ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 476 สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินออกปฏิบัติการ
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 476 สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินออกปฏิบัติการ
นักพรตที่ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลต่างก็ถูกพลังงานมหาศาลส่งกลับไปอีกครั้ง
สุดท้ายภายในตำหนักเหลือคนเพียงสามสิบหกชีวิต ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคน ระดับแปลงจิตสามสิบเอ็ดคน
จักรพรรดิจื่อเวยโยนป้ายเคลื่อนมิติสามสิบหกชิ้นให้ทุกคน “แดนโบราณบรรพกาลจะเปิดเป็นระยะเวลาสั้นๆ มีเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น พอถึงเวลา ป้ายเคลื่อนมิติจะส่งพวกเจ้ากลับสรวงสว วรรค์”
ทั้งสามสิบห้าคนต่างก็ได้รับป้ายเคลื่อนมิติสีเงินคนละชิ้น มีเพียงอันหลินที่ได้รับป้ายเคลื่อนมิติสีทองที่ทั้งหนาและใหญ่ จากนั้นเขาก็กลายเป็นจุดสนใจให้ทั้งตำหนักจับตามองอ อีกครั้งในพริบตา
อันหลิน “…”
ทำไมของเราเป็นทองคำล่ะ
จักรพรรดิจื่อเวยพูดยิ้มๆ ราวกับกำลังไขข้อข้องใจของอันหลินกับทุกคน “สหายอันหลินมีภารกิจพิเศษ ป้ายเคลื่อนมิติสีทองชิ้นนี้จะสามารถกระตุ้นได้ในพริบตาไม่ว่าที่ใดและเมื่อใด จำไ ไว้นะว่าชีวิตของเจ้าสำคัญที่สุด”
คำพูดยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ คนที่เหลือต่างก็รับรู้ได้ถึงความนัยบางอย่าง
จักรพรรดิจื่อเวยไม่หลีกเลี่ยง กล่าวเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัล เห็นได้ชัดว่าลอบให้สัญญาณบางอย่างกับทุกคน
อย่างนักพรตที่รู้สายสนกลใน หรือพวกที่เคยเข้าแดนโบราณบรรพกาลเมื่อห้าร้อยปีก่อนบางส่วน บัดนี้สีหน้าตกตะลึงยิ่งกว่า พวกเขารู้ว่าเนื่องด้วยความพิเศษของแดนโบราณบรรพกาล ทุกครั้ งที่เข้าไปยังที่แห่งนั้นจะมีนักพรตเพียงคนเดียวที่ได้รับป้ายเคลื่อนมิติสีทอง และปกติแล้วป้ายเคลื่อนมิติมักจะมอบให้บุคคลที่เป็นผู้นำในระดับหวนสู่ความว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแ แรกที่มอบให้นักพรตแปลงจิต
อันหลินพบว่าสายตาที่ทุกคนมองตนมันไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะหยางรั่วหลิง ดวงตาคู่งามแทบจะมีน้ำซึมออกมาแล้ว แถมยังเคล้าคลอด้วยความปรารถนาและความวิงวอน...
ตอนนี้เขาอยากจะตะโกนลั่นเหลือเกินว่า นี่เป็นป้ายเคลื่อนย้ายที่ตนได้มาด้วยความสามารถ ไม่ใช่เส้นสาย!
อันหลินเก็บป้ายเคลื่อนย้ายสีทองเงียบๆ ตอนนี้มีแค่ป้ายเคลื่อนย้ายชิ้นนี้ที่มอบความอบอุ่นให้เขาได้
ในช่วงเวลาต่อมา จักรพรรดิจื่อเวยได้แนะนำสถานการณ์ของแดนโบราณบรรพกาลให้กับทุกคน
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นข้อมูลที่เหล่าผู้อาวุโสในอดีตแลกมาด้วยเลือดเนื้อ อันหลินยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นั่นช่างน่ากลัว
สภาพแวดล้อมที่พิลึก มิติและสิ่งมีชีวิตที่บิดเบี้ยว กฎเกณฑ์ที่วุ่นวาย…
แถมยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากอิทธิพลอันเป็นปรปักษ์ที่เหลือของแผ่นดินบรรพกาลอีก...
ในยามที่โชคดี เข้าไปผจญภัยในแดนโบราณจะตายแค่ไม่กี่คน
เวลาที่เคราะห์ร้าย…ตายยกกลุ่ม!
ไม่ว่าจะเป็นระดับหวนสู่ความว่างเปล่าหรือแปลงจิตล้วนตายทั้งสิ้น ถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายอย่างไร!
แต่ยังคงมีผู้คนมากมายที่มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งนั้นอย่างลังเล ไม่ได้ทำเพื่ออิทธิพลที่สังกัดอยู่เท่านั้น แต่เพื่อตัวเองด้วย ที่นั่นมีแม้กระทั่งความโชคดีที่เหนือระดับรวมมรรคา เพียงพอจะทำให้ใครหน้าไหนก็ตามบ้าคลั่งแล้ว!
