ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 474 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ถ้าทำได้ละก็ อันหลินไม่อยากดูภารกิจที่ระบบบ้าๆ มอบหมายให้เลยจริงๆ
อา…ถ้าส่งระบบที่เลวทรามนี่ไปทำร้ายคนอื่นได้ก็คงดี…
จู่ๆ อันหลินก็มีความคิดแบบนี้
จากนั้นไม่รู้ด้วยสาเหตุใด เขานึกถึงเซียนชราในตอนนั้น ร่างกายก็พลันสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกสั่นเทาทั้งที่ไม่หนาว
ให้ตายสิ…รู้สึกเหมือนถูกเขาหลอกเลย!
ทว่าตอนนี้อันหลินยังไม่มีทักษะถ่ายโอนระบบ และเขาก็ไม่มีความกล้าจะถ่ายโอนด้วย
เพราะสไตล์การบำเพ็ญเซียนของเขาบิดเบี้ยวถึงขั้นที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้แล้ว ถ้าเสียระบบอันนี้ไป เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะบำเพ็ญเซียนอย่างไร…ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีระบบอ อยู่ก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรบำเพ็ญเซียนอย่างไร แต่ย่อมดีกว่าไม่มีทิศทาง…
เขาเปิดหน้าจอของระบบขึ้นมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจอันโศกเศร้า
เป็นอย่างที่คิด แถบภารกิจพิเศษกำลังเปล่งแสงอย่าง ‘ชั่วร้าย’
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์มีโอกาสเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล จึงมอบหมายภารกิจให้ดังนี้’
‘รวบรวมผลึกต้นกำเนิดสีทองสิบก้อนภายในหนึ่งเดือน พร้อมกับดูดซึม’
‘ภารกิจสำเร็จรับต้นแบบกายแห่งเทพสงคราม’
‘ภารกิจล้มเหลวจะเปลี่ยนโฮสต์ให้เป็นขันทีหนึ่งร้อยปี’
‘ป.ล. ปฏิเสธภารกิจนี้ไม่ได้’
“เหอะๆ…” อันหลินหัวเราะเจื่อนๆ เส้นเลือดปูดโปนบนหัวทันที
ก่อนหน้านี้เป็นขันทีสามปี ตอนนี้ขันทีหนึ่งร้อยปี
แม่-เอ๊ย! เกินไปแล้ว!
ถึงแม้ว่า…เขาจะรักษาความบริสุทธิ์เพื่อสวีเสี่ยวหลานหนึ่งร้อยปี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับการพรากจากน้องชายหนึ่งร้อยปีได้!
ตอนนี้อันหลินตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าอยากทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เขาก็ต้องเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาล แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขากระโดดเข้าไปในแดนอุกกาบาตถล่ม มด้วยตัวเองน่ะสิ! เดินตามสายหลักของชะตาไปสู่อนาคตที่แดงจนม่วง…
คิดจะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงจะต้องกระโดดออกจากสายหลักของชะตา ถ้างั้นก็ต้องตัดสินใจทำเรื่องที่เขาไม่เคยทำมาก่อนอย่างเด็ดขาด…เป็นขันทีหนึ่งร้อยปี!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันหลินก็เบ้าตาเปียกชุ่มแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าความเฉื่อยของโชคชะตาจะสูงปานนี้ การเปลี่ยนแปลงประการนี้เขาทำได้ยากมากเหลือเกิน…
“อันหลิน เจ้าคิดว่าจะเข้าแดนโบราณบรรพกาลหรือไม่” จู่ๆ หวังเสวียนจ้านก็โพล่งถามขึ้นมา
อันหลินมองหวังเสวียนจ้านแวบหนึ่งแล้วย้อนถามว่า “ถ้าเกิดว่ามีตัวเลือกสองทางวางอยู่ตรงหน้าท่าน อันหนึ่งคือท่านจะเผชิญกับหายนะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง อีกอันคือท่านหลบลี้อันต ตรายได้ แต่ท่านต้องเป็นขันทีไปหนึ่งร้อยปี ท่านจะเลือกอะไร”
ใบหน้าเย็นชาของหวังเสวียนจ้านกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ชายชาตรีอย่างหวังเสวียนจ้านคนนี้ผงาดง้ำค้ำฟ้า เป็นขันทีไม่ได้แม้แต่วันเดียว!”
