ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 473 แดนโบราณบรรพกาล
อันหลินคิดว่าเรื่องนี้จะประวิงเวลาไม่ได้ จึงตัดสินใจจะมุ่งหน้าสู่ตำหนักดวงจันทร์ทันที
เมื่อถึงตำหนักดวงจันทร์ก็ไม่ต้องสนหายนะบ้าบออะไรแล้ว ขอแค่เกาะขาพี่ฉางเอ๋อไว้ให้แน่น ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา!
อันหลินเดินออกจากประตูของบ้านพัก กำลังจะขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น
จู่ๆ ก็มีคลื่นแว่วมาจากเวหาระลอกหนึ่ง เสาแสงต้นหนึ่งพุ่งลงจากฟ้ากระแทกร่างของเขา มันเป็นเสาแสงที่แฝงด้วยพลังมิติ!
อันหลินเย็นวาบไปทั้งตัว เขาพลันนึกถึงหายนะที่แดงจนม่วงนั้นขึ้นมา
ให้ตายสิ! นี่เป็นการโจมตีที่มีเขาเป็นเป้าหมายหรือ ใครบังอาจลงมือภายในอาณาเขตของสรวงสวรรค์กัน
อย่าป่าเถื่อนและโจ่งแจ้งขนาดนี้ได้ไหม!
ทำไมเหตุถึงเกิดขึ้นเร็วปานนี้ ไม่ให้เวลาตั้งตัวกันหน่อยเลยเหรอ!
คอยดูนะว่าฉันจะรายงานบัค!
ขณะที่อันหลินกำลังสบถในใจไม่หยุดนั้น จู่ๆ ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็เข้าจู่โจม
เพียงชั่วพริบตา เขาก็มาถึงตำหนักสีขาวอันใหญ่โตมโหฬารหลังหนึ่ง
อันหลินเกร็งไปทั้งตัว จิตใจหวาดระแวง ถึงขั้นว่ากำกระบี่พิชิตมารในชั่วอึดใจ
แต่วินาทีต่อมาเขาก็ชะงักงัน เพราะภายในตำหนักมีคนอยู่หลายสิบชีวิต ต่างก็มองรอบตัวด้วยความงุนงง แถมมีพลังปราณยิ่งใหญ่กันทุกผู้ทุกคนด้วย
“อันหลิน!” เสียงที่คุ้นเคยแว่วมาทันใด
พออันหลินหันไปมองก็พบชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะ ถือหอกยาวลายมือกรกำลังมองตนด้วยความตะลึง
“ศิษย์พี่หวัง! ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!” อันหลินทำหน้าแปลกใจ
ชายคนนั้นเคยเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียน หวังเสวียนจ้านนั่นเอง!
หวังเสวียนจ้านหิ้วหอกยาวเข้ามาหาอันหลิน หอกยาวยังเปื้อนคราบเลือดสีน้ำเงินอยู่ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…ข้ากำลังฆ่าศัตรูที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ จู่ๆ ป้ายอาญาสิทธิ์ก็เปล่งแ แสงขณะที่กำลังรบ จากนั้นก็ถูกส่งมาที่นี่แล้ว เจ้าล่ะมาได้อย่างไร”
“อา เสาแสงต้นหนึ่งพุ่งลงจากท้องฟ้ามากระแทกข้า จากนั้นก็มาโผล่ที่นี่แล้ว…ข้านึกว่าศัตรูจู่โจมจะตกไปอยู่ในรังของสัตว์ประหลาดเสียอีก ยังดีที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ได้เลวร้ ายปานนั้น…” อันหลินพรูลมหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดช้าๆ
หวังเสวียนจ้านยิ้มเล็กน้อย “คงจะถูกพลังของสรวงสวรรค์เรียกตัวมาที่นี่กันทั้งนั้น ที่นี่มีใบหน้าที่คุ้นเคยไม่น้อยเลย พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อในสรวงสวรรค์ เจ้าดูชายหนุ่ม มผมยาวสีน้ำเงินคนนั้นสิ ชื่อเฉินเต้าอวิ๋นเป็นศิษย์พี่ที่โตกว่าข้าถึงสามรุ่น เคยเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียน ตอนนี้น่าจะอยู่ในระดับแปลงจิตขั้นปลายแล้ว แล้วดูผู้หญิงท ที่ค่อนข้างตัวเล็กนั่นสิ ชื่อหลิวฉู่ฉู่ เป็นศิษย์พี่ที่โตกว่าข้าถึงสิบรุ่น ตอนนี้อยู่ในระดับสุดยอดแปลงจิต ข้าเคยเห็นภาพวาดของนางในหอวีรชนของสำนัก…ส่วนเซียนที่ประจำการ รอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของสรวงสวรรค์เหล่านั้น คงไม่ต้องให้ข้าแนะนำกระมัง…”
อันหลินพยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เขาพินิจดูคนหลายสิบชีวิตในตำหนัก ยิ่งมองก็ยิ่งตกใจ คนระดับแปลงจิตหกสิบคนโดยรวมถึงตัวเขาด้วย แทบจะทุกคนที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่าระ ะดับแปลงจิต
มีอีกห้าคนที่เขาไม่อาจล่วงรู้พลังยุทธ์ได้ แต่ห้าคนนั้นกลับจดจำได้ง่ายอย่างยิ่ง ขอแค่เคยเรียนในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนของสรวงสวรรค์ ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา
เทพท่องทิวาสวมชุดสีแดง ดวงตาดุจตะวันฉาน มือถือป้ายเซียน ‘ท่องตะวัน’
เทพท่องราตรีที่สวมชุดสีดำ ร่างกายปกคลุมด้วยหมอกดำ ด้านหลังมีโซ่ตรวนยาวเหยียด
เทพอสูรที่รูปร่างสูงใหญ่ถึงสามเมตรเต็มๆ มือถือขวานสีแดงอันใหญ่
หลี่ว์ต้งปินที่สะพายกระบี่ รูปโฉมหล่อเหลา หนึ่งในแปดเซียนที่ปกครองตำหนักกระบี่ของสรวงสวรรค์
เหอเซียนกู เซียนที่เท้างามย่ำภาพมายาบงกช มือถือดอกบัวที่เบ่งบาน รูปโฉมงานล่มเมือง
อันหลินสังเกตทั้งห้าคนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความสงสัย นั่นมันเซียนที่โด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์เชียวนะ ไม่รู้ว่าวีรกรรมของพวกเขาแตกต่างจากตำนานบนโลกมากแค่ไหน
ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาบางอย่าง จู่ๆ หลี่ว์ต้งปินก็หันหน้ามองมองอันหลินแล้วยิ้มอย่างมีมารยาท
หัวใจของอันหลินกระตุกอย่างแรงไปทีหนึ่ง แอบคิดในใจว่า หล่อจังเลย!
ในตอนนั้นเอง มีบุรุษชุดสีม่วงที่ใบหน้าเย็นชาคนหนึ่งปรากฏกายเหนือบัลลังก์หยกขาวของตำหนักสีขาว
เมื่อเขาปรากฏกาย ทุกคนในตำหนักก็เงียบลง
ทุกคนพากันเบนสายตามองบุรุษบนบัลลังก์ ประหนึ่งจุดศูนย์กลางของทั้งแผ่นดินอยู่ตรงนั้น
ใบหน้านี้อันหลินก็คุ้นเคยมากเหมือนกัน จักรพรรดิจื่อเวยแห่งสรวงสวรรค์!
จักรพรรดิจื่อเวยมองผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มบางๆ สุรเสียงดุจฟ้าดินร่วมขับขาน “ยินดีต้อนรับยอดฝีมือทั้งห้าสิบหกท่านของสรวงสวรรค์ จู่ๆ ก็ส่งพวกเจ้ามาที่ นี่ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งจัดการ ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าจริงๆ”
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “แดนโบราณบรรพกาลที่ห้าร้อยปีหนหนึ่งจะเปิดทางล่วงหน้าสิบปี เวลาที่อุโมงค์เปิดก็คือวันพรุ่งนี้!”
เมื่อสิ้นคำนี้ก็ฮือฮากันทั้งตำหนัก
แน่นอนว่ามีคนที่งงเป็นไก่ตาแตกเหมือนอันหลินเช่นกัน
จักรพรรดิจื่อเวยจึงให้คำอธิบายด้วยความใส่ใจว่า “แดนโบราณบรรพกาลเป็นดินแดนที่โบราณอย่างยิ่ง ตอนนี้มีคำบอกเล่าที่ค่อนข้างแพร่หลายว่า มันก็คืออดีตของแผ่นดินบรรพกาล ตอนนี้ดินแดน นแห่งนั้นยังเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ลดลงจนเหลือเพียงหนึ่งในร้อยของแผ่นดินบรรพกาลแล้ว ระหว่างที่ดินแดนเสื่อมโทรมจะมีสิ่งที่เรียกว่าผลึกต้นกำเนิดดินแดนปรากฏ ของสิ่งนี สำคัญต่อการสร้างดินแดนอย่างยิ่งยวด”
จักรพรรดิจื่อเวยพูดแล้วโบกมือ วัตถุที่หลากหลายสีสันที่มีรูปร่างคล้ายผลึกหินห้าก้อนปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
เมื่อผลึกหินเหล่านี้โผล่มา คลื่นอันชวนให้พรั่นพรึงก็เริ่มแผ่กระจาย ดุจทั้งผืนแผ่นดินเริ่มเหนียวหนืดขึ้นมา ราวกับประสบกับพลังพันธนาการบางอย่าง
