไป๋ ข้าจะรอเจ้ากลับมานะ”
สมาชิกหน่วยบังคับใช้กฎหมายส่งอันหลินจากไปด้วยน้ำตาที่ไหลพราก พวกเขาถูกกลิ่นหอมที่น่ากลัวนั่นทรมานทุกวัน เหลืออดนานแล้ว หวังเพียงว่าคุณชายท่านนี้จะปฏิบัติตามกฎ อย่าเข้ามาอีกเลย!
อันหลินเดินออกจากห้องกักตัว เมื่อพบว่าสวีเสี่ยวหลานไม่มารับเขาก็อดผิดหวังไม่ได้
หมาน้อยที่น่ารักตัวหนึ่ง ถุย! หมาป่าน้อยต่างหาก
หมาป่าน้อยสีขาวราวหิมะตัวนั้นแลบลิ้น เบิกตากว้าง กระดิกหาง ยืนรออันหลินหน้าประตูอย่างน่ารักน่าชัง
“นายท่าน ยินดีต้อนรับกลับมา! แม้การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่จะทำไม่สำเร็จ แต่หมาป่าน้อยก็ยังยอมบุกน้ำลุยไฟตามฝีเท้าของท่าน!” หมาป่าดาบขาวพูดอย่างประจบสอพลอ
อันหลิน “…”
ช่วงนี้หมาป่าตัวนี้ฝึกการเลียแข้งเลียขาหรือ
อันหลินกลับมายังบ้านพัก ไม่คิดว่าจะมีแขกที่เหนือความคาดหมายคนหนึ่งรอตนอยู่ในบ้านพัก
“หึ! อันหลิน ข้าว่าแล้วเชียวว่าต้องมาวันนี้ถึงจะได้พบเจ้า” บุรุษที่ท่าทางสง่างามเจือความเหนือโลกีย์คนหนึ่งกำลังกวักมือให้ตนอย่างยิ้มแย้ม
“อาจารย์มิ่งหยวน!” เมื่ออันหลินเห็นบุรุษตรงหน้าแล้วก็อดอุทานไม่ได้ จากนั้นก็พูดอย่างประหลาดใจว่า “ท่านบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้วหรือ”
“ฮ่าๆ พึ่งใบบุญของอันหลิน ข้าถึงโชคดีบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่า” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนยิ้มบางๆ ใบหน้าไม่มีความตื่นเต้นมากนัก แต่เป็นท่าทางที่เรียบเฉย
“ความชอบนี้ข้าไม่กล้ารับ เป็นเพราะท่านมีพรสวรรค์เลิศล้ำทั้งนั้นถึงมีโอกาสบรรลุได้” อันหลินโบกมือปัดๆ
จากนั้นเขาก็นั่งลงตรงหน้าเซียนสวรรค์มิ่งหยวน หยิบของกินแนะนำที่เขาใช้ต้อนรับแขกออกจากแหวนมิติ ซาลาเปาหมาเมินนั่นเอง!
“ไม่…นี่เป็นความชอบของเจ้าทั้งนั้น…ถ้าพูดให้ลึกซึ้งกว่านี้ มันเป็นเพราะโชคชะตาทั้งนั้น!” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนฉวยซาลาเปากินไปลูกหนึ่ง จากนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าฉายความตกตะลึง “ซาลาเปานี่มีวาสนากับข้า…”
อันหลิน “… ถ้ามีวาสนาท่านก็กินเยอะๆ เลย!”