อันหลินได้ยินดังนั้นก็พรูลมหายใจ “ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน มันเป็นศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ต่อให้ข้างหน้าเป็นภูเขามีดทะเลเพลิง ก็จะเสียน้องชายไปไม่ได้!”
“ใช่! มันต้องแบบนี้! นี่เป็นขีดจำกัด และเป็นหลักการ ไม่ว่าหายนะใดก็ไม่อาจทำให้เรายอมศิโรราบได้!” หวังเสวียนจ้านฮึกเหิมขึ้นมา
“โอ้ พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ ดูท่าทางสุดยอดยิ่งนัก” จู่ๆ ก็มีหญิงงามที่สวมชุดแดงคนหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา บนข้อมือขาวสวมกำไลทองคู่หนึ่ง
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นหญิงรูปงาม ไหนเล่าจะกล้าถกประเด็นนี้ต่อ หน้าพลันแดงก่ำ เริ่มเปลี่ยนประเด็นสนทนา
หวังเสวียนจ้านยิ้มอย่างเก้อเขินแต่ไม่เสียมารยาทแล้วอธิบายว่า “พวกเรากำลังหารือกันว่าจะเข้าแดนโบราณบรรพกาลหรือไม่”
อันหลินพยักหน้า “จากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นลูกผู้ชายจะหย็องไม่ได้”
“แล้วสตรีหย็องได้หรืออย่างไร” หญิงสาวป้องปากขำ ใบหน้ามีรอยยิ้มงดงามผุดขึ้น
อันหลินยิ้มเจื่อน หากไม่มีภารกิจบ้าบอนั่น คอยดูเถอะว่าฉันจะหย็องหรือเปล่า!
“สวัสดีนะ ข้าชื่อหยางรั่วหลิง ฉายาว่าหลิงอวี้” หญิงสาวเป็นฝ่ายแนะนำตัวเอง
“สวัสดี ข้าชื่อหวังเสวียนจ้าน ฉายาชิงคง” หวังเสวียนจ้านพูดอย่างสุภาพ
พวกเขาแนะนำกันแล้ว อันหลินก็จำต้องพูดว่า “สวัสดีเซียนหญิงหลิงอวี้ ข้าชื่ออันหลิน ยังไม่มีฉายา”
“เอ๊ะ เจ้าคืออันหลินแห่งสรวงสวรรค์หรือ” หญิงสาวตาเป็นประกาย พูดต่อว่า “ข้าได้ยินหัวหน้าเฉินแห่งปราบปรามของกาฬทวีปบอกว่า ฉายาของเจ้าคือยอดคนผู้พิชิตสายฟ้าไม่ใช่หรือ”
หวังเสวียนจ้านยิ้ม “ฉายาของอันหลินเยอะเชียวละ ทั้งเจ้าแห่งพิษ ดรรชนีทลายวิถีสวรรค์ เทพแห่งซาลาเปา…”
อันหลินแน่นหน้าอกโดยพลัน ใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ในใจกลับตะโกนกร้าวว่า ‘นี่มันฉายานามเหรอ พวกเจ้าว่ามันเป็นฉายานามเหรอ! พวกเจ้าบ้าไปแล้ว หรืออันหลินคนนี้บ้าไปแล้ว ถึงได้ตั้ งชื่อแบบนี้เป็นฉายานาม!’