“ผลึกต้นกำเนิดดินแดนเป็นวัตถุดิบที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างดินแดน มันจะปรากฏแค่เฉพาะในยามที่ดินแดนเสื่อมสลายเท่านั้น ของพวกนี้อาจไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเจ้า แต่กลับมีปร ระโยชน์ต่อสรวงสวรรค์อย่างใหญ่หลวง พวกเราจะซื้อผลึกต้นกำเนิดชนิดนี้ด้วยราคาหินวิญญาณที่สูง ผลึกต้นกำเนิดสีขาวจะได้ก้อนละหนึ่งหมื่นหินวิญญาณ สีขาวจะได้สามหมื่นหินวิญญาณ สีน น้ำเงินได้หนึ่งแสนหินวิญญาณ สีแดงได้สองแสนหินวิญญาณ สีทองจะได้หนึ่งล้านหินวิญญาณ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็มีคนไม่น้อยจ้องผลึกต้นกำเนิดเหล่านั้นด้วยนัยน์ตาที่ร้อนรุ่มแล้ว
แม้แต่เศรษฐีแห่งวงการบำเพ็ญเซียนอย่างอันหลินก็อดกลืนน้ำลายด้วยความอิจฉาไม่ได้ ผลึกต้นกำเนิดสีทองก้อนหนึ่งก็แทบจะเทียบเท่าทรัพย์สินของยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว! ราคาแ แลกเปลี่ยนแบบนี้จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไร
“เพราะข้อจำกัดของดินแดนเสื่อมโทรม ผู้ที่สัมผัสพลังแห่งการรวมมรรคาแล้วจะถูกขัดขวางแว้งกัด ด้วยเหตุนี้แม้แต่เซียนสวรรค์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าขั้นปลายก็เข้าไปในแดนโบราณบรร รพกาลไม่ได้ พวกเราทำได้เพียงส่งนักพรตที่ต่ำกว่าระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเข้าไป แดนโบราณบรรพกาลแบ่งออกเป็นสองเขต เขตดารามายานักพรตหวนสู่ความว่างเปล่าสามารถเข้าไปได้ เขตเทพโบร ราณนักพรตแปลงจิตสามารถเข้าไปได้”
“ตอนนี้ในแผ่นดินมีกลุ่มอิทธิพลโบราณเพียงสิบหกกลุ่มที่สามารถเข้าไปแดนโบราณบรรพกาลได้ สรวงสวรรค์ของเราก็มีหนึ่งเส้นทางเช่นกัน สามารถให้นักพรตหวนสู่ความว่างเปล่าเข้าไปได้ห้า คน นักพรตแปลงจิตเข้าไปได้สามสิบคน”
“ภายในแดนโบราณบรรพกาลมีมรดกบรรพกาล อาวุธลับนับไม่ถ้วน ขณะเดียวกันมันก็อันตรายอย่างยวดยิ่ง ความโหดร้ายทารุณของมิติที่ผิดปกติ สัตว์ประหลาด คนต่างเผ่าพันธุ์ ถึงขั้นทำให้สรวงสวรรค ค์เคยมีกรณีที่ตายยกกลุ่มด้วย พวกเจ้าล้วนพลังที่เกรียงไกรที่สุดของสรวงสวรรค์ ฉะนั้นข้าจะให้เวลาทุกคนครึ่งชั่วยาม ให้ทุกคนพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าจะเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาลหรื อไม่ สุดท้ายข้าจะคัดเลือกรายชื่อตามที่ทุกคนลงทะเบียน”
เมื่อสิ้นเสียงจักรพรรดิจื่อเวยก็หลับตาลง รอคอยเงียบๆ
บัดนี้อันหลินก็นับว่าเข้าใจคำพูดของจักรพรรดิจื่อเวยแล้ว
ให้ตายสิ! นี่มันเรียกบังคับให้เขามาเคลียร์ดันเจี้ยนชัดๆ นี่นา!
เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นอันหลินก่อนทำนายชะตาอาจคิดจะลองดูสักตั้ง
แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะที่แดงจนม่วง จะให้เขาไปขุดสมบัติต่างแดนงั้นเหรอ
นี่มันขุดหลุมให้เขากระโดดลงไปทนโท่เลยไม่ใช่เหรอ!
เหอะๆ…โอกาสหายากมาก งั้นเขาก็ยกโอกาสนี้ให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นแล้วกัน…
เพราะในตำหนักมีระดับแปลงจิตหกสิบคน แต่จักรพรรดิจื่อเวยเลือกแค่สามสิบคน การแข่งขันดุเดือดมาก
อันหลินยกโอกาสที่ดีแบบนี้ให้คนอื่น ก็ถือเป็นคนดีที่มีคุณธรรมสูงส่งเหมือนกัน!
คนอื่นต้องขอบคุณเขาแน่ๆ…
ขณะที่เขากำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้น ระบบก็ดัง ‘ติ๊งต่อง’ ขึ้นมา