เซียนสวรรค์มิ่งหยวนก็ไม่เกรงใจ ไม่นานซาลาเปาเข่งหนึ่งบนโต๊ะก็ถูกกินจนเกลี้ยง ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นสำคัญ
“ข้าลั่นวาจาก่อนทะลวงขั้นว่า หากข้าทะลวงขั้นสำเร็จจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า เซียนสวรรค์มิ่งหยวนคนนี้ไม่ใช่คนที่ไร้สัจจะ ฉะนั้นขอให้เจ้ารับประคำเม็ดนี้ไว้ด้วย” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนหยิบประคำสีขาวเม็ดหนึ่งออกมา
“นี่มัน…” อันหลินสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานที่ไม่ค่อยชัดเจนมากนักจากประคำเม็ดนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วัตถุจำพวกอาวุธวิเศษหรืออาวุเซียน คงจะเป็นวัตถุพิเศษบางอย่าง
“นี่เป็นประคำมิ่งหยวน เป็นวัตถุแห่งความสำเร็จที่รวบรวมคำทำนายของข้าไว้ ขอเพียงถ่ายเทพลังปราณใส่ประคำเม็ดนี้จะสามารถรวบรวมข้อมูลและชะตาแห่งฟ้าดินได้ วินิจฉัยสถานการณ์ทั้งดีและร้ายภายในสิบวันของผู้ใช้” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนอธิบาย
พออันหลินได้ฟังว่าเป็นของดี ก็พลันสนอกสนใจขึ้นมาทันที
“ประคำเม็ดนี้ใช้ได้แค่วันละหนึ่งครั้ง แถมยังผลาญพลังปราณอย่างยิ่งอีกด้วย เวลาใช้เจ้าต้องระวังตัวนะ!” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนถ่ายเทพลังปราณใส่ลูกประคำ
จากนั้นพื้นผิวของประคำมิ่งหยวนก็ส่องแสงสีเหลือง
“สีของประคำมิ่งหยวนเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีและโชคร้าย สีเหลืองหมายความว่าไร้โชคไร้เคราะห์ สีเขียวหมายความว่าโชคดีอย่างต่อเนื่อง สีแดงหมายความว่ามีภัยมาถึงตัว เจ้าก็ลองดูได้เหมือนกัน” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนว่าแล้วก็ยื่นประคำให้อันหลิน
อันหลินรับประคำมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “แบ่งแดงเหลืองเขียวด้วยหรือ รู้สึกเหมือนไฟจราจรบนถนนเลย”
เซียนสวรรค์มิ่งหยวนหัวเราะร่า “อย่าเอ็ดไปเชียว ความคิดสร้างสรรค์ของสีก็มาจากไฟจราจรของแดนมนุษย์จริงๆ นั่นแหละ!”
อันหลิน “…”
อันหลินลองถ่ายเทพลังปราณใส่ประคำมิ่งหยวน จู่ๆ แรงดึงดูดมหาศาลยวดยิ่งก็ระเบิดออกจากประคำ กำลังดูดพลังของตนไม่หยุด ขณะเดียวกันก็มีคลื่นแผ่กระจาย ผสานกับฟ้าดินเช่นกัน
ประคำมิ่งหยวนสว่างวาบขึ้นมัน มันเป็นสีม่วง!
มีแค่แดงเหลืองเขียวสามสีไม่ใช่เหรอ
อันหลินกะพริบปริบๆ อย่างงุนงง “อาจารย์ สีม่วงหมายความว่าอย่างไรหรือ”
เซียนสวรรค์มิ่งหยวนสูดหายใจเข้าลึก จู่ๆ แววตาที่มองอันหลินก็เปลี่ยนเป็นเวทนา “นี่เรียกว่าแดงจนม่วง…”
อันหลิน “…”
“ข้า…ข้าจะจบเห่แล้วหรือ” อันหลินรู้สึกเนื้อตัวเย็นวาบ
“ไม่เป็นไรหรอกอันหลิน โชคชะตาหาใช่สิ่งที่ไม่ผันแปร เจ้าเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเองได้!” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม
“เปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือ” อันหลินพูดอย่างร้อนรน
เซียนสวรรค์มิ่งหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “พูดแล้วมันค่อนข้างซับซ้อน แต่ข้าจะลองยกตัวอย่างก่อนแล้วกัน สมมุติว่าเจ้าจะตายพรุ่งนี้”
“เปลี่ยนตัวอย่างได้หรือไม่” มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ
“ได้ สมมุติว่าเจ้าจะตายวันมะรืน” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนพยักหน้า
อันหลิน “…”
“สมมุติว่าสาเหตุการตายของเจ้าเป็นเพราะอุกกาบาตก้อนใหญ่ยักษ์ตกลงมาในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน กระแทกแผ่นดินลอยฟ้าทั้งผืนจนระยำยับ ฆ่าล้างบางสิ่งมีชีวิตทั้งปวง เช่นนั้นไม่ว่าหลายวันนี้เจ้าจะพยายามบำเพ็ญเพียรอย่างไรก็ตาม หรือโดดเรียนอยู่บ้าน หรือซ่อนอยู่ในสถานที่ที่เจ้าคิดว่าปลอดภัยในสำนัก สิ่งที่เจ้าจะต้องเผชิญก็คือความตาย!”