จากการสนทนาสั้นๆ อันหลินได้รู้ว่าหยางรั่วหลิงก็เป็นศิษย์พี่ของพวกเขาเช่นกัน อายุมากกว่าพวกเขาหนึ่งร้อยกว่าปี เป็นบุคคลโดดเด่นของสรวงสวรรค์ในตอนนั้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าตอ อนนี้ติดอยู่ในระดับสุดยอดแปลงจิตหลายปีแล้ว ไม่เจอจุดที่สามารถข้ามผ่านช่องว่างนั้นไปได้สักที โอกาสเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลครั้งนี้ คิดว่านางไม่มีทางถอดใจแน่
“เอาละ หมดเวลาพิจารณาของทุกคนแล้ว คนที่ตัดสินใจจะเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลให้ถ่ายทอดพลังจิตใส่ประคำสีขาวเม็ดนี้ ข้าจะทำการคัดกรอง!” จู่ๆ คำพูดของจักรพรรดิจื่อเวยก็ดังขึ้น
คนส่วนใหญ่ในตำหนักสีขาวต่างก็ขยับตัวกันแล้ว
อันหลินกัดฟันแล้วเดินตามไปด้วย ถ่ายทอดพลังจิตของตนใส่ประคำ
ภายในตำหนัก เซียนระดับหวนสู่ความว่างเปล่าทั้งห้าคนนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว
เซียนพสุธาระดับแปลงจิตหกสิบคนมีแค่สองคนที่สละสิทธิ์การชิงที่นั่งเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล
ซึ่งก็หมายความว่าในบรรดาเซียนพสุธาห้าสิบแปดคนนี้ต้องตกรอบไปยี่สิบแปดคน การแข่งขันแบบนี้เรียกได้ว่าดุเดือด
ไม่นานจักรพรรดิจื่อเวยก็ตัดสินรายชื่อที่มีสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว
“รายชื่อเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลยืนยันแล้ว เขตดารามายาจะมีเทพท่องทิวา เทพท่องราตรี เทพอสูร หลี่ว์ต้งปิน กับเหอเซียนกูห้าคนที่เข้าไป”
“เขตเทพโบราณจะมีปู้ถัง หลงซิ่นหง เฉินเต้าอวิ๋น หลิวฉู่ฉู่…หวังเสวียนจ้าน หยางรั่วหลิงสามสิบคนนี้เข้าไป”
จักรพรรดิจื่อเวยประกาศรายชื่อคนที่จะเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล บางคนทำหน้าดีใจ บางคนกลับทำหน้าเสียดายหมดหวัง
สีหน้าของอันหลินไม่เหมือนกันพวกเขา
ตอนนี้เขาทำหน้าตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่า สีหน้านิ่งค้างบนใบหน้า ปากอ้ากว้างราวกับได้ยินข่าวที่น่าสะพรึงอย่างยิ่งก็ไม่ปาน
ไม่มีชื่อของเขา…
ในรายชื่อที่เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลไม่มีชื่อของเขา…
หวังเสวียนจ้านเห็นความผิดปกติบนใบหน้าอันหลินก็พูดปลอบโยนว่า “สหายอันหลิน ไม่เป็นไรนะ หนทางการบำเพ็ญเซียนยังอีกยาวไกล ปฐพีก็กว้างใหญ่ไพศาล ยังมีโอกาสอีกนับไม่ถ้วนรอเจ้าอ อยู่ ตอนนี้แค่เสียโอกาสไปครั้งเดียวเท่านั้น เรื่องแค่นี้เอง!”
อันหลินพึมพำว่า “ท่านไม่เข้าใจหรอก...สำหรับพวกท่านแล้วมันเป็นการแค่การสูญเสียโอกาส แต่สำหรับข้าแล้ว…ข้าสูญเสียน้องชายของข้า…”
“ฮะ” หวังเสวียนจ้านมองอันหลินอย่างงุนงง
อันหลินตาแดงก่ำ จู่ๆ ก็แย้มยิ้ม
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…นี่น่ะหรือหายนะที่แดงจนม่วง…
ถ้าการเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาลที่อันตรายอย่างยิ่งเป็นหายนะ
การเป็นขันทีหนึ่งร้อยปีก็เท่ากับหายนะที่น่ากลัวสุดขีดสำหรับเขาไม่ใช่หรือไง
ภารกิจล้มเหลวที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ขันทีหนึ่งร้อยปีที่ถูกกำหนดไว้แล้ว…
ความยากของการทำให้วงโคจรของโชคชะตาหลบหลีกหายนะครั้งนี้สูงเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
หลบไม่ได้ หลีกไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย…