ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 475 แดนโบราณบรรพกาล ฉันไปแน่!
จู่ๆ อันหลินก็กำหมัดแล้วกัดฟันพูดว่า “มนุษย์เอาชนะสวรรค์ได้ ข้าไม่ยอมแพ้หรอก!”
พูดจบเขาก็เบนสายตามองบัลลังก์ในตำหนัก
ไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลมาในเวลาอันสั้นให้ได้
อันหลินสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นหนักแน่นอย่างยิ่ง ย่างไปหาจักรพรรดิจื่อเวยทีละก้าว
จักรพรรดิจื่อเวยลืมตาขึ้น แววตาสะท้อนร่างที่กำลังเดินมาของเขา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางๆ
อันหลินเดินเข้าไปใกล้แล้วคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นพูดเข้าประเด็นโดยตรง “จักรพรรดิจื่อเวย ข้าต้องการชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล ข้าคิดว่าข้ามีศักยภาพ ไม่ด้อยไปกว่าผู้อา าวุโสที่ได้เข้าแดนโบราณเลย กรุณาให้โอกาสข้าด้วยเถอะ”
“โอ๊ะ สหายอันหลิน มองไม่ออกเลยนะว่ามีใจจะบุกแดนอันตราย อาจหาญผจญภัยด้วย” จื่อเวยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ข้ารู้ว่าศักยภาพของเจ้าใช้ได้มาก รายชื่อที่เข้าสู่แดนโบราณบรร รพกาลควรจะมีของเจ้า แต่ข้าปฏิเสธ เจ้าห้ามเข้าไปเด็ดขาด”
อันหลินได้ยินคำปฏิเสธที่เถรตรงปานนี้ก็ยืนอึ้งกับที่ ผ่านไปหลายอึดใจถึงเอ่ยถามว่า “เพราะอะไร”
“เพราะข้าเห็นหว่างคิ้วของเจ้าเป็นสีดำ ไม่เหมาะแก่การเดินทางไกล เพราะสำหรับสรวงสวรรค์แล้ว ความสำคัญของเจ้าสูงล้ำกว่าเซียนสวรรค์ทั่วไปด้วยซ้ำ” จักรพรรดิจื่อเวยพูดอย่างมีเลศนัย
อันหลินตกตะลึงอีกครั้ง
หว่างคิ้วดำงั้นเหรอ
ให้ตายสิ หายนะของเขามันชัดเจนถึงขั้นนี้เลยเหรอ!
อันหลินสูดหายใจเข้าลึกแล้วยืนกรานว่า “ตามทำนองคลองธรรมเป็นมนุษย์ ขัดทำนองคลองธรรมเป็นเซียน หากคิดจะหลบหนีเมื่อพบเจอความลำบาก แล้วจะบรรลุมรรคาอันสูงส่งได้อย่างไร”
จักรพรรดิจื่อเวยตาเป็นประกาย “โอ้ คำพูดนี้ไม่เลวเลย”
อันหลินลอบยิ้มอย่างพอใจ คิดในใจว่าดีนะที่เมื่อก่อนชอบอ่านนิยายบำเพ็ญเซียน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีบท
“ข้ายอมมอบวัยหนุ่มและความรักในความถูกต้องของข้า พยายามช่วงชิงผลึกต้นกำเนิดมาเติมอิฐเพิ่มกระเบื้องให้สิ่งปลูกสร้างของสรวงสวรรค์! สร้างความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองให้สรวงสวรรค์!” อันห หลินยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิม
จักรพรรดิจื่อเวย “…”
“งั้นเอาอย่างนี้ เทพอสูรยังมีภารกิจต้องเฝ้าประตูสวรรค์ทักษิณ บังคับเขาไปแดนโบราณบรรพกาลไม่ค่อยเหมาะสม เจ้าแทนที่เขามุ่งหน้าสู่เขตดารามายาดีไหม” จักรพรรดิจื่อเวยยิ้ม
“เขต…เขตดารามายามีแค่ยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าที่จะเข้าไปได้ไม่ใช่หรือ ข้าไม่ไหวหรอก!” อันหลินพูดด้วยความตกใจ
“ที่จำกัดพลังยุทธ์มีแต่เขตเทพโบราณเท่านั้น เขตดารามายาไม่มีข้อจำกัดทางพลังยุทธ์มากนัก ขอแค่เป็นนักพรตต่ำกว่าหวนสู่ความว่างเปล่าก็เพียงพอแล้ว เพียงแต่อุโมงค์นั่นจุคนได้น้ อยเหลือเกิน แถมสถานที่ก็อันตรายเกินไป พวกเราถึงได้ส่งเซียนสวรรค์หวนสู่ความว่างเปล่าไป” จักรพรรดิจื่อเวยชี้แจง
อันหลิน “…”
ตอนนี้อันหลินเสียสติแล้ว ให้ระดับแปลงจิตอย่างเขาไปเล่นกับพวกหวนสู่ความว่างเปล่างั้นเหรอ
นั่นมันดินแดนอันตรายที่แม้แต่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าก็อาจจะตายได้เลยนะ!