“นี่แหละแรงเฉื่อยของสายน้ำโชคชะตา หากความตายกลายเป็นผลลัพธ์สายหลักของเจ้า เช่นนั้นไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แม่น้ำสาขาเหล่านั้นก็จะเหมือนถูกชักจูง ทำให้เจ้ากลับมาอยู่บนปลายทางของความตาย”
“หากต้องการจะหลุดพ้นจากพลังของสายหลักแห่งโชคชะตา เจ้าจำต้องทำการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่ยิ่ง ต้องมีพลังอย่างมหาศาล”
“อย่างเช่นว่านิสัยของเจ้าเป็นคนเก็บตัว จริงๆ วันนี้ต้องไปเรียน แต่จู่ๆ เจ้าก็จะไปเที่ยวที่ทะเลบูรพา แถมยังไปปุบปับด้วย มันไม่สอดคล้องกับนิสัยที่เจ้าจะทำเลยสักนิด ฉะนั้นจะเปลี่ยนแปลงวงโคจรโชคชะตาของเจ้าอย่างใหญ่หลวง ก็จะหลบพ้นจากการพุ่งชนของอุกกาบาต”
“และอย่างเช่นว่าเจ้าอยู่ในระดับแปลงจิต จู่ๆ พลังก็พุ่งทะยาน กลายเป็นระดับรวมมรรคา ก็สามารถมองข้ามการพุ่งชนของอุกกาบาตได้…”
“ยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกมากเท่าใด ก็จะเปลี่ยนแปลงอนาคตที่เจ้าต้องเผชิญมากเท่านั้น!”
อันหลินเข้าใจคำพูดของเซียนสวรรค์มิ่งหยวนแล้ว
โชคชะตาที่แดงจนเป็นสีม่วงอย่างเขาเกรงว่าคงต้องทำการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่ยิ่ง จึงจะหลบหายนะครั้งนี้พ้น…
“อันหลินสู้เขา! เจ้าเป็นคนที่โชคชะตาคาดเดาได้ยากที่สุดที่ข้าเคยเจอมา ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชคได้!” จู่ๆ เซียนสวรรค์มิ่งหยวนก็กุมมืออันหลินแล้วพูดให้กำลังใจ
อันหลินพยักหน้า “อาจารย์วางใจเถอะ ข้าจะไปหลบซ่อนที่ตำหนักดวงจันทร์เดี๋ยวนี้เลย”
“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนมองอันหลินด้วยความตกใจ
“เหอะๆ ฉางเอ๋อเป็นบุคคลที่ไร้เทียมทานของตำหนักดวงจันทร์ ข้าจะไปหลบที่นั่นสักสิบวัน จะมีหายนะใดทำอะไรข้าได้” อันหลินแสยะยิ้ม
เซียนสวรรค์มิ่งหยวน “…”
เซียนสวรรค์มิ่งหยวนเงียบงัน
คำพูดอันหลินฟังดูไม่มีปัญหา แต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างผิดปกติ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อันหลินก็รักษาตัวด้วยละ” เซียนสวรรค์มิ่งหยวนลุกขึ้นบอกลา
อันหลินลุกขึ้นออกไปส่งเซียนสวรรค์มิ่งหยวน จากนั้นกลับมาที่ห้อง
เขาคิดๆ แล้วก็หยิบคันฉ่องวิหคชาดออกมาถามว่า “กระจกวิเศษ…กระจกวิเศษ…ช่วยทำนายชะตาในช่วงนี้ให้ข้าที…”
“นายท่าน ข้าเป็นเพียงคันฉ่องที่มีความรู้กว้างขวาง ไม่ใช่ดูดวง” คันฉ่องวิหคชาดพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนอย่างยิ่ง
“เฮ้อ…ได้ยินว่าความสามารถจะเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในตำหนักดวงจันทร์ เจ้าลองบอกข้าหน่อยสิว่าความสามารถของฉางเอ๋อเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในตำหนักดวงจันทร์” อันหลินพูดต่อ
“ในดวงจันทร์มีพลังจันทราสนับสนุน ไม่กลัวเกรงยอดฝีมือรวมมรรคา” คันฉ่องวิหคชาดกล่าว
อันหลินพยักหน้าอย่างพอใจ “เฮ้อ ไม่เจอพี่ฉางเอ๋อกับน้องกระต่ายดวงจันทร์นานแล้ว ได้เวลาไปเยี่ยมพวกนางแล้ว!”
คันฉ่องวิหคชาด “…”