อันหลินจำต้องเด็ดผลดาราพรายจากขุนเขาแสงดาวหนึ่งลูก ขุนเขาแสงดาวเลือนรางไม่แน่นอน ได้ยินว่าเคลื่อนย้ายตำแหน่งตามวงโคจรของดวงดาว ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิจื่อเวยจึงระบุตำแหน่งที่แ แม่นยำไม่ได้เช่นกัน อันหลินจำต้องค้นหาด้วยตัวเอง สิ่งที่จักรพรรดิจื่อเวยทำได้ก็คือ มอบชุดลวงดาราให้อันหลิน รวมถึงรูปภาพบอกลักษณะของผลดาราพราย…
เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ
อันหลินใช้ยันต์ส่งสารแจ้งสถานการณ์แก่พวกสวีเสี่ยวหลานว่าจะมุ่งหน้าสู่แดนโบราณบรรพกาลเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ไม่นานเวลาเปิดของอุโมงค์ที่มุ่งหน้าสู่แดนโบราณก็มาถึง
พลังบางอย่างปกคลุมทุกคนเอาไว้ ชั่วขณะที่มิติปรวนแปร พวกเขาก็มาถึงห้องลับอันมืดสลัว
ใจกลางของห้องลับมีประตูแสงสีทองบานใหญ่กับบานเล็กอย่างละบานกำลังเปล่งแสงละมุน แต่แรงกดดันที่เกิดจากการแบ่งแยกมิติกลับทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ออก
“นักพรตหวนสู่ความว่างเปล่าเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลด้วยประตูบานใหญ่ นักพรตแปลงจิตเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลด้วยประตูบานเล็ก เมื่อเข้าไปแล้ว ตำแหน่งของพวกเจ้าจะแยกกันไปคนละทาง ขอใ ให้พวกเจ้าจงจำไว้ว่า ในบรรดาอิทธิพลเก่าแก่ทั้งสิบหกที่ผ่านอุโมงค์เข้าสู่แดนโบราณ นอกจากเมืองพุทธ สวนเอเดน หอสร้างโลก วังมังกรทะเลบูรพา เทือกเขานภาเหนือและทะเลสาบหลิงห หูแล้ว เผ่าพันธุ์ของอิทธิพลที่เหลือล้วนเป็นศัตรูของพวกเจ้า!”
คำพูดของจักรพรรดิจื่อเวยทำให้ทุกคนในห้องลับฮึกเหิมขึ้นมา
ในแดนโบราณ การเข่นฆ่าและแย่งชิงสมบัติระหว่างอิทธิพลที่เป็นปรปักษ์กันเห็นได้บ่อยครั้งมาก ฉะนั้นศัตรูของพวกเขาไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตในแดนโบราณบรรพกาลเท่านั้น แต่ยังมีภัยคุก กคามจากผู้แข็งแกร่งของอิทธิพลอื่นด้วย
“สวรรค์คุ้มครองมนุษย์ ขอให้พวกเจ้ากลับมาอย่างสวัสดิภาพ!” จักรพรรดิจื่อเวยเอ่ยอย่างเชื่องช้า
หลี่ว์ต้งปินยิ้มบางๆ ชุดขาวโบกสะบัด ก้าวเข้าไปในประตูสีทองก่อนใคร
เมื่อมีเขานำทัพ ทุกคนก็พากันก้าวเข้าไปในอุโมงค์ของสองแดน
“สหายอันหลิน รักษาตัวด้วยนะ!” หวังเสวียนจ้านออกแรงตบไหล่ของอันหลิน ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในประตูสีทอง
“ศิษย์พี่หวังก็ด้วยนะ”
อันหลินสูดหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มเดินเข้าไปในประตูสีทองด้วย…
…
ณ แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ ภายในปราสาทน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ประตูมิติสีทองกำลังเปล่งแสงสว่างไสว
สังฆราชินีเมิ่งจือกำลังประจันหน้ากับสาวหิมะยี่สิบสามคน เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์สามคน ผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตยี่สิบคน
“เหล่าเจ้าแห่งวังจงจำไว้ให้ดี เป้าหมายของพวกเจ้าคือทำทุกวิถีทางเพื่อชิงชิ้นส่วนแกนโลกมาให้ได้ พวกเราถอยไม่ได้แล้ว…”
“สาวหิมะที่เข้าสู่เขตเทพโบราณ ภารกิจของพวกเจ้าคือช่วยซ่างกวนอี้ไปให้ถึงภูเขาหิมะหุบสวรรค์ ปลุกจิตวิญญาณของเจ้าแห่งเหมันต์”
สาวหิมะทั้งยี่สิบสามคนก้มหัวรับคำพร้อมเพรียงกันว่า “รับทราบ!”
ดวงตาของซ่างกวนอี้ประหนึ่งผิวกระจก แฝงเร้นด้วยโลกแห่งหิมะที่แตกต่างจากดินแดนนี้อย่างสิ้นเชิง
รูปลักษณ์ของนางเลิศล้ำ โฉมหน้าเฉยชา เมื่อก้มศีรษะเบาๆ ประหนึ่งผสานเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน กลิ่นอายเลือนรางเหนือโลกีย์
“เช่นนั้นก็ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลเถอะ” เมิ่งจือชี้คทาไปที่ประตูสีทองสองบาน เมื่อคลื่นน้ำกระเพื่อม แสงสว่างที่นุ่มนวลก็แผ่กระจาย
เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าก้าวเข้าไปในประตูก่อน คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ แสงสว่างจะแตกกระจาย
พลังอันน่ากลัวดีดเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์กระเด็นทันที
“ผลุบ!” เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์คนนั้นลอยลิ่วกระอักเลือด
ในขณะเดียวกัน แสงสีทองก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“แย่แล้ว! อุโมงค์สองแดนสั่นคลอนแล้ว มีวิกฤตจะพังทลาย! ข้าจะใช้พลังจิตตรึงอุโมงค์สองแดนเอาไว้ พวกเจ้ารีบเข้าไป!” สีหน้าของเมิ่งจือเปลี่ยนไป ใช้คทาชี้ประตูทองสองบาน พลังจิตทะล ลักออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
สาวหิมะทั้งหลายพากันเหาะเข้าไปในประตูสีทองอย่างไม่ลังเล
หลังเหล่าสาวหิมะเข้าไปในประตูสีทองกันหมดสิ้นแล้ว ประตูสีทองก็เริ่มพังทลาย
พลังสะท้อนกลับอันน่ากลัวอย่างยิ่งที่แฝงด้วยม่านสองแดนเริ่มถาโถมใส่เมิ่งจือ
ร่างของเมิ่งจือถูกพลังที่น่าสะพรึงกลัวจู่โจม ร่างอรชรชนปราสาทจนแตกทลาย ร่นถอยออกไปร้อยลี้ดุจรังสี สุดท้ายมุมปากที่จิ้มลิ้มก็มีเลือดสีน้ำเงินซึมออกมา
“ตอนนี้ทำได้แค่รอให้ประตูอุโมงค์เปิดอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า…”
“ไม่คิดเลยว่าแม้แต่อุโมงค์สองแดนก็ยังเกิดเหตุได้…ระยะนี้มีอุบัติเหตุกับหายนะไม่ขาดสาย โชคชะตาของแดนศักดิ์สิทธิ์หิมะเราถึงจุดสิ้นสุดแล้วหรือ…”
เมิ่งจือมองแผ่นดินน้ำแข็งหมื่นลี้แล้วถอนหายใจเบาๆ
…
บนดินแดนลอยฟ้าอันมืดมนแห่งหนึ่งของแผ่นดินบรรพกาล
จักรพรรดิปีกทมิฬยืนมือไพล่หลัง ตรงหน้าเขามีผู้แข็งแกร่งเผ่าปีกทมิฬกลุ่มหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่
“สิบเจ็ดคน…สิบเจ็ดคน…”
“สิทธิ์ของเรามีระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสามคน ระดับแปลงจิตสิบห้าคน ข้าให้พวกเจ้าสมัคร พวกเจ้ากลับสมัครน้อยไปคนหนึ่งงั้นหรือ!”
“นอกจากราชันที่กำลังปฏิบัติภารกิจแล้ว ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าของพวกเรากลัวตายปานนี้เชียวหรือ!”
สุ้มเสียงของจักรพรรดิปีกทมิฬเจืออานุภาพสวรรค์ ทำให้เมฆบนท้องนภาม้วนตัว สายฟ้าแปลบปลาบ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีกทมิฬทั้งหลายก้มหน้าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา และไม่มีผู้กล้าระดับหวนสู่ความว่างเปล่ากล้าก้าวออกมา
จักรพรรดิปีกทมิฬ “…”
…
ณ อาณาจักรวิญญาณ ภายใต้ท้องฟ้าหลากสีสันที่บิดเบี้ยว ประตูสีทองสองบานกำลังส่องแสงสว่างไสว
สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากำลังพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เจี๋ยเจี๋ย…ไปเถอะ สังหารสิ่งมีชีวิตข้างในนั้นให้เหี้ยน จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นรสโอชายิ่งนัก…”
วิญญาณหวนสู่ความว่างเปล่าหกตน ระดับแปลงจิตอีกสี่สิบตนเคลื่อนไหวร่างกายที่พิลึกกึกกือ ยิ้มชั่วร้ายเดินเข้าไปในประตูสีทอง…
กาฬทวีป ทะเลประจิม ทะเลบูรพา ขุมนรกอสูรร้าย แดนสุขาวดี สวนศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิสรรสร้าง เทือกเขานภาเหนือ ทะเลสาบหลิงหู ป่ามังกรตะวันตก แคว้นปีกแดนใต้ แดนจิ่วโจว แดนลอยฟ ฟ้าทมิฬ แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ อาณาจักรวิญญาณ อาณาจักรปีศาจ…
สุดยอดผู้แข็งแกร่งของอิทธิพลเก่าแก่ทั้งสิบหกเริ่มเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล ปลุกปั่นสถานการณ์ต่างแดน