เขาไม่มีความกล้าหรอกนะ เหลียงจิ้งหรู[1]หนึ่งร้อยคนก็ไม่ไหวหรอก!
“หือ เป็นอะไรไป ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าจะถอยงั้นหรือ ไหนบอกว่าตามทำนองคลองธรรมเป็นมนุษย์ ขัดทำนองคลองธรรมเป็นเซียนไม่ใช่หรือ” จักรพรรดิจื่อเวยเห็นสีหน้าลังเลของอัน นหลินก็อดหัวเราะไม่ได้
พับผ่าเอ๊ย! ไปเขตดารามายาต่างอะไรกับการไปตายล่ะ! ต้องลังเลอยู่แล้วสิ!
ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว สงบเสงี่ยมไปร้อยปีแล้วค่อยเคียงคู่สวีเสี่ยวหลานไปตราบนิรันดร์ ก็ดูท่าจะไม่เลวเหมือนกัน…
“ฮ่าๆ ๆ เอาละ สหายอันหลิน ข้าจะไม่ขู่เจ้าแล้ว” จู่ๆ ใบหน้าที่เย็นชาของจักรพรรดิจื่อเวยก็มีสีหน้าของคนที่กลั่นแกล้งได้สำเร็จปรากฏขึ้น หยิบชุดสีดำออกจากแหวนมิติแล้วยื่นให้อ อันหลิน
อันหลินไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มีคนมอบสิ่งของให้เขา ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับ
เขารับชุดสีดำมาแล้วพบว่าบนชุดสีแสงสีขาวระยิบระยับบางๆ เหมือนดวงดาวที่เดียรดาษเต็มท้องฟ้ายามราตรี
“นี่คือชุดลวงดารา เมื่อสวมมันแล้วจะหลบหลีกการตรวจสอบของอสูรดาราได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถปลอมแปลงพลังยุทธ์อีกด้วย หากไม่ใช่ยอดฝีมือเหนือระดับรวมมรรคาจะจับไม่มีทางจับได้ นี่มันสมบัติระดับอาวุธเซียนเชียวนะ ตอนนี้ข้ามอบมันให้เจ้าแล้ว เมื่อเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาลแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าช่วยอะไรอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เด็ดผลดาราพรายจากขุนเขาแ แสงดาวกลับมา” จักรพรรดิจื่อเวยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อันหลินได้ฟังก็ดีใจ “หมายความว่า…ตอนนี้ข้าเข้าไปเขตเทพโบราณได้แล้วใช่ไหม”
จักรพรรดิจื่อเวยพยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าจะเป็นคนที่สามสิบเอ็ดที่ได้เข้าไปในเขตเทพโบราณ อันที่จริงหลังจากที่แดนโบราณบรรพกาลขยับคราวนี้ หลังได้ตรวจสอบอุโมงค์แดนโบราณของสรวงสวรรค ค์พบว่าสามารถผ่านเข้าไปได้มากกว่าที่ผ่านมาหนึ่งคน ดีใจหรือไม่”
ดีใจกับผีน่ะสิ!
ทำไมตั้งใจเก็บสิทธิ์ไว้แล้วไม่บอก
เขามีความรู้สึกเหมือนถูกคนขุดหลุมรอให้เขากระโดดลงไปอย่างนั้นแหละ
จากนั้นเขาก็อดถามไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโสจื่อเวย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมาขอสิทธิ์เข้าไปเขตเทพโบราณกับท่าน”
จักรพรรดิจื่อเวยยิ้มอย่างลึกล้ำ “อาศัยการทำนาย”
อันหลินเคารพเลื่อมใส สุดยอดไปเลย!
จักรพรรดิจื่อเวยคิดในใจ ไม่ว่าเจ้าจะมาขอร้องข้าหรือไม่ ข้าก็มีร้อยแปดวิธีทำให้เจ้าเข้าเขตเทพโบราณ อืม…ในฐานะความหวังที่จะสืบทอดสรวงสวรรค์ในอนาคต เขตเทพโบราณแห่งนี้เจ้าไม่อ อยากไปก็ต้องไป
อันหลินเก็บชุดลวงดาราใส่แหวนมิติ คำนับกล่าวอำลา
เมื่อเขาผละออกมา หวังเสวียนจ้านกับหยางรั่วหลิงก็กรูกันมาด้วยความสงสัย
“อันหลิน เจ้าไปคุยอะไรกับจักรพรรดิจื่อเวยหรือ” หวังเสวียนจ้านถาม
“เรียบร้อย!” อันหลินยิ้ม
“เรียบร้อย อะไรเรียบร้อยหรือ” หยางรั่วหลิงฉงนสนเท่ห์
“ข้าได้ไปเขตเทพโบราณแล้ว!” อันหลินพูดอย่างตื่นเต้น
หวังเสวียนจ้าน “…”
หยางรั่วหลิง “…”
“เป็นอะไรไปหรือ” อันหลินมองท่าทางตกตะลึงของทั้งสองแล้วพูดอย่างงุนงง
หวังเสวียนจ้านพูดอย่างลังเลนิดหน่อยว่า “เจ้า…เจ้าคุยกับจักรพรรดิจื่อเวยแค่ไม่กี่ประโยค เขาก็ยอมแหกกฎให้เจ้าเข้าเขตเทพโบราณแล้วหรือ”
อันหลินพยักหน้า “อืม แถมยังฝากฝังเรื่องอื่นอีกนิดหน่อย แต่ก็ตามนี้แหละไม่ผิดแน่”
“เด็กเส้นอันดับหนึ่งของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนสมชื่อจริงๆ!” หยางรั่วหลิงอุทาน
อันหลิน “…”
จู่ๆ หยางรั่วหลิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก เอ่ยถามด้วยความประหม่าเล็กน้อยว่า “แล้วเจ้าแทนที่ใครหรือ”
อันหลินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้แทนที่ใครทั้งนั้น สิทธิ์เข้าสู่เขตเทพโบราณกลายเป็นสามสิบเอ็ดคนแล้ว”
ครั้งนี้แม้แต่หวังเสวียนจ้านก็ตะลึงพรึงเพริด ชูนิ้วโป้งแล้วพูดว่า “สุดยอด!”
“แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ” หยางรั่วหลิงทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
อันหลินคิดว่าพวกเขาเข้าใจอะไรผิดไป จึงรีบชี้แจงทันทีว่า “ไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าคิดนะ แต่อุโมงค์นั่นเข้าไปได้สามสิบเอ็ดคนแต่แรกอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว สหายอันหลิน ข้าเข้าใจดี” หวังเสวียนจ้านพยักหน้ารัวๆ
“คือว่า…” หยางรั่วหลิงหน้าแดงเรื่อ ชั่วขณะที่แววตาวูบไหว ก็เหมือนจะรวบรวมความกล้าได้แล้ว เอ่ยปากว่า “หลังข้าบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าแล้ว เจ้าช่วยพูดกับจักรพรรดิจื่ อเวยสักหน่อยได้ไหมว่า ให้ข้าย้ายไปเป็นเจ้าแห่งวังที่วังบุปผาของสรวงสวรรค์…”
อันหลิน “…”
พวกนี้เห็นเราเป็นอะไรกันนะ เราเป็นเด็กเส้นแบบนั้นหรือไง!
[1] เหลียงจิ้งหรูเป็นชื่อของนักร้องที่ร้องเพลง ‘勇气 (ความกล้า)’